มีคนแดนไกลจากอเมริกา มาขอเรียนทำอาหารพื้นบ้านอยุธยากับพี่น้อย-แม่บ้านของผู้เขียนค่ะ เลยเป็นโอกาสดีของผู้เขียนที่ได้เรียนไปด้วยกัน
ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นเพื่อนอาวุโสคนหนึ่งที่รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ชื่อ Su-Mei Yu เธอเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เกิดเมืองไทย เรียนหนังสือเมืองไทยตอนเด็กๆแล้วย้ายไปอยู่อาศัยที่อเมริกาตั้งแต่อายุสิบห้าจนปีนี้อายุกว่าหกสิบปี เธอเรียนด้าน Social Work และเคยสอนที่ San Diego University จนพบว่าตนเองมีความสุขกับการทำอาหารจึงเปิดภัตตาคารไทยแห่งแรกในซาน ดิเอโก ชื่อ Saffron ปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศทีเดียว
เธอบอกว่าเห็นคุณแม่ทำอาหารมาแต่เด็กๆอยู่ในความทรงจำเสมอและตอนเรียนหนังสือที่อเมริกาเธอก็ชอบทำอาหาร คิดสูตรอาหารต่างๆเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ในที่สุดเธอก็มาสร้างผลงานด้านอาหาร มีทั้งกิจการภัตตาคารที่มีชื่อเสียงและเขียนหนังสือการทำอาหารเอเชียที่น่าทึ่ง ๓ เล่ม
คำโปรยปกหลังทำให้เห็นการใช้แนวคิดเรื่องธาตุเจ้าเรือน
...Earth, Water, Wind, Fire: A Revolutionary Way to Use the Ancient Wisdom of Thai Philosophy in Your Kitchen, Your Home, Your Life…
ผู้เขียนได้ต้อนรับเธอหลายครั้งที่บ้านและโดยเฉพาะเมื่อสามปีที่แล้วตอนเธอกำลังรวบรวมข้อมูล เรื่องราวสำหรับหนังสือเล่มล่าสุดคือ Elements of Life ซึ่งไม่ใช่แค่ตำราอาหาร แต่เป็นเรื่องของการดูแลร่างกายอย่างองค์รวม ด้วยความรู้ในเรื่องธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แบบภูมิปัญญาไทย (ซึ่งเธอได้มาเรียนรู้กับแพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ แห่งกรมการแพทย์แผนไทย ผู้ล่วงลับไปแล้ว) แต่เขียนเพื่อให้คนอเมริกันสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ทุกฤดูกาล
เธอและช่างภาพสาวชาวอเมริกันได้มาใช้เวลาที่บ้านริมน้ำหลายวันเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศและวิธีการทำสิ่งประเทืองความงามจากธรรมชาติล้วนๆ เช่น สมุนไพรพอกหน้า ขัดผิว
ภาพนี้จากในหนังสือถ่ายที่บ้านผู้เขียนค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สวย อ่านเพลิน และมีประโยชน์ น่าภูมิใจในภูมิปัญญาไทยและความเพียรสร้างสรรค์ผลงานของเธอ ใครอยากอ่านยินดีให้ยืมค่ะ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนอยากจะเขียนหนังสือให้ได้ลึกซึ้งแต่อ่านแล้วเบาสบายอย่างนี้สักเล่มสำหรับคนไทย เป็นความฝันซึ่งรอบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความเพียรค่ะ
การที่เธอได้มาบ้านผู้เขียนหลายครั้ง ได้ทานอาหารฝีมือพี่น้อยเลยติดใจฝีมือพี่น้อย ปีนี้เธอมาเมืองไทยและขอมาเรียนวิธีทำอาหารพื้นบ้านกับพี่น้อยสี่วัน ผู้เขียนยินดียิ่งที่ได้จัดให้และถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนการทำอาหารจากพี่น้อยไปพร้อมๆกับเธอ
คุณซู-เหม่ย จดละเอียดยิบและซักถามอย่างผู้มีประสบการณ์เลิศด้านอาหาร ผู้เขียนเลยได้ร่วมเรียนรู้อย่างจริงๆจังๆ ในช่วงเวลาสี่วัน
นี่เราก็เปิดพื้นที่ทำครัวที่นอกชาน เพราะครัวใหม่ชั้นสองที่ออกแบบแทนครัวเดิมชั้นล่างซึ่งถูกน้ำท่วมยังสร้างไม่เสร็จ ก็คนข้างกายเขางานมาก บ้านเราเองเลยต้องรอไปก่อน เป็นการฝึกสติดีค่ะ จึงเป็นโอกาสให้ได้ทำครัวใกล้ชิดธรรมชาติดีค่ะ
เราได้เรียนรู้สูตรอาหารและขั้นตอนเคล็ดลับมากมายซึ่งเป็นความรู้อันน่ามหัศจรรย์ที่พี่น้อยมีอยู่ในตัวหรือ Tacit Knowledge กว่าจะสกัดออกมาได้ใช้ทั้งเวลาและความอดทนมาก หากไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันพูดคุยซักถาม ได้เห็นว่าใช้เครื่องปรุงอะไร เท่าไหร่ ใส่อะไรก่อนหลัง ได้สัมผัส ได้ลิ้มรส คงไม่เข้าใจและไม่มั่นใจที่จะลงมือทำ
ได้เรียนรู้การทำอาหารพื้นบ้านและอาหารไทยธรรมดาๆหลายอย่างที่เป็นจานเด็ดบ้านเรา เช่น
สนุกกันมาก แม้จะเหนื่อยจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำเสร็จใหม่ๆก็ลงมือทานกันเลยกับข้าวหอมมะลิหุงสุกใหม่ๆ ควันฉุย
จากนี้จะลองฝึกมือให้คล่อง พี่น้อยจะได้เบาแรงบ้าง หากใครมาเยี่ยมบ้าน ต้องเป็นเหยื่อมาชิมฝีมือผู้เขียนแล้วล่ะค่ะ
สงสัยอาจารย์ขจิต ฝอยทอง จะหิวข้าว มาก่อนใครเลยนะคะ
แหม กระท้อนทรงเครื่องยั่วน้ำลายจริงๆ กลืนไปหลายเอื๊อกแล้วค่ะ
กระท้อนดกจัง ต้นใหญ่มาก ท่าทางจะอายุมากพอดู เนื้อกระท้อนเอามาทำแกงคั่วก็ได้นะคะ
แอบคิด.....คิดอยู่นะค่ะ
ว่าพี่นุชหายไปนานเหมือนกัน?...
น่าอบอุ่นจังเลย......แต่น่าอร่อยมากที่สุดด้วยค่ะ
ใครได้ชม...ต้องยอมเป็นเหยื่อแต่โดยดีคะ....^_____^
อื้อฮือ..พี่ใหญ่มาเยี่ยมช่วงเที่ยงพอดี..ได้อิ่มตาไปด้วยกับเมนูเด็ดๆทั้งนั้น..ขอส่งน้ำพริกกุ้งเสียบปักใต้ แนมด้วยถั่วพูอ่อน เมล็ดพันธุ์ของน้อง ดร.ขจิต มาร่วมวงด้วยค่ะ
โชคดีจังค่ะ ที่หนูรีอิ่มมื้อกลางวันแล้ว มิเช่นนั้นน้ำย่อยทำงานแน่ๆเลยค่ะพี่นุช
ขอบคุณน่ะค่ะ^^
เชิญเลยค่ะคุณแจ๋ว อิ อิ ฝีมือพี่ก็ไม่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยก็มีความรู้เรื่องเครื่องแกง ไม่ผิดสูตร หากจะขาดเห็นจะเป็น "ความอร่อย" เท่าพี่น้อย^___^
นุชปลื้มไปกับพี่ใหญ่นาง นงนาท สนธิสุวรรณทุกครั้งที่เห็นผักปลูกเองฝีมือพี่ใหญ่ ถั่วพูท่าทางกรอบมาก ทานกับน้ำพริกกุ้งเสียบ ข้าวสวยร้อนๆแถมไข่เจียวด้วย โอ้ ข้าวหมดหม้อไม่รู้ตัวได้เลยค่ะ
คงได้มีโอกาสร่วมวงอาหารกับพี่ใหญ่ด้วยเมนูไทยๆและผักปลูกเองสักครั้งนะคะ
ได้ทานของคาวแล้วยังขาดของหวานหรือลองกองจากสวนก็ได้ค่ะคุณหนูรี^___^
ขอบคุณในคำแนะนำค่ะคุณสิงห์ ป่าสัก
จะทยอยลงเมื่อได้จังหวะฝึกฝีมือค่ะ จะลงมือตำน้ำพริกแกงเอง ให้พี่น้อยเป็นแค่ผู้ช่วย มีเคล็ด เกร็ดความรู้ที่น่าสนใจมากด้วยค่ะจากการฟังทั้งพี่น้อยและคุณซูเหม่ยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องอาหารกัน ^___^
อาหารไทยพื้นบ้านเช่นนี้เหมาะกับวิถีไทย การมีชีวิตอยู่ในภูมิศาสตร์แบบประเทศไทย คนเราหากรู้จักกินอยู่ ตามภูมิและตามกาล ก็จะเบียดเบียนโลกน้อยลง เบียดเบียนตัวเองน้อยลงด้วยการกินอาหารเป็นยาแบบคนสมัยก่อน
น่าประหลาดใจมากที่ไม่เพียงความรู้เรื่องข้าวปลาอาหารที่กินตามภูมิ กินตามกาลจะเลือนไปจากความใส่ใจของคนสมัยนี้แต่ยังมีความเข้าใจผิดอีกว่าอาหารพวกแกง พวกกะทิ ไม่ดีกับสุขภาพ อาหารพวกนี้เรากินกับข้าว ไม่ใช่ซดส่วนตัวเป็นชามๆ แต่คนสมัยใหม่กลับไม่กลัวนม เนย น้ำตาลเห็นถือกันแก้วโตๆ น่าเป็นห่วงสุขภาพคนไทยมากค่ะ
ผมชอบทำอาหารทานเอง อยากได้รายละเอียดและวิธีทำ ทั้ง2รายการครับ
1.แกงส้มมะรุม แกงกับปลาช่อนทอด และใช้เนื้อปลาช่อนสุกโขลกกับน้ำพริกแกง
2.ใบชะพลูห่อปลากรายย่าง
เริ่มหิวแล้ว
ขอบคุณครับ
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์เอื้องแซะและคณะค่ะที่ได้ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดถ้ำวัว มีคนบอกว่าสถานที่สัปปายะมาก คิดว่าจะหาโอกาสไปสักครั้งค่ะ
เวลาตำน้ำพริกแกงก็หอม ยิ่งกำลังแกงอยู่บนเตา หอมฟุ้งชวนหิวข้าวจริงๆค่ะ
หากมาอยุธยาครั้งหน้าฝีมือนุชคงพอไหว ได้ทานแน่ค่ะ^___^
ยินดีค่ะ ดร. ประสิทธิพล จะจัดให้เร็วๆนี้ รอนิดนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่สนใจอาหารพื้นบ้าน
....ยายธี..ตามกลิ่นกับข้าว..มาเจ้าค่ะ..มาได้ความคิดตรงนี้..มีปลาที่แกงเหลือไว้..เหม็นหน้าตาและกลิ่น..เห็นจะต้องไปซื้อ..ใบชะพูมาห่อเสียบไม้จิ้มฟัน..ปิ้ง..กิน..อร่อยแน่ๆๆ..หน้าตาใหม่ๆ..อิอิ...(ขออณุญาติลอกเลียนแบบนะเจ้าคะ..คนอยู่ไกลเจ้าค่ะ.).(ยายธีคงจะกลับเร็วกว่ากำหนดก็เพราะ..อาหาร..ฝีมือคุณนุช..ริมน้ำป่าสัก..นั่นเอง..อ้ะะๆๆ)...คิดถึงค่ะ..ยายธี
ดีใจที่กลิ่นหอมกับข้าวไทยชวนให้คุณยายธีอยากกลับบ้านเมืองไทยเร็วขึ้นค่ะ
หากมีใบชะพลูมากจะเอาอะไรใส่ห่อก็ได้ค่ะ ทั้งหมู ทั้งไก่ ก็แค่เอาเนื้อสัตว์มาปรุงรสนิดหน่อยก่อนเอาไปห่อนะคะ ขอให้อร่อยกับเจ้าปลาเก่าที่เหม็นหน้า ได้ใบชะพลูมาช่วยทำให้น่าชม น่าชิมดีค่ะ
บันทึกนี้รอดจากสายตาต้อมไปได้อย่างไรกัน ฮึ!!!!!!! ชื่นชม..ชื่นใจ..กับเรื่องราวตลอดจนภาพประกอบอันครบถ้วน
ต้อมจะมีโอกาสได้เป็น "เหยื่อ" ฝีมือพี่นุชไหมหนอ??????
55555 หัวเราะอ้าปากกว้างๆเลยค่ะ คุณต้อมเนปาลี ไม่กลัวก็มาเลย จะลงมือทำเองเลยนะคะ
นี่ยังติดค้างคุณสิงห์ป่าสักและดร.ประสิทธิพนธ์ที่จะต้องทำอีกขั้นคือลงมือแกงให้เสร็จค่ะ พี่ดีใจที่ได้เรียน ได้ถาม ได้จดเคล็ดลับไว้ พี่น้อยทำกับข้าวพื้นบ้านอร่อยมากจริงๆ เมื่อไม่กี่วันพี่น้อยทำแกงส้มปลาช่อนหน่อไม้ดอง ปกติพี่ไม่ชอบทานของดอง แต่พี่น้อยแกงได้อร่อยมากๆ ไม่เคยทานแกงส้มหน่อไม้ดองที่อร่อยอย่างนี้เลยค่ะ
จะหัวเราะกว้างๆ หรือแบบแย้มยิ้มนิดๆ พี่นุชก็ดูสวยงามเสมอค่ะ อิอิ ^^
อ่านหลายบันทึกของพี่นุชแล้วรู้สึก "ภูมิใจ" กับภูมิปัญญาไทยในหลายๆ ด้าน ทั้งงดงาม และแยบยล ต้อมอยากจะเก่งๆ สักเสี้ยวหนึ่งของในเรื่องเล่าทุกๆ เรื่องของพี่นุชเสียจริงๆ
คุณ Su-Mei Yu เธออดทน และเพียรที่จะเรียนรู้ในเรื่องการทำอาหารนะคะ ต้อมขอชื่นชม ^^
ป.ล. สักวันหนึ่งคงมีโอกาสไปเป็น "เหยื่อ" พี่นุชแน่ๆ คิดถึงค่ะ
อ่านบันทึกไป กลืนน้ำลายไป นี่ขนาดอ่านตอนดึกๆ นะคะ
เขียนบันทึกอ่านเพลิดเพลิน สบายๆ มากค่ะ
เขียนหนังสือเล่าเรื่องชีวิตริมน้ำสิคะ จะตามไปซื้ออ่าน