หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

ลุงลม ป้าฟ้า และชาวนาแห่งบ้านกร่าง


      แม้ว่าปู่ผมจะเป็นชาวนาและก่อนที่พ่อจะเข้าไปเป็นลูกจ้างประจำในหน่วยงานราชการก็เป็นชาวนา แต่ผมเองก็มีประสบการณ์ทำนากับปู่และพ่อน้อยมาก จำได้ว่าเคยตามปู่ไปทำพิธีไหว้แม่โพสพครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นก็ไปวิ่งเล่นในลานตีข้าว และแอบหนีเข้าไปทำอุโมงค์กองฟาง

      ทักษะในนาต่าง ๆ ตั้งแต่การไถ คราด เกี่ยวข้าว หาบข้าว ยัดฟ่อนข้าวลงหัวสี ฯลฯ มิได้เป็นมรดกที่ได้รับจากพ่อและปู่ แต่ได้มาจากการเข้าไปอยู่อาศัยในชุมชนชาวนาที่บ้านกร่าง ม.๔ ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ราว ๒ ปี

      ผมเข้าไปอยู่ในชุมชนนี้โดยไม่รู้จักมักคุ้นใครสักคน มิได้เกี่ยวดองเป็นญาติกับใครในชุมชนนี้ทั้งสิ้น

      เหตุเพราะน้องชายมาเรียนต่อที่วิทยาลัยเกษตรกรรมพิษณุโลก หรือที่รู้จักกันในนามเกษตรบ้านกร่าง และผมก็ต้องย้ายที่เรียนมาจากกรุงเทพฯ โรงเรียนใหม่อยู่ในเมืองพิษณุโลก ห่างออกไปราว ๑๐ ก.ม. พ่อแม่ให้พักกับน้อง มิใช่เพื่อให้ดูแลน้อง แต่เพราะต้องการให้น้องกำกับดูแล ด้วยช่วงนั้นผมเกเรเหลือหลายซึ่งเป็นเหตุให้ต้องย้ายออกจากกรุงเทพฯ มา

 

 

      บ้านที่ผมเช่าอยู่บนบ้านไม้สองชั้น แถบที่ผมไปอาศัยอยู่เรียกว่า “หย่อมอับ” แรก ๆ ก็ไม่ได้สุงสิงกับใคร เช้ามาตื่นไปเรียน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เย็นย่ำ บางทีก็ไม่กลับ

      น้องชายผมอาศัยอยู่ด้วยเพียงเทอมเดียวแล้วก็ย้ายเข้าไปอยู่ในวิทยาลัย ผมจึงต้องอยู่คนเดียว และต่อมาก็กลายเป็นที่มั่วสุมของบรรดาวัยรุ่นในแถบนั้น แต่เป็นเพราะบ้านอยู่กลางชุมชนแวดล้อมด้วยบ้านเรือนหลังอื่น ๆ การพบปะมั่วสุมกันก็อยู่ในสายตาของชาวบ้าน นอกจากการตั้งวงกินเหล้าแล้ว ร้ายสุดก็แค่แอบสูบกัญชาในยามดึกดื่นเท่านั้น ครึ้มอกครึ้มใจอยากเล่นไพ่ก็ต้องหนีไปเล่นในกระท่อมกลางทุ่งนา เพราะเคยแอบเล่นในบ้านปรากฏว่าวงกระจุยมาแล้ว...

      ด้วยเป็นชุมชนชาวนาและเป็นเครือญาติกันเกือบทั้งสิ้น ธรรมเนียมการลงแขกในการทำนายังคงเหนียวแน่น การรู้จักคุ้นเคยกับบรรดาวันรุ่นลูกหลานชาวบ้านที่นั่น นอกจากการสรวลเสเฮฮาในวงเหล้าแล้วยังได้ย้ายวงไปในท้องทุ่งนาด้วย ผมจึงมีโอกาสได้ฝึกหัดและทำกิจกรรมในท้องทุ่งต่าง ๆ จำนวนมาก ทั้งนี้แล้วแต่ช่วงโอกาสว่าจะทำกิจกรรมใด

      ความสนุกสนานและมีส่วนร่วมในท้องนา ทำให้ผมสนิทสนมและคุ้นเคยกับชาวบ้านที่นี่มากขึ้น ทุกคนรักและเอ็นดูเหมือนผมเป็นลูกหลาน หลังจากผ่านครึ่งปีแรกที่เข้าไปอยู่อาศัย ผมก็ขึ้นกินข้าวปลาทั้งเช้ากลางวันและเย็นได้ทุกบ้าน (แหะ แหะ มีบางบ้านอยากได้ผมเป็นลูกเขยด้วยซ้ำไป...)

      การเช่าบ้านยังไม่ทันจะครบปี ไอ้ศาลเพื่อนสนิทของผม ซึ่งเป็นลูกของลุงลม ป้าฟ้า เจ้าของบ้านที่ผมขึ้นไปกินข้าวเกือบทุกเย็น (บางทีก็เผลอหลับคาหน้าทีวีที่นั่นบ่อยครั้ง) บอกผมในวันหนึ่งว่า “มึงเลิกเช่าบ้านซะเหอะ” เพราะระยะหลังผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ผมจึงได้ย้ายมาอยู่บ้านลุงลมป้าฟ้าตั้งแต่นั้น กลายเป็นสมาชิกของครอบครัวนี้โดยปริยาย ในบางคราวเงินที่ทางบ้านส่งให้เป็นรายเดือนเกลี้ยงกระเป๋าตั้งแต่ยังไม่พ้นกลางเดือน ลุงลม ป้าฟ้า และพี่ชู (ลูกสาว) ก็ยังหยิบยื่นให้อยู่บ่อยครั้ง

      ความสัมพันธ์ของชาวนาบ้านกร่าง ในชุมชนที่ผมไปอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างแน่นแฟ้น ช่วยเหลือพึ่งพากันในระดับสูง บรรดาเด็กและวัยรุ่นในหมู่บ้านจะได้รับการดูแลจากชาวบ้านทุกคนแม้มิใช่ญาติ เมื่อทำผิดอะไรขึ้นมาก็จะโดนดุด่าตั้งแต่หัวบ้านยันท้ายบ้าน ความคุ้นเคยที่แนบแน่นในระดับนี้ช่วยดูแลลูกหลานภายในมิให้ประพฤติไม่ดี โอกาสจะแอบทำมิดีมิร้ายจึงมีน้อยจนแทบไม่มี

      ชาวบ้านที่นี่ใส่ใจเรื่องการทำบุญสุนทานค่อนข้างมาก หน้าพรรษาถือเป็นภารกิจของทุกครอบครัวที่จะต้องตระเตรียมอาหารไปใส่บาตรที่วัดทุกวันพระ การใส่บาตรยามเช้ากับพระที่มาบิณฑบาตก็เป็นภารกิจประจำวัน เรื่องการบวชเรียนของลูกหลานก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ ชาวบ้านประพฤติธรรมมากกว่าการรู้ธรรมมะเป็นข้อ ๆ ไม่ทำชั่ว ไม่เอาเปรียบกัน เพราะกลัวบาปกรรม หมู่บ้านจึงสงบร่มเย็น

      ที่นี่สอนให้ผมเห็นความงดงามของหมู่บ้านชาวนา และผมโชคดีที่มากที่มีโอกาสช่วงหนึ่งในชีวิตที่เข้าไปเป็นสมาชิกที่นี่

      ผมออกจากพิษณุโลกไปหลังจากไปอยู่ราวสองปีเศษ เป็นสองปีเศษที่มีความผูกพันมาก ๆ ผมกลับไปเยี่ยมที่นี่ทุกปีตั้งแต่เมื่อครั้งยังบวชเป็นพระ ทุกวันนี้ก็แวะเวียนไปเยี่ยมอีกอย่างน้อยปีละสองสามครั้ง

      ผมไม่มีโอกาสลงไปร่วมกิจกรรมในท้องทุ่งนาเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ทราบมาว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังทำนา แม้ว่าราคาจะขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น การทำนาสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ต้องเกี่ยว ไม่ต้องหาบ ไม่ต้องยัด ฯลฯ ใช้รถเกี่ยวข้าวลงทีเดียวก็ได้เป็นข้าวเปลือกใส่กระสอบให้เสร็จสรรพ ต้นทุนการผลิตน้อยลง

      เมื่อคราวกลับมาเยี่ยมเยียน ผมมีเวลาอยู่ไม่นานพอจะดูว่าความสัมพันธ์ของชาวบ้านที่นี่ยังแนบแน่นเช่นเดิมหรือไม่ แต่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีทุกครั้งที่ไปเยือน

หมายเลขบันทึก: 437000เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2011 20:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

พี่หนานเกียรติ

บันทึกของพี่ เขียนแล้วอ่านสบายๆ น่าติดตาม ครับ

ชาวบ้าน และ วิถีชาวบ้าน ทำให้ประเทศเราน่าอยู่นะครับ

ว่าเหมือนคุณเบอร์ 1 ว่าเจ้าพี่หนาน   อ่านง่าย  หน่อยไปอ่านอ่านง่ายอยู่หลายบทความ  อ่านเข้าใจไม่หรือหวา   วันนี้ลองสมัครแล้วไม่ผ่าน  ใส่อะไรไปก็บอกว่าไม่ถูก  สงสัยเขาไม่รับเด็กโง่แล้วเจ้า   บทความของพี่หนานไม่มีช่องว่างของคนสามารถเข้ามาอ่านได้ทุกระดับเจ้า ขอบคุณเจ้า

สวัสดีครับ คุณ ต้นกล้า 

ได้ทราบเรื่องราวจากการพูดคุยกับพี่คิมอยู่บอ่ย ๆ ครับ
สนใจงานที่คุณต้นกล้าทำอยู่มากเลย โดยเฉพาะที่จะชวนไปถอดบทเรียนชาวนาที่แพร่
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ 

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ JJ 

หมู่บ้านที่ผมไปพักมาราว ๒ ปีที่นี่ น่าอยู่มากครับ
ขอบคุณที่เข้มทักทายเยี่ยมเยียนกันนะครับ... 

สวัสดีเจ้าคุณหน่อย เชียงราย

ขอบคุณนัก ๆ เลยเจ้าที่เข้ามาอ่านและชมเชยกันยกใหญ่

ช่วงนี้ระบบของ gotoknow ไำม่ปกติ เพราะมีปัญหาที่ผู้ให้บริการ คิดว่าอีกวันสองวันคงกลับเป็นปกติ

ลองสมัครใหม่เรื่อย ๆ นะครับ...

สวัสดีค่ะ

มีความเห็นเหมือนน้องทั้งสองว่า เขียนได้น่ารัก อ่านง่ายดีค่ะ  น้องหน่อยคือเนติยา ใช่ไหมหนอ  เจอที่เฟสบุ๊ค  อยู่เชียงรายเหมือนกัน

สวัสดีครับ พี่คิม นพวรรณ 

แหะ แหะ มาชมกันเอง เขินนะเนี่ย...
น้องหน่อยเขาเข้ามาชมผมจนเขินไปหมดแล้ว เห็นว่าตามอ่านอยู่หลายบันทึก
ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกับที่พี่พูดถึงหรือเปล่า

สวัสดีค่ะ

เคยคุยกันในเฟสบุ๊ค  เขาบอกว่าชอบนะ  และน้องบอกว่าเคยรู้จักเป็นการส่วนตัวนานมาแล้วที่แพร่   เขาชมให้ฟังแล้ว

ส่วนต้นกล้าก็ชมให้ฟังบ่อย ๆ ยังไม่ได้บอกต้นกล้าว่าหยุดใช้โทรศัพท์    หากจำเป็นจริงก็อาจนำมาใช้   แต่ไม่เปิดรับค่ะ  โทรศัพท์บ้านเลิกใช้แล้ว

หลวงพ่อยังชมเลยเรื่องการเลิกใช้โทรศัพท์  ตอนไปถวายเครื่องโทรศัพท์  ทำบ้า ๆ ก็สนุกดี  ใจสบายก็รู้สึกดี

ทำไมข้อความหายไปละ  แปลกใจจริง   เขียนตั้งเยอะ  คุยเรื่องนำโทรศัพท์ไปถวายพระเณร   ซื้อเครื่องใหม่ป้ายแดงทั้งนั้นค่ะ  ไม่ได้เอาเครื่องเก่าไปถวายหรอกนะ

ระหว่างที่ปิดเครื่องเลิกใช้มาหลายวัน  มันสบายหู  สบายใจดีด้วย  และการเข้าเน็ตน้อยลง   ก็ดีอีกอย่าง

รอให้จัดค่ายคราวนี้  ให้เงินหมด ก็จะหยุดเล่นแล้วหละเบื่อ 

พี่คิม...

วัน-สองวันมานี้ GTK แปลก ๆ พิมพ์ไปข้อความหาย บางทีก็โพสต์ความเห็นไม่ขึ้น เข้าไปบางรายการก็ไม่ได้ คิดว่าอีกสองสามวันคงปกติ

เรื่องการเลิกใช้โทรศัพท์เนี่ย เป็นการประกาศอิสรภาพมาก ๆ เลยนะครับ ยอดเยี่ยมจริง ๆ อยากเอาอย่างบ้าง...

 

เล่าเรื่องราวได้เป็นแบบธรรมชาติดี เห็นได้ชัดเจนมากครับ วิถีแห่งชุมชน

น้องหนาน อาจารย์ กวางกลับจากพังงาหรือยัง ครับ ผมกำลังจะลงไปพังงา วันสองวันนี้ หากไม่มีงานด่วน

สวัสดีครับ อาจารย์ โสภณ เปียสนิท 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนทักทาย
และขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ 

ดีใจมาก ๆ ที่ชอบ จะพยายามเขียนเรื่องราวแบบนี้มาแบ่งปันเรื่อย ๆ ครับ

คารวะท่านผู้เฒ่า วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- 

อ.กวางกลับมาถึงบ้านแล้วครับ ถึงเมื่อคืนนี้
คงมีโอกาสอีกไม่นานนักสำหรับการลงไปเยือนครับ 

ประสบการณ์มากมาย..และนำมาเล่าแบบสะท้อนความจริงแบบง่ายๆ..ชื่นชมค่ะ..ฝากคิดถึง น้องกวาง และหลานเฌวา ด้วย..

..ว่างๆเชิญจูงมือกันไปเที่ยวงานนี้ค่ะ..

http://gotoknow.org/blog/nongnarts/436503

สวัสดีครับ พี่ใหญ่ - นาง นงนาท สนธิสุวรรณ 

ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยมเยียนทักทาย และคำชมที่ช่วยเพิ่งกำลังใจในการเขียน
วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก ตา ยาย ในบ้านที่กรุงเทพฯ ครับ เฌวาซนเป็นปกติครับ
ขอบคุณพี่ใหญ่มากครับที่เข้ามาชวนไปงาน แต่น่าเสียดายมากที่ไปไม่ได้ เพราะต้องพาเฌวาเดินทางไปหาปู่กับย่าที่ดอยมูเซอ ต้ังแต่วันที่ ๓ จะอยูที่นั่นราว ๑๐ วัน ก่อนที่จะกลับมากรุงเทพฯ ครับ 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท