เนิ่ม ขมภูศรี
ส.อ. เนิ่ม ขมภูศรี เนิ่ม ขมภูศรี ชมภูศรี

1) ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ.....หมวด 2 เรื่องเล่าระหว่างการฝึกซ้อม


คน เด็ก จักรยาน บันทึกชีวิตในความเป็นนักจักรยาน จากจุดเริ่มต้นแห่งชีวิต

หมวด 2 บันทึกการฝึกซ้อม
(เรื่องเล่าจากการฝึกซ้อมจักรยาน)
______________________________________________________________

ยายยิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

บันทึกการฝึกซ้อมจักรยานวันนี้มีเรื่องเล่ามาฝากท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับจิตวิญญาณในการอบรมบ่มเพาะต้นกล้าที่กำลังขะมักเขม้นฝึกซ้อมจักรยานทางไกล ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมเพื่อสร้างความอดทนให้เกิดขึ้นกับระบบกล้ามเนื้อและระบบหัวใจไหลเวียนเลือด ระบบต่าง ๆ จากการฝึกซ้อมความอดทนจะถูกพัฒนาขึ้นไปตามแผนการฝึกซ้อมรายสัปดาห์ที่จะตามมา วันนี้เมื่อทำการนัดเด็กจักรยานทีมศูนย์ฝึกกองบิน 46 ให้มารวมตัวกันในเช้าวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2554 ตามเวลาที่ได้นัดหมายคือห้วงเวลาหกนาฬิกา เมื่อเด็กจักรยานมาพร้อมกันใน การตระเตรียมสัมภาระอุปกรณ์ในการปั่นทางไกลที่จะต้องนำติดรถไปดังเช่น น้ำดื่ม เครื่องมือซ่อมจักรยาน สูบ อาหารบำรุงของเราในเช้าวันนี้เป็นกล้วยหนึ่งเครือ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้เตรียมไป เพราะว่าเป็นการปั่นไปพักไปในแต่ละจุด ส่วนใหญ่จะแวะตามปั้มเพื่อหาซื้อเกลือแร่ เครื่องดื่มเย็น ๆ เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือนั้น ถูกนำขึ้นรถยนต์เตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืนเรียบร้อยแล้ว....

หลังขบวนนักจักรยานที่ข้าพเจ้าได้ขับรถยนต์ตามป้องกันภัยอันคาดไม่ถึงจากอุบัติเหตุต่าง ๆ รถกระบะประจำทีมของเรานั้นได้ทำหน้าที่ปิดท้ายขบวนนักจักรยานอันประกอบไปด้วยเด็กชายปรมัติ สุคตินาถ หรือเสือมอสไทม์ไท เสือกิ๊ก ณัฐพล บำรุงรักษ์ นายตี๋ นายเม่น นายนิวส์ เด็กชายปัน วันนี้มีเด็กจักรยานที่ปั่นออกซ้อมทางไกลหกคน มีข้าพเจ้าและพี่หนุ่ยพ่อเสือมอส ทำหน้าที่ในการขับรถยนต์คอยช่วยเหลือเรื่องการฝึกซ้อมในการปั่นจักรยานทางไกล เส้นทางที่เราทำการฝึกซ้อมคือเส้นทางสายพิษณุโลก มุ่งตรงไปสี่แยกอินโดจีน ผ่านแยกวังทองมุ่งตรงไปบริเวณวังดินสอ เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านวังตาด ขึ้นตรงไปยังเขื่อนแควน้อย จุดหมายที่เราจะแวะพักเพื่อทานอาหารบนสันเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และช่วงขากลับจะมุ่งตรงขึ้นไปทางวัดโบสถ์ ย้อนกลับมาตามทางสายหลักถนนใหญ่จากช่วงทางแยกวัดโบสถ์เข้าสู่ตัวจังหวัดพิษณุโลก ระยะทางโดยรวมประมาณ 170 กิโลเมตร

การฝึกซ้อมมิได้เน้นเรื่องความเข้มข้นของความหนักหรือเรื่องการใช้ใบจานใหญ่ แต่เป็นการปั่นแบบท่องเที่ยว ใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก รอบขาปั่นแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ตลอดเส้นทางการฝึกซ้อมจักรยาน โดยมีเป้าหมายวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือใช้ความหนักต่ำ ความอดทนสูง.....

หลังขบวนเด็กจักรยานที่เราขับรถยนต์ตามนั้น มีชีวิตนั่งคุยกันไปสองคนคือข้าพเจ้ากับพ่อเด็กจักรยานอีกท่านหนึ่ง เมื่อเด็กจักรยานปั่นข้ามสันภูเทือกเขาลำเนาไพรเมืองพระพิษณุโลกสองแคว เราสองคนมีเรื่องเล่าหลังท้ายขบวนจักรยานเด็กศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 มาฝาก หน้าที่หนึ่งนั้นคือพลขับ ขับรถกระบะปิดท้ายขบวนเด็กนักกีฬาที่กำลังปั่นกำแดดทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวระบมน่อง ยามที่มองเห็นเด็กน่องทองกำลังบดอัดลูกบันใดปั่นขึ้นภูเขาบริเวณบ้านวังดินสอ ซึ่งภูเขาเทือกนี้ยังไม่สูงมากนัก เป็นเพียงเนินสูงไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ใช้ระยะทางขึ้นจากตีนเขาจนสิ้นยอดสุดประมาณ 3 ก.ม. ลาดลงเขาไปถึงบริเวณหน้าค่ายสฤษดิ์เสนา กรมรบพิเศษที่ 4 ติดกับน้ำตกสกุโนทยาน หรือน้ำตกวังนกแอ่น บริเวณที่นักท่องเที่ยวชอบมาเที่ยวกันมากในช่วงหน้าฝน เพราะมีน้ำตกไหลเอื่อยเย็นใสให้ได้นั่งชมนั่งพักผ่อน เหมาะที่จะมาเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก


เป้าหมายเรามุ่งตรงไปยังเขื่อนแควน้อยเพื่อแวะพักเติมข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่าง น้ำดื่มเย็น ๆ การทานอาหารมื้อเที่ยงบนสันเขื่อนแควน้อย เป็นอาหารมื้อสุดพิเศษสำหรับทีมจักรยานทีมหนึ่งนี้ เนื่องจากเด็กจะต้องทำการปั่นจักรยานจากเมืองพิษณุโลก ผ่านเส้นทางสันภูที่สูงตระหง่านทอดยาวไกล ผ่านอุปสรรคพิชิตความเจ็บปวด ผ่านความยากลำบาก อดทนต่อความเหนื่อยหิวกระหาย แต่ทั้งหมดนี้ เด็กที่จะทะลุเพดานการเป็นนักกีฬาชั้นเลิศได้ เขาต้องประกอบกิจกรรมการปั่นจักรยานด้วยความสุขในใจอย่างยิ่ง เราไม่สามารถสร้างคนที่ใจไม่รักจักรยานให้มาปั่นจักรยานได้ เขาต้องรักที่จะปั่นจักรยานด้วยตนเองอย่างแท้จริง เขาถึงจะฝ่าฝันไปสู่เส้นทางที่ตั้งความมุ่งหวังไว้ได้....


นั้นคือความยากลำบากประการหนึ่ง บันทึกการฝึกซ้อมนี้ จึงเป็นหนึ่งในบันทึกชีวิตของเด็กชาย เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบมิติที่แตกต่างไปจากที่ทุกท่านได้พบ ท่านจะทราบถึงเรื่องราวของเด็กชายที่ชีวิตหลังอานจักรยาน กว่าจะเดินทางไปสู่เส้นทางของชัยชนะได้นั้น เขาจะต้องใช้ชีวิตตนเองเป็นเรื่องกำหนด กำหนดจิตตั้งมั่น เรียนรู้การแก้ปัญหา ค้นหาตนเองจากภายใน นี้คือชีวิตนักจักรยาน ชีวิตที่นอกเหนือจากความสามารถที่เกิดขึ้น คือชีวิตของความเพียร

มิเช่นนั้นแล้ว จะไม่สามารถปั่นจักรยานฝึกซ้อมได้อย่างยาวนานต่อเนื่อง ตัวอย่างที่มาเล่าให้ท่านฟังในวันนี้ อย่างน้อยที่สุด การนั่งปั่นจักรยานบนหลังอานในวันนี้ เขาจะต้องปั่นจักรยานนานนับร้อยเจ็บสิบกิโลเมตร ซึ่งถ้าเด็กคนไหนไม่มีความมุ่งมั่น ขาดซึ่งความเพียรพยายาม จะไม่สามารถทำได้อย่างแท้จริง
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

ต้องอยู่บนอานจักรยานทำการปั่นฝึกซ้อมไปนานนับมากกว่าหกชั่วโมง

นี้คือชีวิตเด็กจักรยาน นอกเหนือจากการฝึกซ้อมรายวันรายสัปดาห์รายเดือนเป็นไปตามวงรอบ ยังต้องมีเรื่องอันเป็นเรื่องแห่งชีวิต เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องกำลังใจ เรื่องความดีที่จะต้องพยายามสื่อสารให้เกิดเป็นต้นกล้าที่งดงามเพื่อแทรกแซงให้ได้ดำรงชีวิตบนผืนดินด้วยความดี....

รูปภาพ
Thanks

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

ได้คำนี้มาจากพี่หนุ่ย พ่อเด็กนักจักรยานคนต้นเรื่อง น้องมอส เด็กชายที่เริ่มต้นชีวิตจักรยานด้วยแนวคิดที่เป็นดั่งไม้อ่อนดัดได้ด้วยความดี เด็กชายปรมัต คือจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ของข้าพเจ้าและท่านที่สนใจชีวิตในความเป็นนักจักรยาน นี้คือเราได้ทำการเรียนรู้ชีวิตตั้งแต่การเริ่มต้นที่ทำการบ่มเพาะต้นกล้างาม ว่า องค์ประกอบในสิ่งใดบ้าง ที่จะทำให้ชีวิตชีวิตหนึ่ง เดินทางไปสู่เป้าหมายแห่งความเป็นเด็กที่มีความเพียร เด็กที่มีความดี เด็กที่มีความมุ่งมั่นปรารถนา สิ่งที่เรากำลังเดินทางร่วมกันอยู่นี้ คือชีวิตทั้งชีวิตในความเป็นนักจักรยาน..

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

คือจิตวิญาณหนึ่งที่เรานั่งพูดคุยกันหลังพวงมาลัย ท้ายขบวนจักรยาน เก็บเกี่ยวรายละเอียดของเรื่องเล่ามานำเสนอให้เกิดมิติหนึ่งที่สื่อสารภาษาได้ทางจิตวิญาณในความรักผืนแผ่นดินที่เราอยู่อาศัย รักผืนป่าที่ให้ชีวิต กับอีกหนึ่งมิติที่ละเลยต่อความเป็นธรรมชาติ ละเลยรากเหง้าแห่งไม้ใหญ่ ละทิ้งร่มโพธิ์ทองให้หมองตรมล้มหายละลายไปกับกาลเวลาที่รวดเร็วยิ่งกว่าห้วงแห่งมิติทางด้านการคาดวัดด้วยระยะเวลาของหนึ่งวินาทีแสง....
รูปภาพ
Thanks

ในขณะที่ได้พาเด็กปั่นฝึกซ้อมจักรยาน ตามเส้นทางที่ได้เลือกสรรแล้วว่า มีความเหมาะสมในการฝึกซ้อมเพื่อสร้างความอดทน ด้วยมีเทือกเขาสูงชันอยู่หลายช่วง โดยเฉพาะช่วงที่ขึ้นบ้านวังตาด จากหน้าค่ายสฤษดิ์เสนา เลี้ยวซ้ายไปได้สักสองสามร้อยเมตร จะเป็นทางที่เริ่มไต่ระดับความสูงชันของสันภูเทือกงามบ้านวังตาด ความสูงชันของภูเขาลูกนี้ เป็นที่ขึ้นชื่อของบรรดานักปั่นจักรยานทั่วทั้งจังหวัดพิษณุโลก ถ้าใครร่างกายไม่ดีพอ ขาดพร่องเรื่องความฟิต จะไม่สามารถปั่นขึ้นภูเขาเส้นนี้ได้ เพราะมีความสูงชันอย่างมาก บางคนทนต่อความเหนื่อยล้าในช่วงเริ่มปั่นไต่ระดับความสูงไปได้ ก็จะพบกับความสุขและเบิกบานใจบนยอดภูเขาที่เราเกิดความกระหยิ่มยิ้มยกย่องความสามารถของตนเอง ส่วนคนที่ยังปั่นขึ้นไม่ไหวถึงกับจอดจักรยานนำเท้าลงพื้นไม่ทันล้มกลิ้งตรงช่วงกลางภูเขาก็มีให้เห็นเป็นประจำ.......

ในขณะที่พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ กับพี่หนุ่ย สายตาก็แลเห็นศาลภูมิที่มีคนนำมาทิ้งกองพะเนินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เราขับรถผ่าน มีคำถามประโยคหนึ่งที่ตั้งเป็นคำถามเพื่อต้องการคำตอบว่า
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


‘รู้ไหม.. ทำไมเขาถึงนำศาลพระภูมิมาทิ้งไว้ที่นี่‘

เมื่อถูกตั้งคำถามที่ต้องการคำตอบจากเจ้าของคำถาม ยังมิทันที่ข้าพเจ้าจะพบคำตอบได้ ก็มีคำเฉลยเป็นนัยยะที่ก่อให้เกิดปริศนาชวนให้ครุ่นคิดต่อไปอีกว่า

‘ไม่ใช่ว่าที่ตรงนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ แต่ทำไมเขาถึงนำศาลพระภูมิมาทิ้งไว้ตรงนี้ ‘’

สายตาทอดยาวดูเด็กปั่นจักรยานอยู่เบื้องหน้า สมองครุ่นคิดต่อคำถาม มีช่องว่างระหว่างกาลเวลาที่รอคอยคำตอบเกิดขึ้น แต่ช่องว่างของห้วงเวลานั้นหายไป อาจจะหนึ่งนาที สองนาที หรือนานกว่านั้น คำตอบที่กำลังค้นหาจากความทรงจำก็ยังไม่เกิดขึ้น จนได้ยินคำพูดของพี่หนุ่ยเจ้าของคำถามอีกครั้งหนึ่ง
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

'' นี่ จะเล่าให้ฟัง ''

พี่หนุ่ยมักเรียกกระผมว่าอาจารย์เสมอ แต่เมื่อคุยกันได้อารมณ์ความรู้สึกร่วมเดียวกัน ช่องว่างระหว่างความห่างไกลกันย่อมสลายตามไปด้วย คำว่าอาจารย์หายไปกลายเป็นความรู้สึกร่วมเดียวกัน ดั่งการสื่อสารที่ผสานดวงจิตดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

‘อาจารย์เนิ่มเคยสังเกตไหม’

เมื่อช่องว่างหายไป ความรู้สึกตัวได้ถูกถ่ายทอดขึ้นมาจากคำบอกเล่าของชายวัยสันยาสีที่ผ่านชีวิตมาสู่บั้นปลายแห่งการเป็นผู้รับอาสาเพื่อจิตรับใช้

‘ เวลาเราไม่อยู่บ้านหลาย ๆ วัน ไปไหนหลายวัน บ้านเราจะเงียบเหงา หรือวังเวง เหมือนบ้านที่ไร้วิญญาณ’

พี่หนุ่ยพูดจบ พลันก็ชี้ให้เห็นบ้านที่ปลูกทิ้งร้างไว้ตรงข้างทางที่เราขับรถผ่าน

''นั่นไงละ เห็นไหม เงียบเหงาไหม''

ข้าพเจ้านั้น สนับสนุนความคิดเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน เห็นจริงด้วยเมื่อคำพูดของพี่หนุ่ยกระตุ้นทำให้เกิดการครุ่นคิดถึงบ้านตนเองยามเมื่อเราไม่อยู่บ้าน ทิ้งบ้านไปต่างจังหวัดหลายวัน เวลาเราไม่อยู่บ้านเหมือนกับว่าบ้านเรานั้นไร้ซึ่งวิญญาณตามไปด้วย คำว่าวิญญาณนี้นั้นอาจจะเป็นคำสื่อสารที่ไม่ถูกตรงกับความหมาย แต่เบื้องหลังของคำคือความหมายที่เกี่ยวกับเรื่องความเงียบเหงา ความเศร้าสร้อย ความอาดูรดั่งที่เราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก หรือยามที่เราได้มีจิตใจกับความผูกพันกับเพื่อนแล้วต้องจากกันในห้วงระยะเวลาหนึ่ง

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

แต่อาจเป็นเพราะความผูกพันที่ชีวิตได้อิงอาศัย อาจเป็นเพราะผีเหย้าผีเรือนที่เป็นตำนานจากพ่อแก่แม่เฒ่าได้เคารพบูชากราบไหว้เพื่อปกป้องรักษาคุ้มครองชีวิตในบ้านหลังนี้ พ่อแม่เราได้บ่มเพาะต้นกล้าแห่งชีวิตให้ผสานกลายเป็นชีวิตที่ต่อจิตวิญาณ ในความเป็นชาติพันธ์แห่งชนชาติสยามสืบทอดมาแต่โบราณกาล สืบทอดเรื่องราวมาจากบรรพบุรุษ ในห้วงชีวิตนี้ ข้าพเจ้าได้รับการถ่ายทอดเรื่องผีบ้านผีเรือน มาจากบุพการีบิดามารดาด้วยเช่นกัน
........

''สังเกตดู คนแก่จะไม่ยอมจากบ้านไปไหน จะอยู่เฝ้าบ้าน เพราะกลัวบ้านจะเหงา''
.......

คำพูดประโยคนี้ของพี่หนุ่ย สะท้อนอารมณ์ได้ถึงความรู้สึกนึกคิด สะท้อนความมีสำนึกจิตของความผูกพัน สำนึกในความละเอียดอ่อนต่อสภาวะทางจิตวิญาณในความเป็นชาติพันธ์สยามอาริยะสำหรับข้าพเจ้าอย่างยิ่ง

''กลัวบ้านจะเหงา ''

เชื่อมโยงภาษาของพ่อเฒ่าแม่แก่ แม่ของเรา พ่อของเรา ปู่ย่าของเรา บรรพบุรุษของเรา ชาติพันธ์ของเรา แผ่นดินของเรา ประเทศของเรา ศรัทธาจิตตั้งมั่นของเรา

กระผมขอก้าวข้ามความยึดมั่นในความเป็น ของเรา ในความหมายที่เป็นการก่อให้เกิดโทษ ก่อให้เกิดความโลภ อาการหลง

ต่อคำว่า แผ่นดินของเรา ชาติพันธ์ของเรา พ่อแม่ของเรา คือคำที่ขอใช้เพื่อการสื่อสารในเรื่องของความรักความผูกพัน ขอใช้เพื่อสื่อสารให้เกิดสำนึกจิตแห่งวิญาณปู่ที่กำลังกู่ร้องสู่ลูกหลานที่ไร้ซึ่งการหวงแหนรากเหง้าทางจิตวิญญาณ
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

ผีปู่ย่าตายาย ผีพ่อผีแม่ วิญญาณปู่จะกู่ร้องอย่างไรดี ในเมื่อลูกหลานทำการรื้อรากทางจิตวิญญาณนำไปทิ้งที่สองข้างทาง


กลัวบ้านจะเหงา

คำพูดนี้ เป็นคำพูดจากพ่อแก่แม่เฒ่า พ่อแม่ของเรา ที่ท่านได้ทำการฝากกุศโรบายเป็นนัยยะให้ลูกหลายเช่นเราได้ซึมซับความละเอียดอันอ่อนโยนต่อการดำรงชีวิตที่รับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดถึงความเป็นบุคคลที่มีความกตัญญู ความรัก สร้างจิตแห่งความมีสัมมาคารวะ นอบน้อมต่อพระคุณบ้านพะคุณแผ่นดิน บ้านหลังนี้เมื่อชีวิตอยู่อาศัยจนเป็นเนื้อเดียวกับแผ่นไม้กระดาน วิญญาณของบ้านได้เข้าสู่เลือดเนื้อของผู้อิงอาศัย มีหิ้งพระอยู่เหนือขื่อชายคาบนที่สูงเหนือศีรษะ สำหรับกราบไหว้บูชาพระคุณธรรม พระพุธ พระธรรม พระสงฆ์ พระแห่งศรัทธาจิตตั้งมั่น

รูปภาพ

''รู้ไหมอาจารย์เนิ่ม เขาทิ้งศาลพระภูมิทำไม''

คำพูดที่แทรกเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เรากลับมาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งหนึ่งกับคำถามที่เป็นปริศนาให้เกิดการครุ่นคิด

''มีเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง จะเล่าให้ฟัง''

ข้างบ้านผมแถวบางพะยอม (พิษณุโลก) มียายอยู่คนหนึ่ง ชื่อยายมา เป็นคนรวย ฐานะดีมีที่ดินเยอะ ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศจนจบได้เป็นได้อยากตามต้องการ เมื่อลูกชายเรียนจบมาอยู่เมืองไทย กลับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ พาความเจริญพกเทคโนโลยี ศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ในบ้าน เขาบอกให้ยายมานำไปทิ้ง.....

''นี้เป็นเรื่องจริงหรือ''

กระผมถามย้ำเพราะไม่เชื่อมั่นว่าจะมีคนนำศาลพระภูมิไปทิ้งด้วยเหตุผลทางความเจริญ

เสียงพี่หนุ่ยยืนยันอย่างหนักแน่นว่าคือเรื่องที่เขาพบเห็นมากับตน

ผมเลยพบคำตอบได้ว่า คนนำศาลพระภูมิไปทิ้งทำไม

ด้วยความที่เป็นการล้าสมัยหรือความมีเหตุมีผลของแต่ละบุคคลในเรื่องความคิด หรือถูกบ่มเพาะหรือความเห็นที่เป็นเรื่องของความเชื่องมงายลุ่มหลงอย่างไร้เหตุไร้ผล นั้นคือสิ่งที่เราไม่สามารถทราบได้ถึงเบื้องลึกภายในจิตใจ

ยายมาก็ไม่มีผิดอันใด และเป็นสิทธิ์ของยายมา หากศาลพระภูมิจะถูกนำออกจากบ้านไปทิ้งไว้ที่อื่นด้วยเหตุผมหลากหลายประการ
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

ยายมาก็มีความสุขดี ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย

แต่จิตวิญาณของพ่อเฒ่าแม่แก่เรา ได้ถูกทำลายไปกับยายมา รุ่นลูกของเรา จะเหลืออะไรที่เป็นรากแห่งชีวิตจิตใจ

จิตวิญญาณของบรรพชน จิตวิญญาณของความนอบน้อมต่อพระแม่ธรรมชาติ ความต่ำต้อยต่อสรรพชีวิต จิตวิญาณที่อิงอาศัยคุณของพระแม่ธรณี พระแม่แผ่นดิน พระแม่โพสพ วิญญาณป่าเขา วิญญาณแห่งธรรมชาติ มนุษย์เช่นเรากระนั้นหรือจะอยู่เหนือธรรมชาติได้

บุตรยายมากำลังถูกวิทยาการแลกเปลี่ยนเล่นแร่แปรธาตุให้เถือไถถั่งโถมรุมเร้าหรือกระไร หรือว่ามีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระแม่ธรรมชาติ เช่นนี้นั้นแล้วหรือที่เขาอยู่เหนือความงมงายของปู่ย่าตายายพ่อเฒ่าแม่แก่ หรือเขาลืมไปแล้วกระนั้นหรือว่าชีวิตเราต้องมีการสูญสลาย ชีวิตนี้ต่ำต้อยอย่างยิ่งต่อจิตวิญญาณธรรมชาติ เราเกิดจากธรรมชาติ มนุษย์ไม่สามารถสร้างธรรมชาติ บังคับธรรมชาติได้เลย.....
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


คุยกันเรื่องธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ผ่านสันภูเทือกเขาลูกแล้วเล่ากับกลุ่มจักรยาน พี่หนุ่ยนึกได้ถึง ย่ายิ้ม คนค้นคน ที่ไปตามค้นชีวิตย่ายิ้มทำฝายกั้นน้ำบริเวณป่าที่เป็นที่พำนักของย่า อำเภอวัดโบสถ์เมืองพิษณุโลกสองแคว....

ย่ายิ้มทำฝายกั้นน้ำ

ย่ายิ้มยังกราบขอขมาพระแม่ธรณี พระแม่แผ่นดิน สวดมนต์กราบไหว้ขอขมาต่อทุกสรรพชีวิตที่แม่ย่างก้าวเดินทางผ่าน ความนอบน้อมบูชาผืนป่าผืนแผ่นดิน ทำให้เกิดกรตระหนักรู้ต่อคำพูดของพี่หนุ่ยที่ได้ตั้งหัวเรื่องไว้

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

ย่ายิ้มจะฟันจอบลงดิน ย่ายิ้มยกมือตั้งจิตมั่นขอกราบขมาต่อทุกสรรพชีวิตที่ย่ามิได้ตั้งใจทำลาย มดหนูแมลงย่าเรียกให้มาทานข้าวสุกข้าวเปลือก วันพระวันเพ็ญใหญ่ย่าไม่เคยขาดศรัทธามั่น เราคุยกันนั้นทั้งย่ายิ้มและยายมาไม่รู้ แต่ย่ายิ้มและยายมา คือชีวิตจริงที่ได้ทำให้หนึ่งมิติทางจิตวิญญาณได้รับการบ่มเพาะให้เจริญงอกงามไปด้วยจิตวิญาณแห่งความรักเอื้ออารี

กับอีกหนึ่งมิติวิญญาณที่ยายมากำลังลงมือทิ้งศาลพระภูมิ

ยายมานำศาลพระภูมิไปทิ้ง

ชีวิตยายมามีความสุขสบายอย่างมากในบั้นปลายชีวิต ชีวิตของย่ายิ้มมีความสุขสบายท่ามกลางวิญญาณป่าที่ไม่ต้องพึ่งพาสตางค์สักหนึ่งแดงเดียว ยายมาพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติที่คอยอุ้มชูต่อชีวิตให้สุขสบาย

หากแต่วิญญาณปู่ย่าตายายจะรู้สึกอย่างไร เมื่อทราบว่า นัยยะที่เป็นดั่งกุศโลบายอันสืบทอดเรื่องราวแห่งความรัก ความเอื้ออารี ความกตัญญูรู้พระคุณ ความนอบน้อมถ่อมตนต่อจิตวิญญาณธรรมชาติ ที่สืบทอดมาด้วยการประพฤติปฎิบัติเป็นกิจวัฏ กลับถูกลูกหลานก่นประณามว่าเป็นเรื่องงมงาย.....

จิตวิญญาณของปู่ย่า จิตวิญาณของพ่อแม่ จิตวิญญาณของผืนดิน ของพระแม่ธรณี ของพระแม่ธรรมชาติ ฤาจะสูญสลายไปกับลูกหลานร่วมสมัยในอีกไม่กี่อึดใจปีข้างหน้านี้

''วิญญาณของบ้านยังคงรอคอยอยู่ แม่ไม่อยากทิ้งบ้านไปไหน กลัวบ้านจะเหงา''

(เรื่องเล่าระหว่างการฝึกซ้อมจักรยาน)

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

คำสำคัญ (Tags): #บันทึกชีวิต
หมายเลขบันทึก: 433760เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2011 06:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะคุณ'เนิ่ม'

อ่านจบแล้ว...คิดถึงแม่...คิดถึงบ้าน

'แม่ไม่อยากทิ้งบ้านไปไหนนานๆกลัวบ้านจะเหงา'

ประโยคนี้แม่พูดบ่อยค่ะ

สวัสดีครับท่าน ดร พจนา แย้มนัยนา

     Ico48

กระผมขอเรียนท่านว่า  ตนเองดีใจมาก ๆ ครับ  ที่ท่านได้อ่านบทความและให้กำลังใจ  เพียงน้อยนิดในคำบอกเล่านั้น  ยิ่งใหญ่ในใจกระผมมาก  ครับ

แม่ไม่อยากไปไหน  กลัวบ้านจะเหงา  คำนี้แม่ของกระผมก็พูดไว้เช่นเดียวกัน  หากแต่ว่ามีไพรบังตาตนเองในช่วงที่แม่พูด  ขอสารภาพว่าตนเองมองไม่เห็นความหมายของคำนี้ที่อยู่ในใจของแม่  และกว่าจะได้เห็นความหมายที่แม่สื่อสาร  ก็ต่อเมื่อแม่ได้สลายกายทิพย์ล่วงลับไปแล้วเช่นกัน

วันหนึ่งนี้  คำว่ากลัวบ้านจะเหงา  ของแม่เรา  ของพ่อเรา  ได้เดินทางมาเยือนจิตใจอีกครั้งหนึ่ง  ในสถานะความเป็นพ่อ  ความเป็นแม่  ที่ต่อชีวิตให้กับลูกรัก  ที่กำลังดำเนินชีวิตร่วมสมัยในห้วงขณะจิตนี้ 

ห้วงแห่งจิตวิญญาณได้เดินทางมาเยื่ยมเยือน  เมื่อสิ่งที่เรารักได้สูญสลายไป  แม่

สวสดีค่ะ

แม้ว่ายังไม่แก่มากนัก แต่ก็ติดบ้านค่ะ แทบจะไม่ไปใหนเลยจริงๆ ชอบและรักบ้านมาก เขาทำให้เราอบอุ่น ปลอดภัยค่ะ

Ico48

สวัสดีครับคุณหมีพลู  คนหนึ่งให้กำลังใจ  สะท้อนเรื่องราวแห่งชีวิตจิตวิญญาณของตนเองด้วยความรัก ความผูกพันธ์  นี้คือบ้านที่สวยงามยิ่ง  ขอขอบพระคุณมากครับที่เข้ามานั่งอ่านงานเขียนด้วยความพากเพียร  ทำให้กระผมเกิดพลังใจอย่างมากครับ  ที่จะใช้ตวามรักในการทำในสิ่งที่เรารักยิ่ง  ครับ

ดีใจมากครับ  หนึ่งเสียงหนึ่งพลังใจ  หนึ่งความมุ่งมั่น  หนึ่งความรักความพยายาม  ที่มอบให้แด่กันครับ

 

 

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ....

...

แม่ไม่อยากทิ้งบ้านไปไหน กลัวบ้านจะเหงา....

...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท