“จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง”


จิต

ลิงซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เราเพราะรูปร่าง การเคลื่อนที่ และที่สำคัญคือความฉลาดใกล้เคียงมนุษย์เรา นักมนุษย์วิทยาและนักวิทยาศาสตร์ก็มักใช้ลิงเป็นตัวแทนมนุษย์เพื่อศึกษาพฤติกรรม ต่างๆ ในทำนองเดียวกันเราสามารถเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง หรือพูดได้ว่า จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง

ยกตัวอย่างเช่นลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่ มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุดจนกลายเป็นว่า "กะปิ" ถึงจะร้ายก็ไม่ร้ายเท่าความเกลียดกะปิที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิหากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก

สิ่งที่เราเกลียดนั้นบ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความพยาบาท และ ความเกลียดชังในจิตใจเราความเกลียดชังหรือพูดให้ถูกก็คือ ความรู้สึกอยากผลักไสซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว ทั้ง 2 อย่างนี้เป็นเสมือนเจ้าตัวร้ายที่เราต้องระวังให้มากๆ แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น เพราะอีกครึ่งหนึ่งก็คือความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

เราลองกลับมาที่ลิงจอมซนอีกที....ในอินเดียลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้านเพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิงโดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อวันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่องก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่องเพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียวสุดท้ายก็ถูกคนจับได้ ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่าเพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้นมันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก

มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝันจึงถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่นเวลาประสบปัญหาเพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้างปัญหาก็คลี่คลายแต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อยจึงเกิดผลเสียตามมามากมายไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึดจะชอบหรือพึงใจกับอะไรก็ตามอย่าถึงกับยึดติดจนเหนียวแน่นเกินไปเพราะโอกาสที่หน้ามืดตามัวนั้นมีสูงจนหาทางออกไม่เจอ ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้นถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้างมันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ

บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้นหากเป็นทางออกจากปัญหาเลยที่เดียว ความจริง การอยากผลักไสอะไรสักอย่างก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่งนั่นเองทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้ทั้งรู้ว่ากลิ่นกะปินั้นเหม็นแต่ก็ดมมือไม่ยอมเลิกง่ายๆ

ในทำนองเดียวกันไม่ว่าเราจะโกรธอะไรหรือเกลียดใครก็มักดึงสิ่งนั้นหรือคนนั้นเข้ามาในจิตใจให้ครุ่นคิดเสมอ ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางเสียทีทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ ปล่อยวางเสียเถิดแล้วใจเราจะเบาขึ้นเป็นกองความทุกข์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รักหรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาที่มันบีบคั้นกดทับจิตใจเราไม่หยุดหย่อนเสียทีก็เป็นเพราะเราไปยึดไปแบกมันเข้าไว้ ทั้งวันทั้งคืน

ในหลายกรณีความทุกข์ก็ไม่ได้มาจากไหนหากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อยดังเช่นเจ้าลิงหวงถั่ว นั่นเอง หากคนในสังคมเราไม่ว่าจะเป็นสังคมที่เล็กที่สุดคือครอบครัว ถ้าสมาชิกในครอบครัวรู้จักการปล่อยวาง ครอบครัวก็จะเป็นสุข ในสถาบันต่างๆ เช่นสถาบันการศึกษา หากนักเรียนไม่มีความพยาบาท และยึดติดในศักดิ์ศรีก็คงไม่ต้องมีการตีกัน และในระดับประเทศชาติหากผู้ที่มีอำนาจ มีกฏหมายอยู่ในมือ ไม่ยึดติดในความอยากได้ใคร่มี ก็คงไม่มีการโกงกิน ราษฎรก็จะเป็นสุข เราจะได้อยู่ถึงจนได้เห็นการปล่อยวาง เกิดขึ้นในสังคมบ้านเราหรือเปล่าครับ หากเราไม่ช่วยกันผมเชื่อว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นแน่ครับ

 

 

บทความข้างต้นนี้ผมไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เขียนจึ่งไม่ได้มีการขออนุญาติจากเจ้าของโดยตรงผมจึงขออภัยไว้ ที่นี้ ด้วยผมมีเจตนาเพียงต้องการแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆ ข้อคิดดีๆให้กับเพื่อน เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกันเท่านั้นครับ และผมขอขอบคุณท่านผู้เขียนบทความนี้ไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ

หมายเลขบันทึก: 433756เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2011 00:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มาให้ดอกไม้ค่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจจริงๆ

เรื่องลิงเกลียดกะปิดิฉันเคยอ่านในหนังสือ "เข็มทิศชีวิต" ของคุณ ฐิตินาถ ณ พัทลุง ค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณ'Ni'

ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท