๗๐. สีความรักความเมตตาที่วาดระบายความงามของชีวิต : ศิลปะจัดวางชีวิตจากงาน ๖๗ ปีของกมล ทัศนาญชลี ศิลปินสองซีกโลก


กมล ทัศนาญชลี ศิลปินคนไทยที่ทำงานศิลปะในระดับโลกได้จัดแสดงผลงานเดี่ยวเนื่องในวาระครบรอบอายุ ๖๗ ปีของตนในประเทศไทยอันเป็นแผ่นดินมาตุภูมิ ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ ระหว่างวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ – ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔ ผลงานที่เลือกสรรมาจัดแสดงบางส่วนของผลงานทั้งหมดซึ่งกระจายอยู่ในกลุ่มผู้สะสมหลายแห่งของโลก ขนมาจัดแสดงเต็มทั้ง ๔ ชั้นของหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ ระหว่างชมงานศิลปะของการแสดงงานในครั้งนี้ ผู้เขียนได้เห็นสีสันและสายธารแห่งความรักแผ่คลุมสิ่งต่างๆโดยรอบ เหมือนไหลและวาดระบายจากหลอดสี หรือลูกกลิ้งสีพิมพ์ภาพอันงดงามยิ่งใหญ่สุดจินตนาการ ที่สร้างความงดงามของโลก จักรวาล และเอกภพ

                        

ด้วยพลังแห่งรัก : การแสดงงานศิลปะครั้งนี้ เจ้าของผลงานขนผลงานมาจัดแสดงเองให้กับผู้คนในสังคมอีกซีกโลกหนึ่งในประเทศอันเป็นแผ่นดินมาตุภูมิ ซึ่งสำหรับผมแล้ว จัดว่าเป็นการแสดงงานศิลปะที่พิพิถันและดีที่สุดงานหนึ่งที่ยากจะได้มีโอกาสชมอีก จึงชวนน้องๆไปดูด้วยกันให้ได้ความบันดาลใจและทำเป็นหมายเหตุความทรงจำดีๆในชีวิตด้วยกัน ซึ่งนอกจากได้ดูงานที่ให้ความตื่นตาตื่นใจมากมายแล้ว ก็ได้ความคิดและเห็นความงดงามโดยรอบที่เกิดขึ้นในพื้นที่พิเศษทางศิลปะที่จัดวางชีวิตและบรรยากาศให้เคลื่อนไหวอย่างงดงามไปด้วย

                          

                         

บ่มสร้างความงามของจิตวิญญาณอันเปี่ยมรัก : กลุ่มผู้ชมชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มหญิงสาวในรุ่นกำลังงอกงามที่เป็นเพื่อนกัน กับเด็กหญิงซึ่งเหมือนกับการจัดวางชีวิตอีกรุ่นหนึ่งเข้ามาเป็นองค์ประกอบของกลุ่ม ให้ความรู้สึกงามที่ได้เห็นในท่ามกลางสภาพแวดล้อมอย่างนี้ ในขณะที่กระแสสังคมส่วนใหญ่สำหรับคนในรุ่นนี้มักจะอยู่ในห้างสรรพสินค้า ย่านแฟชั่น ถนนบันเทิง การปฏิสัมพันธ์ ความเคลือ่นไหวไปตามจังหวะหัวใจของกันและกัน แม้ฟังไม่รู้ความหมายของภาษาพูด แต่ก็รับรู้ได้ถึงเสียงของหัวใจและความเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกัน ราวกับเป็นงานศิลปะของความต่างที่สร้างสรรค์ออกมาจากหลอดสีของเอกภพ

                          

เคลื่อนไหวชีวิตที่ดำเนินไปด้วยรัก : ชายหนุ่มหญิงสาวด้วยบุคลิกคนทำงานคู่หนึ่ง พากันมาชมงานแสดงงานศิลปะครั้งนี้ด้วย ทว่า ชายหนุ่มนั่งอยู่บนรถล้อเลื่อน ประคับประคอง เดินชมงานศิลปะ และสนทนากันไป ผมยืนมองตามกระทั่งทั้งสองตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปดูต่ออีกชั้นหนึ่ง จนลืมมองสิ่งอื่น เมื่อเข้าไปในลิฟต์ชายหนุ่มมองออกมาจึงเห็นผมกำลังยืนมองอยู่พอดี เขายิ้มเบาๆ ผมก็ยิ้มและทำท่าโน้มกายคารวะ ทั้งสองเหมือนงานศิลปะจัดวางที่มีชีวิตและวาดระบายออกมาจากหลอดสีแห่งจักรวาลและเอกภพแห่งรัก

เป็นงานศิลปะอันงดงามที่เคลื่อนไหวกลมกลืนอยู่ในสังคมเมืองใหญ่ และเป็นสีของความรักความเมตตาของเดือนแห่งความรักปี ๒๕๕๔ นี้.

หมายเลขบันทึก: 425771เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2011 11:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอกราบนมัสการขอบพระคุณท่านพระอาจารย์มหาแล
และขอบคุณคุณมะปรางเปรี้ยว
สำหรับดอกไม้ที่มามอบให้กันครับ

ยิ้มเบา ๆ ให้ความหมายของการมีชีวิต ที่ชื่นชมศิลปะของอาจารย์กมล ได้เป็นอย่างดี เลยนะครับอาจารย์

ขอบคุณ บันทึก ที่นุ่ม อิ่มไออุ่น ละมุนละไม... ดีแท้

พี่ใหญ่มาชื่นชมความรู้สึกดีๆของอาจารย์ต่อการเคลื่อนไหวมีชีวิตที่โอบล้อมรอบตัวเช่นนี้...สะท้อนความเมตตากรุณาจากจิตใจที่ดีงามของผู้เฝ้ามองค่ะ             

                   

ภาพจาก internet

สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
เป็นภาพที่ประทับใจมากครับ

สวัสดีครับพี่ใหญ่ครับ
ได้ความรู้สึกดีอย่างประหลาดในห้วงเวลาเสี้ยววินาทีเดียวครับ
ในขณะที่กำลังมองตามหลังและส่งความรู้สึกแสดงความเคารพ
ต่อความรักของมนุษย์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่เสี้ยวหนึ่งก่อนประตูลิฟต์เลื่อนปิด
เขาก็หันกลับมายิ้มทักทาย เห็นสีสันของความรักความงดงามระบายออกมาจากหลอดสีแห่งจินตนาการ
และได้อารมณ์กลมกลืนกับงานที่กำลังชมอยู่มากจริงๆครับ

 

เสมือนได้ไปเดินเที่ยวอีก

ศูนย์สังคีตฯ เป็นที่ที่หนูไปเกือบทุกเดือนในช่วงชีวิตหนึ่งค่ะอาจารย์

หมายถึงไปเดิน ไปชมภาพ ไปนั่งคิดเพลิดเพลินและเสพความสุขอย่างช้า ๆ สงบ และงาม ยังจำได้ถึงวันเวลาที่ชมภาพอาจารย์อวบ สาณะเสน ได้ว่ามีความสุขแบบละเมียดละไม เต็มอิ่มค่ะ

 

ขอบคุณบันทึกนี้ค่ะอาจารย์

สวัสดีครับอาจารย์หมอภูสุภาครับ

เมื่อก่อน ในช่วงที่กำลังเรียอยู่ผมก็ได้ไปอยู่บ่อยๆครับ ตั้งแต่ยุคที่เป็นศูนย์สังคีต หลังจากทำงานแล้ว ก็พอได้มีโอกาสไปบ้าง รวมทั้งต่อมาก็เป็นหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ มีการแสดงงานศิลปะดีๆหลายครั้ง ก็พอได้ไปเหมือนกันครับ ครั้งที่นำมาเขียนไว้ในบันทึกนี้ก็เป็นครั้งหนึ่ง

อาจารย์อวบ สาณเสนและงานของท่านนั้น สำหรับผมแล้วงามมากครับ ภาพเขียนสีน้ำมันของท่านเป็นภาพที่เล่นเรื่องแสงและเงาโดยวิธีใช้ลินสีดมากๆแล้วเช็ดออก เป็นภาพที่สื่อผ่านชามเบญจรงค์ สังคโลก ไวโอลิน ดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ แล้วก็เล่นแสงเงาลดทอนแบนๆบางๆ เป็นความเบาบางที่ดูเป็นปึกแผ่น หนักแน่น ด้วยวิธีที่ไม่เหมือนกับอารมณ์ภาพที่ได้จากภาพเขียนสีน้ำมันแบบทั่วไป ลินสีดนี้เป็นน้ำมันมะกอกอย่างดีสำหรับผสมสีน้ำมัน ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะนึกถึงการนำเอาลินสีดมาใช้เป็นเทคนิคสื่อผสม เพราะลินสีดเป็นเพียงน้ำยาผสมสีน้ำมันให้รื่น อาจารย์นำมาใช้เป็นเทคนิคเฉพาะตน

งานสีน้ำมันโดยทั่วไปนั้นจะเล่นอารมณ์ภาพด้วยเนื้อสี ต้องใส่ทีแปรงปึ่กปั่กโครมคราม แต่งานของอาจารย์อวบกลับเล่นแสงเงา ความแน่น ความมีน้ำหนัก  ด้วยการใช้สีน้ำมันที่เบาบางและการเช็ดออกให้เกิดส่วนที่เป็นแสง 

ผมและเพื่อนๆชอบงานของท่านมากครับ ครั้งหนึ่ง เลยรวมตัวกันแล้วก็เดินไปบ้านอาจารย์ ไปเคาะประตู ขอเข้าไปกราบท่าน ขอชมงานต้นฉบับในบ้านของท่าน แล้วก็ขอดูทั้งหมดที่เป็นเบื้องหลังการทำงาน ทั้งสตูดิโอ หลอดสี อาจารย์ให้ความเมตตาอย่างยิ่งครับ นอกจากเปิดประตูและออกมารับพวกผมแบบงงๆ แต่ก็นำชมงานและสิ่งต่างๆในบ้านของท่านแล้ว อาจารย์ก็ยังนั่งคุยวิธีคิดต่างๆให้ฟัง ยิ่งไปกว่านั้น ก็เลี้ยงข้าวและหยิบเอาไวโอลินมาเล่นให้ฟัง พอฟังแล้วก็เหมือนสัมผัสได้ครับว่า สไตล์การเขียนภาพ ซับเจ๊คที่มักมีไวโอลินในภาพของอาจารย์ ความเบาบางแต่หนักแน่นในอารมณ์ภาพของอาจารย์นั้น ก็คือตัวอาจารย์และเสียงไวโอลินของอาจารย์นั่นเอง

ต้องขอบพระคุณอาจารย์มากจริงๆที่กล่าวถึงท่านและชวนให้ได้คุยถึง อาจารย์ทำให้ได้รำลึกถึงว่าไม่ว่าจะตอนเด็กๆหรือแม้แต่ตอนนี้ ผมชอบเดินไปหาคนที่ชอบงานของเขาแบบดุ่ยๆ ทั้งเดินไปคนเดียวและพากันไปหลายๆคน อย่างเช่นอาจารย์อวบ สาณเสนที่อาจารย์ก็ชอบด้วยนี่แหละครับ

คนอื่นๆผมก็เคยได้ทำอย่างนี้เหมือนกัน หลายคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่และต่อมาก็เป็นคนมีผลงานมีชื่อเสียงของประเทศ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอกครับ ก็เราชอบนี่ เมื่อชอบก็ไปหา ทำนองนั้น แต่ต่อมา เมื่อนึกถึงทีไรก็ทำให้เกิดกำลังใจที่จะทำสิ่งต่างๆให้กับสังคมบนพื้นที่ชีวิตและการงานของเรา รวมทั้งเมื่อไหร่ที่ตนเองมีโอกาส ก็ไม่ลืมที่จะต้องหยิบยื่นโอกาสที่ดีๆให้กับคนอื่นๆโดยเฉพาะเด็กๆคนรุ่นหลังๆด้วย เพราะผมเคยได้รับสิ่งดีๆจากท่านเหล่านี้ โดยที่ท่านก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน แต่ก็กลับให้เราอย่างไม่มีเงื่อนไข เพียงเพราะแสดงความสนใจด้วยบริสุทธิ์และเดินไปหาเท่านั้นเอง ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีตัวตน ไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรไปแสดงกับท่านเลย นอกจากชอบและอยากคุยรับฟังการถ่ายทอดสิ่งต่างๆจากท่าน ก็ไปเลย

     อวบ สาณะเสน ๗๒ ปี

 

หนูชอบภาพอาจารย์อวบ มาก ๆ ค่ะ นอกจากไวโอลิน ชอบดูภาพที่มี ผ้า
ท่านวาดผ้า ได้งามมาก ใช่มั้ยนะคะ

หนูมีหนังสือรวมผลงานของท่านดังภาพ
โชคดีมาก พี่ชายคนหนึ่งซื้อให้ตั้งแต่เราไม่ได้ศึกษาจริงจังเท่านี้ ตอนนี้เป็นหนังสือหายากไปแล้ว
ไว้มาคุยอีกค่ะอาจารย์

ใช่ครับ เรื่องการเขียนลีลาของผ้านี่ เป็นที่ร่ำลือกันในยุคนั้นครับว่าต้องยกให้อาจารย์ครับ ได้หนังสือที่ระลึกสำหรับอาจารย์นี่ช่างโชคดีมากเลยนะครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท