วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554
บางครั้งบางคืนที่คนอื่นหลับใหลกับราตรีกาล ผมอดอิจฉาไม่ได้ครับ แต่เพราะผมดิ้นรนและตั้งใจ จึงไม่มีโอกาสเข้าหลับเข้านอนเหมือนกับคนอื่น ๆ
งานวิจัย และงานวิชาการ เป็นงานหลักและหน้าที่ของผมโดยตรง เพราะตำแหน่งของผม คือ นักวิชาการสาธารณสุข แต่เชื่อไหมครับ ผมแทบไม่ได้ทำงานเหล่านั้น ในเวลางาน เพราะที่สถานีอนามัยมีงานบริการหลายรูปแบบที่ให้บริการผู้ที่เข้ามาหา และในหลาย ๆ คืน แต่เดือน ผมต้องหอบเอกสารจากที่ทำงานมาทำต่อที่บ้านในเวลาค่ำคืนกับแสงจันทร์
เป็นนิสัยไม่ดีเลยนะครับ สำหรับคนทำงานในการหอบงานกลับมาทำงานที่บ้าน
ผมคิดในใจว่า ...มีเหตุผลที่เหตุผลไม่รู้จัก....ในใจของผมเกิดขึ้นแล้ว
ถึงแม้จะมีหลักมีเกณฑ์ที่วัดว่า ใครมีผลงานวิจัยที่สถานีอนามัยจะมีผลงานมาก แต่ความจริงก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เพราะความดีเป็นความชอบ ใคร ๆ ที่เป้นข้าราชการคงจะรู้ซึ้งกันดี แต่ผมคิดว่า ผมได้ทำงานที่ผมรักผมก็มีความสุขน่าจะเพียงพอ เจ้านายจะไม่สนใจก็ดีกว่าเขามาขัดขวางทางเดินของผมใช่ไหมครับ
เมื่อทำงานวิจัย ก็ต้องหาเวทีไปนำเสนอผลงานครับ ถึงแม้แต่ก่อนผมจะได้รางวัลมากมาย จนทำให้เราหลงตัวเองในใจว่า เราเก่งกว่าใคร ๆ แม้กระทั่งอาจารย์ผู้วิพากษ์
เมื่อมาเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น ผ่านประสบการณ์ ผ่านเวทีโชกโชนเรากลับค้นพบว่า ที่เราเก่งนั้น เรากลับโง่สิ้นดี แต่ผมก็ยังดิ้นรนไปนำเสนอผลงานต่อไปอย่างไม่ลดละและเข็ดขยาย
อาจารย์ผู้วิพากษ์แต่ละท่าน ก็ต่างมุมมอง ต่างที่มา ต่างมหาวิทยาลัย และทุกครั้งที่ผมขึ้นบนเวที แม้ผ่านหลายเวทีแต่ก็ยังตื่นเต้น หูฮื้อ ตามัว และแม้เสร็จแล้ว ก็โดนอาจารย์ฟันเละเกือบทุกเวที
ทุกครั้ง...ความรู้สึกตัวตนของผมมีขนาด "จิ๊ด" หนึ่งในจักรวาล ราวกับจะหลุดลอยได้ทุกเมื่อเฉกเช่นฝุ่นละออง
ทุกครั้ง...เสียงในใจของผมแผดดังขึ้นหูเต็มสองรูหู และบอกกับผมว่า "โง่"
ถึงอย่างไร...ผมกลับมั่นใจกับเส้นทางที่ผมเลือกเดิน...และคิดว่าจะเดินทางไปข้างหน้าต่อเรื่อย ๆ
เมื่อประสบการณ์อยู่บนเวทีมีมากขึ้น ผมก็จะขยับและลดระดับมาอยู่ด้านล่างบ้าง เพื่อนำความ "โง่" ของผม มาแบ่งปันรุ่นน้อง ๆ ต่อไป
"ความโง่" มันจะบอกว่า ผมยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่จะผ่านเข้ามา
"ความโง่" มันจะบอกว่า ผมยังเป็นคนไม่เก่ง ถ้าเป็นคนเก่งหรือเป็นคนที่ไม่เรียนรู้ แสดงถึงว่า เราตายแล้ว
"ความโง่" มันจะบอกว่า สิ่งที่ผมยังเลือกเดิน....
....มีเหตุผลที่เหตุผลไม่รู้จัก.....
(ที่ผมเลือกจะกอดเก็บ 'ความโง่' ไว้ครับ)
ครับอาจารย์ขจิต
ผมเห็นด้วยมากครับ
และมีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมเคารพและรัก ท่านบอกกับผมว่า...
การ "โดนตี..โดนโขก..โดนสับยับ"
คือ การเรียนรู้ใหม่ของชีวิตของเรา
ต้องขอบคุณเขานะ ... เขาเป็นใคร มานั่งฟังคุณ...แล้วบอกให้แก้ตรงนั้นตรงนี้
ขอบคุณที่เรามีค่าสำหรับให้เขาติดตามอ่านและฟังงานเรา
และที่สำคัญ...
ความแตกต่าง คือ ความเจริญงอกงาม ครับอาจารย์
......หน่ะนะน้องพี่......
การวิพากษ์วิจารณ์บางครั้งก็เป็นกระจกสะท้อนที่ดีนะคะ
มีผู้รู้ท่านหนึ่งให้ข้อคิดกับติ๋วว่า "บางทีเราก็ควรพิจารณาก่อน ว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่"
เพราะกระจกแต่ละบาน คุณภาพแตกต่างกัน
แต่อยากจะบอกพี่ท่านว่า บทความนี้โดนค่ะ
การเปิดใจให้คนอื่นประเมินเราได้ จะทำให้เราไม่เป็นโรค writer block syndrome
-สวัสดีครับ....
-สบายดีนะครับ..
-แวะมาให้กำลังใจครับ....
-เก็บภาพ...วัดหลวงพ่อโต มาฝากครับ..
สวัสดีค่ะ
I hope your Valentine’s Day is great.
I hope it’s quite a treat.
I hope you have a happy day
Filled with things so sweet.