สิ่งที่ได้เรียนรู้ในเดือน มกราคม 2554


จริงๆ ผมกะจะเขียนบันทึกนี้หลังเดือนมกราคม
แต่พอดีปลายเดือนมกรา มีงานที่ราชบุรี
แล้วก็หลังเดือนมกรา ก็คิดจะเขียนเกี่ยวกับงานที่ราชบุรี
บันทึกนี้เลยนำมาเขียนซะ วันนี้ครับ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในเดือน มกราคม 2554
...

จะเขียนการ์ดให้ใคร ลองเขียนในกระดาษอื่นก่อน

เรียนจบสูงแค่ไหน ถ้าขี้เกียจและไม่มีน้ำใจก็แทบไร้ประโยชน์

ไม่ทำวันนี้ พรุ่งนี้ก็เยอะ

แต่โลก คือการเปลี่ยนแปลง
...

...
สิ่งใดตนไม่ปรารถนา สิ่งนั้นอย่าทำกับผู้อื่น

บุคคลนั่งนอนอยู่ใต้ร่มไม้ ย่อมไม่ควรหักกิ่งต้นไม้นั้น

การตามควายด้วยเท้าเปล่านั้น อันตรายมาก

แพ้ ไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด

ผืนน้ำ สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นบนฟ้า
...

...
ถ้าคนสองคนที่มีเงินคนละ 1 บาท เมื่อนำเงินมาแลกกัน กลับบ้านเขาก็จะมีเงินคนละ 1 บาท
หากคนสองคนที่มีความรู้คนละเรื่อง และนำความรู้มาแลกกัน
เมื่อกลับบ้านเขาทั้งสองจะมีความรู้คนละ 2 เรื่อง

สิ่งที่สอนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไม่ควรเป็นแค่การศึกษา แต่ควรเป็นวิธีการศึกษา

เวลาทะเลาะกับใคร คิดดีดีก่อน หากจะเล่าให้คนอื่นฟัง

ก่อนจะตอบอะไร อ่านคำถามดีดี

ชีวิตเริ่มต้นด้วยคำว่า ฝ่าฟัน
...

...
การภาวนาทำให้ ใจเย็น

คำบางคำ หากหลุดออกจากปากไป มันอาจจะทำให้ดาวทุกดวงบนฟ้า ... หายวับไปตลอดกาล

พรุ่งนี้ อากาศอาจไม่ดีเท่าวันนี้ก็ได้

ไม่มีอะไรสื่อสารได้ทรงพลังเท่า แววตา

สักวันหนึ่งดอกไม้จะกลับมาบานเต็มสองข้างทางในสามจังหวัดชายแดนใต้
...

...
อย่าตอบแทนน้ำใจของโลกใบนี้ด้วยการเกียจคร้าน

แค่ยิ้มออกจากหัวใจ

การตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ไม่เคยง่าย
...

พบกันใหม่ เดือน ก.พ. ครับ

หมายเลขบันทึก: 422529เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2011 01:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

มาชม

วาวกว่าจะถึงเดือนกุมภา...

ไปไหนละนี่...อิ อิ อิ

มาอ่านเห็นมีมากคำสะกิดใจดีใจนะครับผม...

ขอบคุณครับ พอดีช่วงนี้มีงานที่สวนฝึ้ง แล้วจะมาเขียนให้อ่านนะครับ

คุณปืน!!

เจ๋งมากเลยครับ

..ยิ่งอ่าน ยิ่งดื่มด่ำ..

รอบันทึกต่อไป นะครับ

...

ชื่นชมคุณอยู่ในใจเสมอ

สิ่งใดตนไม่ปรารถนา สิ่งนั้นอย่าทำกับผู้อื่น

 

เป็นสิ่งที่เตือนตนและบอกกับลูกเสมอ

ขอบคุณครับทุกท่าน บันทึกต่อไป เร็วๆ นี้ครับ

ตามมาตอบ จากบันทึก ต้นกล้า ครับ

ในอดีต "cheaf food for cheaf labor" เป็นตัวเร่ง แรงงานเเฝงออกจากระบบเศรษฐกิจภาคเกษตร มายังภาคอุตสาหกรรม การผลิตอาหารราคาถูก เพื่อแรงงานราคาถูก ก็มาพร้อมๆกัน  เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ  

เมื่อยุคสมัยผ่านไป ตลาดเปิดกว้างขึ้น ข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้น

ผมก็เลยเรียนรู้ได้ว่า "ข้าวคือพืชคุณธรรม" เป็นอาหารหลัก จะขายเเพงมากไม่ได้ ประชาชนทั้งโลกจะเดือดร้อน  (ระบบตลาดต้องกลับมาดู ส่วนเเบ่งรายได้ พ่อค้ากับเกษตรกรว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่)

"คนปลูกข้าว" ต้องกลับมาวิเคราะห์ "ตลาดให้ออกว่า ข้าวที่ปลูก จะขายให้ใคร ? จะสร้างสมดุลให้กับคุณภาพชีวิตได้อย่างไร

"ตลาดข้าว มี "สอง" ตลาดหลัก"

1.ตลาดเมล็ดพันธุ์ : "ผู้ผลิตน้อยราย สามารถกำหนดราคาได้"

2.ตลาดผู้บริโภค : คนปลูกข้าว ต้องการขายใคร ใน 3 กลุ่มด้านล่าง

2.1 กินเพื่อพลังงาน - เพื่อแรงงานทั่วไป

2.2 กินเพื่ออิ่ม - เพื่อชนชั้นกลาง

2.3 กินเพื่ออร่อย  - สำหรับผู้มีรายได้และรักสุขภาพ-ข้าวอินทรีย์ ข้าวปลอดสาร

ตลาด 2.1 และ 2.2 เป็นตลาด แข่งขัน ผู้ผลิตย่อมไม่สามารถกำหนดราคาได้

ตลาด 2.3 "ผู้ผลิตน้อยราย สามารถกำหนดราคาได้" ผู้บริโภคยินดีจ่าย ถ้าสินค้าเค้าดีจริง!!!

จึงเรียนมาแลกเปลี่ยน ครับ  

เห็นด้วย เห็นภาพชัดเลยครับ ขอบคุณมาก

แวะมาเยี่ยมชมคะ

จะรออ่านบันทึกต่อไปนะคะ

เรียน คุณบีเวอร์ ผมน้องใหม่เพิ่งนำเสนอแนวคิด ฝากข้อคิดผมด้วย เป็นพระคุณยิ่ง

แวะมาเยี่ยมค่ะ  รออ่านบันทึกครั้งต่อไปนะคะ

  • สวัสดีค่ะ
  • สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

                        

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท