หัวเรื่องที่บันทึกมาจากปกหนังสือชื่อเรื่องว่า " เพียงวันพบวันนี้ที่สำคัญ " เป็นหนังสือรวมพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผมซื้อหามาเมื่อ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ ราคาเล่มละ ๗๕ บาท
ส่วนหนึ่งของคำนำ สมเด็จพระเทพฯ ทรงเขียนไว้ว่า " ...ข้าพเจ้าแปลไว้ในเวลาต่าง ๆ กัน เห็นว่าน่าจะตีพิมพ์เผยแพร่ให้ผู้อื่นมีโอกาสอ่านวรรณกรรมต่างประเทศที่มีคุณค่า เป็นการจรรโลงความคิดและความเข้าใจมนุษย์ยิ่งขึ้น...."
"....เป็นการพินิจความเสื่อมสลายทางจิตวิญญณของสังคมสมัยใหม่ ที่มนุษย์ใช้วัตถุเป็นเครื่องวัดความสุขในชีวิต ปล่อยตนให้จมอยู่กับความสุขจอมปลอม ไม่รับรู้ความเป็นจริงและปัญหาอื่นใด หรือไม่กล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนและของสังคม ยึดมั่นถือมั่นผิด ๆ จนถึงวาระสุดท้ายที่สายเกินแก้ วรรณกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การรู้ตระหนักในสัจธรรมย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขี้น...."
".....แม้จะแสดงถึงความเสื่อมสลาย แต่ผู้เขียนก็ยังไม่ได้สิ้นหวังสิ้นศรัทธาในความดีงามของใจมนุษย์ ยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของความรักเมตตาอาทรระหว่างมนุษย์ที่ยังให้สังคมสงบสุข ท่ามกลางความแปรผันภยันตรายนานาที่มนุษย์ต้องเผชิญอยู่เสมอ" : สิรินทร ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ :
หากพวกเราจะส่งเสริมการอ่าน หรือให้เด็กการอ่าน ผมขอแนะนำหนังสือดีเล่มนี้ครับ มีการเริ่มพิมพ์ในเดือน มีนาคม ๒๕๔๘ จัดพิมพ์ จำนวน ๓ ครั้ง รวม ๒๐,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์โดย นานมีบุ๊คส์พัลิเคชั่นส์ www.nanmeebooks.com หนังสือเล่มนี้น่าสนใจขอบอกต่อ ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ หากเป็นบอกต่อที่ล่าช้าไปไม่ทันใจท่านผู้สนใจหนังสือดี.
ทุกชีวิตจำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจ ก็ได้แรงบันดาลจากการอ่านหนังสือ พระราชนิพนธ์แปล ของสมเด็จพระเทพฯ นั่นเอง
และวันนี้ ๑๑.๓๐ - ๑๓.๐๐ น.ที่เรือนหมอกฟ้า มีโอกาสพบกับ อ.ธีระ ศรีวิชัย สนทนากับอยู่ครู่ใหญ่ พบกับ ผอ.ยิ่งยศ ฯ รร.ประกิจเวชศักดิ์ ขุนสถาน ทั้งสองมาเตรียมงาน ที่ เขตการศึกษา ๑ จะจัดระหว่าง ๓ - ๔ สิงหาคม ศกนี้ มีเรื่องราวมากมายที่ได้สนทนา
ตกลงวันนี้เป็นวันดีเลยตัดสินใจไปซื้อหนังสือ จดหมายเหตุลาลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม หนังสือนี้ จัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ และครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๘ ราคาเล่มละ ๖๐๐ บาท
3 สิงหาคม 2549 ไปสังเกตการณ์ที่ข่วงเมือง เห็นเข้าเตรียมจัดงานของเขตการศึกษา งานนี้ เพชร พลอยฯ จะมาแข่งด้วย ได้พบกับ อ.ธีระ จาก รร.ภูเค็งฯ ถูกขอยืมตัวทำการตบแต่งเวที จีบผ้า ในงานฯ
จังหวะที่ไปได้พบกับ อ.ธีระ 1130-1300 น สนทนาที่เรือนหมอกฟ้า รร.จุมปีวนิดาภรณ์ ข่วงเมืองน่าน เห็นที่อยู่กันนาน ไปไหนไม่ได้ด้วยฝนตกช่งนั้นพอดี พูดคุยกับ อ.ธีระ ครู่ใหญ่ได้พบกับ อ.ยิ่งยศฯ เป็น ผอ.อยู่ รร.ประกิจเวชศักดิ์ บ้านขุนสถาน คนนี้เป็นชาวม้ง จบ ป.4 ไปบวชเณรที่วัดเบญจฯ แล้วกลับมาที่วัดพญาภู ได้รับโอกาสจากการบวชเรียน ไต่เต้าจนปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา
อ.ยิ่งยศ รู้จักกัน เพราะช่วงราวปี 2536-2537 เขาสึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ที่ กศ.บป.อุตรดิตถ์ ศูนย์น่าน รุ่น 9 มีผู้บริหารสถานศึกษามาเรียนค่อนข้างมาก อ.ยิ่งยศ และ อ.กิตติศักดิ์ ผู้ใต้บังคับบัญชาสนใจเรื่องการส่งเสริมพุทธศาสนา เชื่อมประสานให้เด็ก ๆ มาบวชเรียน และเรียนหนังสือ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พระมหาชัยรัตน์ คนที่ขุนสถาน บวชเรียนที่วัดอรัญญาวาส ปัจจุบันอยู่วัดชลประทานฯ ได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ผมสอบถามว่า ตามทางศึกษาปี 2505-2506 พี่น้องตองเหลืองมีอยู่ที่บ้านขุนสถาน ขณะนี้เป็นอย่างไรอย่างไม่เป็นทางการว่ายังมีประมาณ 50 คน
สำหรับ อ.ธีระฯ พบกันคราวนี้ แรกทีเดียวพี่เขาจำผมไม่ได้ ผมเลยบอกว่า เมื่อ ก.ค.2547 เขาไปที่หน้าบ้านคุณหมอบุญยงค์ พบกับสตรีไทย และชาวฝรั่งเศส และสนทนาแลกเปลี่ยนหลายอย่าง แล้วผมยังบอกว่า เคยขอคอมพิวเตอร์ใช่หรือไม่ และเหตุที่นำรถใหม่ไปวันนั้น เพราะต้องขายรถเก๋งที่ขับขึ้นดอยไม่สะดวก เลยไปซื้อรถแค็ปใหม่ตามที่เห็น........การสนทนากันครั้งนี้ ทำให้ทราบความจริงและได้เข้าใจ อ.ธีระฯ มากกว่าเดา เขาเป็นคนมีความตั้งใจ ได้แนะนำเขาว่า หากให้เหมาะขอให้ เมื่อเขาตั้งใจและเขียนเรื่องราวแรงบันดาลใจไว้จะดี เขาเคยพบกับท่านองคมนตรี ดร.เกษม วัฒนชัย
การพบกับท่านองคมนตรี คราวสมเด็จพระเทพฯ เสด็จที่ รร.ศึกษาสงเคราะห์ อ.ธีระฯ นำสื่อการเรียนการสอนนักเรียนตองเหลืองไปจัดแสดง ท่านองคมนตรีสนใจและขอเอกสารไป ได้สนทนกับ อ.ธีระฯ และบอกให้ อ.ธีระฯ สื่อสารกันเป็นภาษาเหนือ และมีอะไรให้ส่งข้อมูลไป อ.ธีระเห็นท่านเป็นกันเองดีแต่ก็ไม่เคยส่งข้อมูลไปให้ท่านองคมนตรี ผมเลยบอกว่า พวกเราก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบเฉย ๆ ก็เลยเหมือนที่เห็นต่อไปนี้ ขอร้องให้เขียนจะได้มีข้อมูลในการสื่อสาร ผมได้บอกกับอ.ธีระ ให้รับทราบถึงความตั้งใจของอาจารย์มาลินีและท่านสุวัฒน์ เกี่ยวกับการช่วยเหลือสนับสนุนชาวน่านช่วงดำรงตำแหน่งที่ จ.น่าน ว่าไม่ใช่เพิ่งมี หากแต่มีมายาวนานและต่อเนื่องแม้ในวัยหลังเกษียณก็ตาม สำหรับบอกไปว่าเมื่อผมทราบข้อมูลก็จะนำไปเขียน เป็นบันทึกช่วยจำไว้