ความสุข(ความพึงพอใจ)นั้นในทาง
วิชาเศรษฐศาสตร์ มองการบริโภคแบบ ความพึงพอใจสูงสุด หรือกามสุขเป็นสำคัญและถือว่าเป็นเป้าหมายหลักของการมีชีวิตของมนุษย์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะมุ่งการบริโภคและเมื่อมีการการบริโภคแน่นอนจะต้องมีการผลิตตามมา “บริโภคมากเท่าไหร่ ยิ่งผลิตมากเท่านั้น”
พุทธเศรษฐศาสตร์ มองการบริโภคว่าเป็นการตัวชี้วัดที่สำคัญของความสามารถทางปัญญา ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การบริโภคนั้นมีความสำคัญช่วยบำบัดความต้องการที่เป็นความจำเป็นในการดำรงชีวิต
วงจรแห่งความสุขกับความทุกข์ อย่างเช่นว่าถ้าเราบริโภคอาหารซึ่งถ้าหากเราบริโภคเหมาะสมตามความต้องการของร่างกายกินอย่างพอเหมาะความสุขก็เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันถ้าเรากินเยอะเกินความต้องการก็เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้ซึ่งความทุกข์ที่ต้องทนทรมานกับโรคที่จะตามมา โดยเฉพาะผู้หญิงในยุคนี้จะกลัวอ้วน แต่การบริโภคน้อยเกินไปก็มีปัญหาตามมา คือ โรคตามมาอีกก็คือโรคขาดสารอาหาร
ความทุกข์ ความสุข
จะเห็นได้ว่า ความทุกข์กับความสุขมันอยู่ในเส้นเดียวกันไม่แยกจากกัน ตรงที่กีดขั้นตรงกลางไม่ใช่ว่าจะแบ่งแยกความทุกข์กับความสุขออกจากกันแต่อย่างไร แต่หมายถึงว่า ทำอะไรก็แล้วแต่ต้องหาความพอประมาณ ความพอดี และเหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งในทางพุทธเศรษฐศาสตร์ แต้จะเน้นความศาสติสุขซึ่งนำไปสู่ความสงบสุข และจะทำอย่างไรล่ะ เพื่อที่จะให้ความทุกข์ลดน้อยลง??? ความสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง(ของธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ) = ปัญญา
ครูมีคำถามข้อหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นคำถามสุดท้ายที่อยากถามพิไลแล้วฝากให้พิไลไปลองคิดดูนะ
สิ่งที่ครูอยากถามก็คือ
การเขียนว่าเรารู้เรื่องเกี่ยวกับ "ปัญญา" อย่างไร กับการใช้ "ปัญญา"มาใช้ในการเขียนบันทึกนั้น แตกต่างกันหรือไม่ แล้วถ้าแตกต่างกันพิไลจะทำอย่างไร
ป.ล. : ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ เพราะคำพูดไม่สำคัญเท่าการกระทำ