ผิวหนัง มีปัญหา เพราะโรคคิดฟุ้งซ่าน


โรคผิวหนัง

 ปัญหาผิวหนัง”โรคคิดฟุ้งซ่าน” ผิวหนังในภาษาบาลี คือ”ดจ” แพทย์ผิวหนังคือ “ดจแพทย์ “ ส่วนวิชาโรคผิวหนัง เรียกว่า ดจวิทยา สื่อมวลชนหลายท่านเข้าใจสับสนมักแก้ให้เป็น จิตแพทย์และวิชาจิตวิทยาเป็นประจำ ในทางปฏิบัติแพทย์ผิวหนังก็ต้องเป็นจิตแพทย์ตัวสำรองเพราะ ผู้ป่วยผิวหนังส่วนใหญ่มีปัญหาทางใจมากกว่าผื่นผิวหนัง จากข้อมูลในสื่อเว็ปไซต์ และคำแนะนำของผู้หวังดีมีมาก แต่เป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้ป่วยเกิดเกิดความสับสนวุ่นวายใจ 

 

                

 

        ผิวหนังที่ปกคลุมร่างกาย มีความกว้าง 1.8 ตารางเมตร มองเห็นได้ชัดเจน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจะเกิดความกลัว เพราะจิตคิดได้ว่องไว เกิดการคิดปรุงแต่งเกินความจริง และมีข้อมูลที่มากมายอย่างรวดเร็วเกินกว่าสติจะควบคุม ความทุกข์ความกังวลยิ่งทับทมมากขึ้นจงเกิดโรคทางใจตามมา แพทย์ผิวหนังต้องเรียกสติของผู้ป่วยให้กลับมาเป็นประจำ

 

                 

ปัญหาที่พบบ่อยเกิดจาก

 

      1. ความแตกต่างของผิวหนังตาธรรมชาติในแต่ละบุคคล เมื่อมองผิวคนอื่นแล้วนำมาเปรียบเทียบกับตัวเองก็ไม่สบายใจ ไม่มั่นใจ เช่นกังวลเรื่องกระ อยากบออก เมื่ออธิบายว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมาตั้งแต่เกิด ผู้มีชื่อเสียงในวงการแสดงมีกระแต่หลายท่านก็ยังไม่หายสงสัย คิดฟุ้งซ่าน อยากรักษา เมื่ออธิบายว่ายาทา ยาจี้ ยิงเลเซอร์ ทำให้สีกระเข้ม และลงลึกกว่าเดิมก็ยังไม่เชื่อยังอยากลอง จึงไม่พิสูจน์สัจธรรมในคลินิกความงามหลายแห่งจนผู้เห็นความจริงก็ปล่อยวางได้ หลายท่านกลับมาพบปรับความทุกข์ที่ต้องเสียเงิน เสียเวลา และขอให้ช่วยแก้ไขให้เหมือนเดิม ก็คงปลอบใจให้รอ ปัญหาเร่องธรรมชาติของผิวหนังกำลังถูกนักการตลาดนำมาเปิดประเด็นให้เกิดปัญหาทางใจเช่น ผิวมัน รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยซึ่งแตกต่างกันตามเชื้อชาติและวัย ผิวไม่ขาวเหมือนคนอื่น ก็ทำให้แพทย์ผิวหนังต้องคอยตอบปัญหาอธิบายซ้ำซากว่าเป็นผิวปกติของแต่ละบุคคล 

 

     2. ปัญหาจากการรักษาไม่ถูกต้อง ผื่นผิวหนังพบได้บ่อยเพราะมีการสัมผัสของผิวกับสภาวะต่างๆภายนอก บางครั้งอาจเกิดระคายหรือแพ้เฉพาะที่ ผื่นส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่หลายท่านเมื่อเห็นรอยผื่น ความคิดที่รวดเร็วจะปรุงแต่งฟุ้งซ่านให้เกิดความกลัวว่าเป็นสิ่งสกปรกกลัวผื่นอาจลามทั่วตัว พยายามชำระล้าง ฟอกสบู่ยา หรือทายาที่หาได้ใกล้ตัว ทำให้ผิวหนังระคายคันมากขึ้น ยิ่งเกิดความกลัวเพิ่มขึ้นก็ใช้ปัญญาซึ่งขาดสติ หายาทาอีกหลายชนิดตามคำแนะนำของผู้ซึ่งไม่มีวามรู้เมื่อมาพบแพทย์ผิวหนังจึงต้องอธิบายเรื่องความทุกข์ที่เกิดจากการขาดสติ ให้วางความคิดกลัวผื่นก็หายไปเอง

      

     3. ปัญหาจากสื่อโฆษณา ชวนเชื่อให้ใช้ครีมบำรุงผิวขาว ผิวใส ลบริ้วรอย ด้วยความคิดฟุ้งซ่านกลัวความแก่จึงโหมทาครีม จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน เป็นสิวในวัยทำงาน ซึ่งเลยวัยเป็นสิวแล้วเพิ่มมากขึ้น เมื่ออธิบายเรื่องกฎอนิจจังว่าทุกคนต้องแก่ก็ยังไม่เชื่อ ก้คงวนเวียนใช้ครีมบำรุงต่อจนถึงวัยคุณน้า คุณป้า คุณยาย จึงเขาใจสัจธรรม 

  

       4. ร้อยละ 20 ของผื่นผิวหนังจำเป็นต้องใช้ยารักษา เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย  เชื้อไวรัส  เชื้อรา เมื่อรักษาก็จะหายขาด แต่หลายท่านเกิดความกลัว คิดฟุ้งซ่านก็จะยังรักษาความสะอาดมากเกินและเกิดปัญหาผิวแห้งคันตามมา ผู้ป่วยผื่นแพ้สัมผัส รอยฝ้า เมื่อทราบสาเหตุ หลีกเลี่ยงเหตุได้ ผื่นกะหายได้เช่นกัน ก็คงต้องตั้งสติ อย่าปรุงแต่ง เมื่อมีผื่นผิวหนัง และขอคำแนะนำจากแพทย์

 

        5. ผื่นผิวร้อยละ 5 เป็นเรื้อรังเป็นๆหายๆ ตลอดชีวิต เช่น ผื่นสะเก็ดเงิน ผื่นภูมิแพ้ ผิวหนัง ผื่นผิวแห้งกรรมพันธุ์  ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเฉพาะตังไม่ติดต่อ แต่ผู้ป่วยกลัวสังคมรังเกียจเพราะมองเห็นได้ชัดแพทย์ผิวหนังก็ต้องรักษาทางใจให้ผู้ป่วยทำใจอยู่กับผื่นอย่างสงบ และพยายามอธิบายให้สังคมเข้าใจว่า ผื่นขุย หรือสะเก็ดของผู้ป่วยไม่มีเชื้อโรค การแสดงความรังเกียจเป็นอกุศลจิต ทำร้ายจิตจู้ป่วย และความกลัวก็ทำร้ายจิตใจตัวเอง ถ้าวางจิตมองเห็นผื่นเป็นเรื่องธรรมดาได้จะเป็นการทำบุญทางใจที่ยิ่งใหญ่ 

 

                        

  

          ปีใหม่นี้คนไทยทุกคนควรลองอธิษฐานว่า จะหยุดคิดฟุ้งซ่านไปนอกกาย กลับมาวางใจไว้ภายในกับความรู้สึก ทุกท่านก็จะมีสุขภาพกายและสุขภาพใจดี ตลอดปี 2554 แน่นอน ข้อมูล โดย รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาดจวิทยา (ผิวหนัง)  ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นวพรรษ บุญชาญ รายงาน ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์    ช่วยบอกกล่าวเผยแพร่ต่อ ด้วยความปรารถนาดี โดย  กานดา แสนมณี

หมายเลขบันทึก: 419807เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2011 12:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ..เป้นประโยชน์ในการปรับสมดุลเพื่อความสุขกาย..สบายใจนะคะ..

 

เดินการกุศลเพื่อสุขภาพ ครั้งที่ ๑๐ เทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เป็นบทความที่มีประโยชน์มาก ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะพี่ดา มาเยี่ยมเอาดึกเลย นะคะ อ่านเรื่องโรคผิวหนังมีสาระที่สามารถนำไปปฏิบัติดูแลให้ผิวกายเราสะอาดอยู่เสมอนะคะ กลัวสะเก็ดเงินถามหา แต่อยากเก็บเงินมากกว่า อิอิ ฝันดีนะคะ

พี่ดา ขา

ขอบคุณมากมายสำหรับข้อมูลดีๆ มีประโยชน์ต่อผู้อ่านมากค่ะ

เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่หลวงสำหรับผู้ใส่ใจตัวเองมากจนเกิดอาการ...วิตกจริต

ไม่ใช่เฉพาะเพศหญิงนะคะ  ชายก็ด้วยยิ่งผู้ชายนะยะยิ่งเป็นปัญหามาก

ปีใหม่แล้วมาปล่อยวางกับเรื่องที่เป็นธรรมชาติกันดีกว่า

ฝืนไปก็ทุกข์และไม่สบายใจ....

  • สวัสดีค่ะ คุณกานดา
  • ขอบพระคุณความรู้เรื่องผิวหนังค่ะ

สวัสดีค่ะ

         ขอบคุณความรู้ดีๆที่แบ่งปันค่ะ หน้าหนาวอากาศแห้งมักจะเป็นผื่นเพราะแพ้อากาศค่ะ

  • สุขสันต์วันครูค่ะ
  • นำเมี่ยงไก่ใบคะน้าและแกงเลียงจากสวน ✿อุ้มบุญ✿ มาฝากค่ะ

สวัสดีค่ะพี่กานดา

   แวะมารับความรู้ดีๆเรื่องผิวหนัง ถ้าใจไม่นิ่งก็รักษาเกินจำเป็นแทนที่จะเป็นผลดีก็เป็นผลเสีย  ขอบคุณที่นำมาฝากค่ะ

   

            

*** ขอบคุณสาระดีๆ จากบันทึกพี่กานดาค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่

การปรับสมดุลร่างกายสำคัญกับทุกคนมากๆแต่น่าเป็นห่วงคนที่ไม่ทราบนะคะ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ที่ควรทานให้เหมาะสมกับธาตุหรือกรุ๊ปเลือดของตัวเอง ขอบคุฯภาพกิจกรรมการกุศลมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณติณณ์

ขอบคุณมากค่ะที่เห็นว่ามีประโยชน์ ฝากแนะนำบอกกล่าวต่อด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ น้องตูม

ค่ะเก็บตังส์ไว้มากๆเลยค่ะ  สุขภาพสำคัญ ทั้งภายนอกและภายใน น้องต้องดูแลมากๆ 4 หนุ่มเลย เป็นกำลังใจให้มากๆเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องคุณยาย

       บานบุนีหรือเปล่า งามมากๆ ขอบคุณมากค่ะ ฝากเผยแพร่ข้อมูลต่อนะคะ 

สวัสดีค่ะ คุณพี่กีร์

ปล่อยวางได้ดีที่สุด คิดบวกไว้เสมอ แต่สุขภาพห้ามละเลยนะคะ

สวัสดค่ะ คุณธรรมทิพย์

ฝากแนะนำบอกกล่าวต่อด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ KRUDALA

 อากาศหนาวผิวแห้งแพ้ด้วยหรือค่ะ ใช้น้ำมันมะพร้าวหายหมดค่ะ เพราะมีกรดลอริก ใช้หรือเปล่าค่ะ ดีจริงๆค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณตาประจักษ์

มาลัยงดงามมาก และน้องม่อนก็กราบงามจริงๆ ขอบคุณมากๆค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องอุ้มบุญ

 น่าอร่อยมาก พี่ดาชอบเมี่ยงทุกเมี่ยงที่มีสมุนไพรค่ะ ทานแล้วได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ แกงอะไรค่ะแกงเลียงหรือเปล่า มีปลาด้วย ข้าวสวยร้อนๆสักจาน  ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องอุ้ม

ค่ะการมีสติ ใจนิ่ง คิดอะไร ทำอะไรได้ดี สำคัญมากนะคะ ยกเว้นการเกิดเรื่องกระทันหันบางครั้งสติหลุดก็มีมากอีก ขอบคุณกล้วยไม้สีเข้มมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกิติยา

ขอบคุณมากค่ะ ฝากบอกกล่าวต่อด้วยนะคะ

ขอบคุณที่ช่างหาสาระดีๆมาฝากกันเสมอๆค่ะ

สมัยก่อนที่ยังทำงาน มีความเครียดสูงๆพี่มีปัญหาผิวหนังที่ฝ่ามือมาก หาหมอสารพัดทั้งคลีนิคดัง ทั้งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจดูหาว่ามีเชื้ออะไรหรือเปล่า ก็ไม่พบเชื้อ ไม่พบสาเหตุ ยิ่งเครียดกังวลมากช่วงไหน ช่วงนั้นจะคันและผิวหนังลอก จึงทั้งแกะทั้งดึงจนยับเยินทั้งๆที่หมอห้ามแต่อย่างข้อมูลว่าล่ะค่ะ กลายเป็นความกังวลสองอย่าง กังวลงาน กังวลผื่นผิวหนัง

พอลาออกจากงาน ปลอดโปร่งใจ เลิกใช้ยาที่หมอให้ ใช้วิธีบำรุงให้ความชุ่มชื้นมือแทน ตอนแรกใช้น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันมะกอก เดี๋ยวนี้หันมาใช้น้ำมันมะพร้าวประจำเลยค่ะ บวกกับดูแลอาหารการกิน และเจริญสติไม่กังวลฟุ้งซ่าน อาการดีขึ้นถึงกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ

ปัจจุบันก็ยังเป็นผื่นเล็กน้อย แต่คิดว่ามีประโยชน์อยู่เหมือนกัน ใช้เป็นตัววัดความบ้าของตัวเองได้เลยค่ะ หากอาการกำเริบแสดงว่าจิตฟุ้งซ่าน ^______^ ต้องรีบหันมาใส่ใจบำรุงจิตให้มาก

  • สวัสดีครับ พี่ดา
  • มาหลังคนอื่นๆ เขาเลย มาเติมเต็มความรู้ดีๆ ครับผม

นยนยรนรนรนวราสาสาสาสาสส

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท