คราวนี้...อโหสิให้แล้วนะ...


คราวนี้...อโหสิให้แล้วนะ...
 
เรื่องราวของทิมดาบ (ลูกชาย) ... เป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ และนำมาเขียนเป็นบันทึกแห่งความสุขของผมเสมอ ๆ   เพราะตลอดชีวิตของผมที่มีเขา ไม่มีสักนาทีที่ผมหายใจเข้า-ออก โดยไม่คิดถึงเขา

 

 
ทิมดาบทำให้ผมเข้าใจพ่อและแม่ของผม  เข้าใจคนอื่น ๆ  และเข้าใจอะไร ๆ ในชีวิตมากขึ้นอย่างมากมาย  ...ทำให้ได้ย้อนกลับไปสู่ชีวิตวัยเด็กกับความทรงจำอันกระท่อนกระแท่นของผม ถึงแม้วัยเด็กของผมตอนนั้น จะขัดสนและลำบากมากกว่าทิมดาบในตอนนี้  แต่ก็เป็นวัยเด็กที่ต้องการความรัก ความอบอุ่น  สนุกสนาน  และเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ไม่แตกต่างกันเลย
 

 

ทิมดาบจึงเป็นชีวิตหนึ่งที่จะเติบโตไปเคียงข้างผม เขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมีความสุขในปัจจุบัน  ทำให้มองไปไกลถึงอนาคต  และทำให้เห็นคุณค่าของอดีตที่ผ่านมาของผม
 

 

นี้คือบทเรียนของทิมดาบ  เด็กชายตัวเล็ก ๆ เจ็ดขวบ ที่ทำให้ผมอายุสี่สิบกว่าปี เข้าใจอะไร ๆ ในชีวิตมากขึ้นอย่างมากมาย ...
 

 

‘…สี่โมงค่อนไปทางห้าโมงเย็น (10 มกราคม 2554) ผมไปรับลูกชายที่โรงเรียนตามปกติ เห็นเขากำลังนอนบนโต๊ะนักเรียน มีเลือดไหลเปรอะลงมาตามริมฝีปาก คาง คอ และคราบเลือดเป็นหย่อม ๆ บนเสื้อ ผมรู้สึกตกใจและสงสารลูกชายมาก  รับรู้จากเพื่อน และผู้ปกครองของเพื่อน ๆ เขาว่า โดนพี่ปอสี่ชกที่หน้า เลือดกำเดาไหลทะลัก และปากบวมเจ่อ เมื่อดูอาการว่า เลือดกำเดาหยุดแล้ว ผมจึงพาเขาไปที่ระเบียงหน้าห้องเรียน ซักถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่า ระหว่างรอผมมารับกลับบ้าน ได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนที่สนามหน้าห้อง จู่ ๆ มีพี่ปอสี่ มาชกหน้าจนหกล้ม และเลือดออก
 

 

...ผมฟังไปแค้นไปมาก  ถามต่อว่า จำคนที่ชกได้ไหม กะจะไปจัดการเด็กและผู้ปกครองว่าทำไมจึงมาทำอย่างนี้  ทิมดาบก็บอกว่า “จำได้ครับ...แม่จะดุไหมที่ทำให้เสื้อเปื้อน...ไม่ต้องไปว่าพี่เขาหรอกนะ...คราวนี้...ทิมดาบอโหสิให้พี่เขาแล้วนะ...    
 

 

เที่ยงคืนกว่า ๆ ของค่ำคืนนี้...ลมหนาวและหมอกหนาห่อหุ้มผมไว้อย่างหลวม ๆ จิ้งหรีดอิ่มน้ำค้าง และดวงดาวกับดอกหญ้าส่งยิ้มให้แก่กัน  ผมรู้สึกตัวเบาอย่างบอกไม่ถูก  เพราะผมได้บอกลากับความเจ้าคิดเจ้าแค้นออกไปจากหัวใจแล้วอย่างศิโรราบและราบคาบ  ผมมองหน้าทิมดาบซึ่งทอดร่างหลับใหลด้วยความสุข และผมก็เริ่มเอนตัวลงนอนเช่นกัน พร้อมบอกลากับราตรีของค่ำคืนนี้ว่า... “คราวนี้...ผมอโหสิให้แล้วนะ...”
 

 

และเมื่อตื่นเช้า เพื่อส่งทิมดาบไปที่โรงเรียน ผมขอแวะคุยกับพี่ปอสี่คนนั้น และจะบอกกับเขาว่า

 

“ อย่าไปรังแกน้องอีกนะ ...น้องฝากมาบอกว่า... คราวนี้...อโหสิให้แล้วนะ... ”
หมายเลขบันทึก: 419731เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2011 00:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

คุณพ่อสอนลูกได้ดีจังเลยค่ะ...รู้จักอโหสิกรรม

 

สวัสดีค่ะ

  • ลูกชายคนเล็กของครูอิง เป็นบ่อยมากค่ะ
  • โดนพี่ โดนเพื่อนรังแก
  • ไม่เคยไปเอาเรื่องเขา เพียงแต่หมั่นสอนลูกของเราว่า ให้รู้จักระวัง และหลบ
  • คนไหนที่เกเร ก้ออย่าไปเข้าใกล้เขา
  • น้องทิมดาบ น่ารักมากค่ะ  รู้จักการให้อภัย
  • มีความสุขเสมอ ๆ นะคะ ขอบพระคุณค่ะ

 

-สวัสดีครับ....

-น้องทิมดาบ...อโหสิ..ให้แล้ว....

-รับรู้ถึงความรู้สึก ดี ดี ครับ...

-ขอบคุณครับ..

-โชคดีนะครับ.."นายทิมดาบ"

-พาเพื่อน ๆ มาเยี่ยม...ครับ

เมตตาค้ำจุนโลกครับ แต่แบบนี้ต้องถามสาเหต พี่ปอสี่จะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่นอีกครับ

  • ยิ่งใหญ่จังหลานป้า....แสนปลื้ม

"。° 。 ° ˛ Happy New Year 2011 ^^

> ˚˛ * _Π_____*。*˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •˛

> •˚ */______/ ~\。˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •˛

> • ˚ | 田田 |門| ˚ ˛ ˚ ˛

> ...……~٩(●̮̮̃•̃)۶٩( -̮̮̃-̃)۶٩(-̮̮̃•̃)۶٩(●̮̮̃●̃)"

ประทับใจเรื่องเล่านี้มากค่ะ...ผ้าขาวผืนนี้สะท้อนสิ่งดีๆที่ควรถนอมไว้ให้นานที่สุดนะคะ..ชื่นชมมากค่ะ..

               ผีเสื้อตัวน้อยที่สวนหน้าบ้านยามเช้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท