จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ไม่ว่างานเขียนนั้นจะถูกส่งออกไปเป็นสื่อสาธารณะ หรือเก็บเงียบไว้อ่านสำหรับตัวเองอย่างมิดชิด งานเขียนจากเราก็เป็นสิ่งที่ทรงพลังเสมอ ทั้งในแง่การ “เยียวยา” และ “ยกระดับ”ความคิด
การเขียน จึงเป็นวิธีการที่ทำให้เราสามารถ “เปลี่ยน” สถานะของความคิดให้มีโอกาสกลั่นตัวเป็นอักษร เหมือนไอน้ำกลั่นตัวควบแน่นลงมาเป็น “หยดน้ำ” ที่ใสกระจ่างบริสุทธิ์
ทฤษฏียู เป็นทฤษฏีการเรียนรู้ที่คิดขึ้นโดย ออตโต ชาร์มเมอร์ นักคิดชาวเยอรมัน เน้นการฝึกฝนให้ผู้เรียนรู้มองเห็นความเป็นจริง รู้สึกถึงความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า ละเอียดไปกับการรับรู้ความรู้ที่ผุดพรายขึ้นมาใหม่ สดๆ ในขณะที่เรียนรู้นั้น และลงมือกระทำบางอย่างเพื่อให้ได้ความคิดที่ผุดพรายไม่ระเหิดระหายไปอย่างรวดเร็ว (หน้า 14,หยดน้ำแห่งจินตนาการ)
ใน workshop คราวหนึ่ง มีผู้เข้าร่วมเวทีได้ถามผมว่า
‘เขามีฝันอยากเขียน อยากเขียนเรื่องราว เขาควรทำอย่างไร’ ?
ผมตอบเขาว่า “เมื่อเขามีฝัน มีหนทางเดียวที่จะชำระฝันนั้นคือ การลงมือทำ”
หลายครั้งที่ผมอยากสื่อสารกับผู้คน โดยเฉพาะผู้คนมากมาย “การเขียนเรื่องราว” เป็นทางเลือกที่ผมนำเสนอตัวตน ความคิด ออกไปสู่สาธารณะ และพบว่างานเขียนที่เป็นสาธารณะมีคุณค่าในแง่มุมของคนอ่าน คนใช้ประโยชน์ และแน่นอนว่าเป็นความภูมิใจของคนเขียนเรื่อง ทั้งหมดเป็นผลลัพธ์ที่ผ่านปราการสำคัญของผู้เขียนก็คือ “การลงมือเขียนในทันที”
“Wherever I am,Whenever I can,I write”
Julia Cameron
หลักการเขียนเพื่อเยียวยาในหนังสือ “หยดน้ำแห่งจินตนาการ” ถือว่าเป็นบทเรียนเริ่มต้นของนักอยากเขียนได้ไม่ยากนัก กระบวนการที่สร้างแรงบันดาลใจจากข้างใน สู่การปฏิบัติเริ่มต้นตามขึ้นตอน ผ่านโจทย์ เริ่มง่ายๆแต่รับรองว่าได้ผล
ไม่ต้องรอให้เป็นนักเขียน แล้วค่อยมาเขียน ไม่ต้องบอกว่า “เขียนไม่เป็น”
นพ.วิธาน ฐานะวุฒิ ได้กล่าวถึงการเขียนในท้ายๆหนังสือเล่มนี้ว่า
“การบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปในสมุดบันทึกของการเดินทางของพวกเขาแต่ละคนนั้นได้ช่วยทำให้สิ่งที่เขาคิด และรู้สึกเป็นรูปธรรมขึ้นในโลกของความเป็นจริง การก่อเกิดเป็นตัวอักษรที่เกิดจากปลายปากกาของแต่ละคนในสภาวะที่พวกเขากำลัง ‘ดำรงอยู่’ ในขณะนั้นได้ทำให้เกิด ‘เส้นทางใหม่’ ที่ชัดเจนมากในสมองแต่ละคน ไม่มีอะไรที่จะทำให้ ‘ความคิดของคุณ’ ชัดเจนหนักแน่นได้อย่างง่ายๆ และรวดเร็วที่สุดมากไปกว่า ‘การเขียน’ด้วย ‘มือของคุณเอง’ แบบนี้อีกแล้วครับ”
“การเขียนทำให้
ผมรู้สึกว่าชีวิตมีพลังมากขึ้น
เพราะชีวิตชัดเจนกว่าเมื่อหลายปีก่อน
เรารู้ว่าทำอะไร งานเราจึงชัดขึ้น
ชีวิตส่วนตัวก็ชัดขึ้น
ความชัดเจนว่าเรากำลังทำอะไร
และจะทำอะไรดีกับการมีชีวิตอยู่
มันหล่อเลี้ยงเรา”
สำหรับผมเอง การเขียนไม่ได้เป็นการเยียวยาแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการเขียนเป็นการระบายความอึดอั้นส่วนลึกของแรงกดดันที่ไม่สามารถบอกใครได้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งคือความลิงโลด ความรื่นรมย์ในหัวใจที่อยากบอกกล่าวให้กับผู้คนทั้งโลกรวมถึงตัวเอง อารมณ์ในสองแบบที่ผมกล่าวไปชำระได้ด้วย “การเขียน”
และวันนี้ผมมีหนังสือที่เขียนผ่านความคิดและประสบการณ์ตัวเองหลายๆเล่ม และส่วนหนึ่งผลึกประสบการณ์เล็กๆของผม เป็นแรงบันดาลให้หลายคนได้ต่อยอดความรู้ได้ เพียงแค่หนึ่งคนก็ถือว่าเป็นอานุภาพที่เยี่ยมยอดของการเขียนแล้ว
ไม่มีอะไรยากหรอกครับ
เพียงแต่ ‘เมื่อคิดจะเขียน ก็ขอให้ลงมือเขียน’ เขียนอะไรก็ได้ที่เราอยากเขียน ไม่ต้องกังวลถึงความงดงามทางวรรณกรรม ในที่สุดทักษะเหล่านี้จะถูกพัฒนาขึ้นมาเอง และขอฝากถึงมิตรรักนัก(อยาก) เขียนว่า
และผมขอถือโอกาสนี้ สวัสดีปีใหม่ 2554 ปีกระต่าย ทุกท่านที่อ่านคอลัมน์ “หนังสือชวนอ่าน” มาทั้งปีครับ
หนังสือ : หยดน้ำแห่งจินตนาการ
ผู้เขียน : นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์
ชุด จิตวิทยา ISBN 978-616-7043-01-2 พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2552 ราคา 165 บาท
สวัสดีค่ะคุณจตุพร
ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูสิครับ...
อ่านง่ายๆ ทำแบบฝึกหัดตามโจทย์ สนุกทีเดียวครับ :)
สวัสดีค่ะ
พี่คิมเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ค่ะ คงต้องไปหามาฝึกอ่านบ้างละ ขั้นฝึกอ่านก่อนดีกว่า ส่วนเขียนก็ฝึกเป็นนัก (อยาก) เขียน ไปสะเปะสะปะก่อน บบนี้แหละ
เขียนไปสะเปะสะปะก่อน แบบนี้แหละ (ขออภัยค่ะ) วันนี้ระบบรวนมั้งคะทำตัวใหญ่ไม่ได้ ทำให้จิ้มตัวหนังสือตกหล่น
สวัสดีค่ะน้องเอก
ชอบครับ ชอบๆ ขอบคุณที่แนะนำ
อยากให้เด็กๆได้อ่านครับ http://gotoknow.org/blog/somdejmas/418627
อ่านแล้วก็รู้สึกมีพลังเหมือนกันนะ
ขอบคุณค่ะ..^__^
อ่านงานเขียนคุณเอกทีไร นึกชื่นชมสิ่งดีๆที่ได้ลงมือทำแล้วยังนำมาเขียนแบ่งปันกันต่อ
แต่ตอนนี้เราไม่ได้เจอกันมานาน อยากคุยกันด้วยเสียงแล้ว^_______^
ช่วงหลังผมเขียนน้อยลง..เพราะสมองถูกทับด้วยบางสิ่ง..
วันนี้เริ่มสลัด ดิ้นรน หรือแม้แต่พักวาง...อีกครั้ง