ภาพรวมขบวนองค์กรการเงินชุมชน จากประสบการพื้นที่ (ครูชบ ยอดแก้ว) ตอนจบ


ใช้หลักคุณธรรมในการขับเคลื่อนงาน

ขึ้นต้นด้วยเรื่อง จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน จะกินต้องเตรียมอาหาร จะพัฒนาการต้องเตรียมประชาชน จะพัฒนาคน ต้องพัฒนาจิตใจ จะพัฒนาใครต้องพัฒนาตัวเองก่อน ผมบอกเลยว่าผมเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าการที่จะให้คนอื่นทำเราต้องปฏิบัติก่อน ทุกเรื่องที่ผมพูดผมต้องปฏิบัติ พิสูจน์กับตัวเองว่าดีแล้วจึงขยายผล ก่อนการขยายผลผมก็ขยายกับคนในครอบครัวก่อนทางตะวันตกเขาดูถูกเราว่าคนไทยทำอะไรทำแบบครอบครัวนั่นมันวัฒนธรรมเราว่าจะต้องเข้มแข็งมาจากครอบครัวเมื่อครอบครัวเข้มแข็งก็จะดี แต่เราเป็นนักพัฒนาไปพัฒนาคนอื่นแต่ลูกเราติดยาเสพติดทั้งบ้านทั้งเมือง นักพัฒนาหากครอบครัวตัวเองเหลวแหลกแต่จะไปพัฒนาคนอื่น เพราะฉะนั้นจะต้องเริ่มจากตัวเรา ผมได้ยึดถือเอาพระราชดำรัสพัฒนาคนต้องมีสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ มีอยู่ครบแล้วในนี้ คุณธรรม 4 ประการนี้ ผมเอาคุณธรรม 4 ประการนี้มาเป็นตัวขับเคลื่อนงาน ผมใช้หลักคิด คือ ลดรายจ่ายวันละบาทแล้วนำมาทำสวัสดิการภาคประชาชน ผมนำมาเป็นเครื่องมือพัฒนาคน ไม่ใช่เป้าหมายนะครับ

                ผมคิดว่าการพัฒนาคนหลีกเลี่ยงพระพุทธศาสนาไม่ได้หลักศาสนาเท่านั้นที่จะพัฒนาคนได้ไม่ว่าศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลามใด ๆ ก็ตามหลักนี้ใช้ได้เลยเป็นสากล สิ่งที่อยากให้เกิด คือ การมีคุณธรรม จริยธรรมในใจ แล้วเกิดกับสมาชิก พระพุทธเจ้าบอกแล้วว่าปฏิบัติจึงรู้ ฉะนั้นท่านทำก่อนแล้วถึงรู้ถ้าท่านไม่ทำอาจจะไม่เชื่อก็ได้ เมื่อเกิดกิจกรรมแล้วท่านเห็นว่าดีก็ช่วยกันเผยแพร่ให้มาก ๆ แต่ถ้าเห็นว่าไม่ดีให้หยุดซะ ดีก็ช่วยกันเผยแพร่ ถึงลูกหลาน เพื่อนฝูง เป้าหมายสูงสุดที่เราต้องการ คือ สังคมดี คนมีความสุข ที่ว่าสัจจะวันละบาททำอย่างไร สมมติว่ามีครัวเรือนหนึ่งอยู่ 3 คนก็หากระปุกมา 3 อัน แล้วสัจจะกับตัวเองว่าต่อไปนี้พ่อต้องทำสัจจะลดรายจ่ายของตัวเองให้ได้ ถ้าให้ดียิ่งกว่านี้ต้องลดรายจ่ายจากอบายมุขให้ได้แม่ก็ต้องให้เหลือบาทหนึ่ง ลูกก็ต้องเหลือบาทหนึ่ง ในชุมชนที่ทำแล้ว 50 คนเชื่อใครเอาเงินไปฝากคนๆ นั้นแหละ กลายเป็นกรรมการอีกทีหนึ่งแล้วคนนี้แหละจะเป็นกรรมการในตำบลร่วมคิด ตำบลหนึ่งมี 1 กองทุน เทศบาลหนึ่งมี 1 กองทุนเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกเพื่อให้คนร่วมกลุ่มเป็นพวกเดียวกัน ทำอย่างนี้จนครบ 180 วันทำอยู่ 6 เดือน ครบ 180 วันแบ่งเงินเป็น 3 กอง แล้วนี่เอาไปไหนเอาไปฝากธนาคารไว้เราไม่ได้เอาเงินไปลงทุน ไม่ได้เอาเงินไปหมุน เราเพียงเอาเงินมาฝากธนาคารไว้ ธนาคารเอาไปใช้อะไรเชิญเลยแต่เวลาเราไปเอาต้องให้เรานะ 20% ตั้งเป็นกองทุน หรือกองทุนสำรอง(กองเงินคงคลัง) หากภาษาชาวบ้านเรียกว่าเงินใต้เชี่ยน หรือเงินชราอะไรก็แล้วแต่ 20% อีก 30% ใช้สำหรับการลงทุนไม่ใช่เราไม่ลงทุนนะ 30% นี้เอาไปลงทุนอะไรก็ได้แต่ต้องไม่ทำลายคุณภาพชีวิต และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แล้วคุณเอาไปลงทุนอะไรก็ต้องให้ถูกต้องด้วย แล้วเราก็ให้สวัสดิการ 9 เรื่อง เราไม่มีการให้กู้เราจะมีแต่ให้ยืม เพราะกู้เราจะไปกู้ตรงไหนก็ได้ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ก็กู้ได้ อีก 50% จัดสวัสดิการ 9 เรื่อง เกิดลูก เกิดลูกมาต้องตั้งทุนการศึกษาเลย 500 บาท ตั้งทุนการศึกษาให้ทั้งหมดไม่ต้องมานั่งเลือกอยู่ว่าลูกเรียนดีหรือไม่ดี นอนโรงพยาบาลไม่ทำงานกองทุนเสียให้คืนละ 500 บาทไม่เกิน 5 คืน ถ้าใครขยันเกิดให้เกิดได้ปีละ 2 ครั้งก็ได้ แก่เป็นสมาชิกครบ 15 ปี และอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์เกษียณเหมือนราชการเลยเราเลียนแบบมาพอครบ 60 ปี ปลดเกษียณมาเราให้เลยครับเดือนละ 300 บาท หากเป็นสมาชิกเยอะและนานแล้วเราขึ้นให้เดือนละ 1200 บาทเลย รายละเอียดผมไม่ลงลึกเพราะเหลือเวลาอีก 1 นาทีแล้ว ทุกคนได้บำนาญหมดทุกคน ยกเว้นตายก่อน 15 ปี เพราะฉะนั้นแนวความคิดนี้มันช่วยคนจนได้ เมื่อกี้นี้เกิด แก่ เจ็บ แล้วนะป่วยไปนอนโรงพยาบาลกองทุนให้อีกค่าเสียโอกาส ตายค่าทำศพช่วยอีก 2,500 บาท ทุนการศึกษาเด็กที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ไม่มีเงินก็ช่วยอีก เป็นต้น พอตั้งเสร็จแล้วก็ยังช่วยเหลือคนด้อยโอกาสอีกในพื้นที่ มีคนด้อยโอกาสในพื้นที่เท่าไหร่จะต้องดูแลเอาคนนี้เข้ามาเป็นสมาชิกเสร็จแล้วปลดหนี้ให้ 30,000 ด้วย มีการส่งเสริมการฝาก ด้วยครับ

คำสำคัญ (Tags): #ทรงพระเจริญ
หมายเลขบันทึก: 40888เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2006 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท