การเก็บขยะก็มีความสุขได้เหมือนกันนะครับ


ผมเลยชอบตั้งคำถามเล่นๆว่า ผมเก้บเปลือกทุเรียนแล้วผมได้อะไร ไม่มีใครคิดออก แต่คำตอบก็คือได้เพื่อนมากมาย
พอผมเริ่มทำนาแบบไม่ไถในพื่นที่ ๔ ไร่กว่าๆ ผมก็ต้องมาคิดแก้ปัญหาของการไม่ไถ ไม่ใช้สารพิษทางการเกษตร สิ่งหนึ่งที่ผมเริ่มทำก็คือการเก็บเศษพืชไปใส่นา ด้วยเหตุที่ผมอยู่ชานเมือง ทำให้ผมมีโอกาสเก็บเศษผลไม้ต่างๆจากร้านใกล้ๆบ้านประมาณ ๓-๔ ร้าน แล้วแต่เขาจะขายหรือไม่ อันได้แก่ เศษเปลือกผลไม้ และยังมีผลไม้ที่ยังบริโภคได้แต่ไม่สวยพอจะขายได้ คนขายเขาก็จะแบ่งมาให้ทานทุกวัน ที่ทานไม่ได้ก็จะแยกไปทำปุ๋ยหมักน้ำและแห้งปรับปรุงดินนา แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่สามารถคัดเลือกนำไปแจกจ่ายให้กับคนที่ทำนาด้วยกันได้ ทำให้ผมมีเพื่อนมากมาย ตั้งแต่คนขายผลไม้ที่ผมช่วยเขาเอาสิ่งไม่ต้องการไปทิ้งช่วงเย็นๆที่มีลูกค้ามาก ทำให้เขาทำงานสะดวก และชาวบ้านที่มีนาอยู่ใกล้นาของผมก็ได้รับผลไม้แจกทานกันตลอดทุกวัน จนถ้าวันไหนผมไม่อยู่จะมีคนถามกันแซ่ดว่าวันนี้อาจารย์แสวงไปไหน ผมเลยชอบตั้งคำถามเล่นๆว่า ผมเก้บเปลือกทุเรียนแล้วผมได้อะไร ไม่มีใครคิดออก แต่คำตอบก็คือได้เพื่อนมากมายทุกระดับ ทำให้ผมและภรรยามีความสุขมาก และมองดูโลกอย่างสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยอานิสงค์ของการได้ทำบุญทำทานแบบแทบไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย และนอกจากเราจะบรรลุเป้าหมายหลักของการทำปุ๋ยหมัก ทำนาอินทรีย์แล้ว เรายังได้ช่วยให้ทุกคนมีความสุขเพิ่มขึ้น เทศบาลมีขยะลดลง และทำให้ทุกคนเริ่มเห็นประโยชน์ของขยะและการแยกขยะทั้งทางตรงและทางอ้อม ใครไม่เชื่อลองดูนะครับแล้วจะติดใจเสน่ห์ของการเก็บเปลือกผลไม้ไปทำปุ๋ยหมัก
หมายเลขบันทึก: 40656เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2006 17:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 18:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชอบมากเลยคะ..การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง...

เป็นแบบอย่างแห่งการใช้ชีวิตอย่างแท้จริงคะ

เราควร เปลี่ยน เมือง "พล" ไห้เป็นเมือง "พอ" ครับ และสร้างเมือง เพียง ไปพร้อมกัน ต่อไปก็จะเป็น จังหวัด พอเพียงครับ(ประเทศ..ผมไม่แน่ใจครับ)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท