น้ำใจสาธารณสุขไทย...สู้ภัยน้ำท่วม


เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย โดยไม่รอให้เขาร้องขอหรือเกิดปัญหาใหญ่ๆแล้วค่อยลงพื้นที่กันซึ่งมันอาจสายเกินไปแล้ว หรือที่ภาษาชาวบ้านที่มักพูดกันว่าอาจไม่ทันเห็นใจกันก็ได้

                เรื่องฮอทขณะนี้คงไม่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะทีวีทุกช่อง สถานีวิทยุทุกคลื่น ออกอากาศกันทุกวัน ทุกชั่วโมง  ภาพความเสียหาย เป็นพันๆภาพที่ถูกนำมาให้ดูเป็นภาพข่าว ภาพที่ปรากฎบางคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว บางคนต้องสูญเสียคนที่รัก บางคนเครียดถึงกับฆ่าตัวตาย  แต่ในภาพแห่งความเลวร้ายเราก็พบภาพสวยงามแห่งน้ำใจเพื่อนมนุษย์ที่ทยอยหลั่งไหลให้ความช่วยเหลือกัน นี่แหละเป็นความสวยงามของสังคมเราที่ไม่ใช่มีเพียงด้านที่เลวร้ายเพียงอย่างเดียว  ทุกคนมีเพื่อนไม่ใช่อยู่เพียงลำพัง  จากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเกิดขึ้นกับหลายจังหวัดโดยจังหวัดสระบุรี ก็เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม

 

 

          ข้าพเจ้าและทีมงานชุมชน ซึ่งเป็นงานที่ต้องออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนได้นำปัญหานี้เข้าที่ประชุมหัวหน้าพาทำคุณภาพพูดถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่เราดูแลโดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าเราต้องออกเยี่ยมบ้านเชิงรุก  เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย  โดยไม่รอให้เขาร้องขอหรือเกิดปัญหาใหญ่ๆแล้วค่อยลงพื้นที่กันซึ่งมันอาจสายเกินไปแล้ว  หรือที่ภาษาชาวบ้านที่มักพูดกันว่าอาจไม่ทันเห็นใจกันก็ได้ เมื่อทีมงานพร้อมพี่วาสนา  ในฐานะหัวหน้างานชุมชน ได้นำเรื่องปรึกษาผู้อำนวยการซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการให้ความช่วยเหลือ  การจัดยานพาหนะเร่งด่วน   

 

 

            วันที่  ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๓  เป็นวันแรกที่เราออกเยี่ยมบ้าน  ทีมงานเราในเบื้องต้นประกอบด้วยงานชุมชนและงานศูนย์ข้อมูล  รวม ๔ ชีวิต  ประกอบด้วย พี่จ๊ะ พี่หญิง พี่เลิศชาย  และข้าพเจ้าซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถ(พขร.)จำเป็นให้อีกหน้าที่หนึ่ง พร้อมด้วย รถโตโยต้า ๔ ประตูสีขาวคันเก่ง  โดยในการออกพื้นที่ครั้งนี้  ภก.ธานินทร์ สุขเสงี่ยม  หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน  ซึ่งเป็นคุณหมอใจดีของเราได้ช่วยจัดยาชุดที่จำเป็นสำหรับผู้ประสบภัยติดรถให้มาด้วย 

 

       

         สถานที่ที่ทีมเราวางแผนไว้ว่าจะไปอันดับแรกคือ สถานีอนามัยตำบลหินซ้อน เพื่อขอทราบข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนและการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแล้ว  พวกเรานั่งรถมาเรื่อยๆตามเส้นทางแก่งคอย-ท่าคล้อ-หินซ้อน  ขอบอกว่าเส้นทางจากท่าคล้อไปหินซ้อนนี่โหดพอสมควร เพราะต้องคอยหลบหลุมบนถนนอันเกิดจากรถบรรทุกที่วิ่งทุกวัน ซึ่งบางหลุมใหญ่มากๆ ตลอดเส้นทางได้ยินเสียงพี่จ๊ะร้องเสียวเป็นระยะๆ  ก่อนถึงสถานีอนามัยหินซ้อน  ประมาณ ๒ กิโลเมตร  เราก็เห็นภาพน้ำท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน  ซึ่งเราได้จอดรถและลงไปพูดคุยให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น  จุดแรกนี้เราพบบ้านที่ถูกน้ำท่วมขัง ๒ หลัง โดยเห็นเจ้าของบ้านหญิงวัยกลางคนกำลังกันขยะมูลฝอยไม่ให้ลอยเข้าบ้าน  โดยน้ำท่วมสูงเลยเอวเกือบถึงหน้าอก เนื้อตัวเสื้อผ้าเปียกทั้งตัวเมื่อเห็นพวกเราเขาได้เดินลุยน้ำมาหาพวกเราทันที  เมื่อมาถึงพวกเราและได้พูดคุยทักทายกัน  เราสังเกตได้ถึงความอิดโรยบนใบหน้า  ซึ่งก็ตรงกับที่คำบอกเล่าจากปากพี่เขาว่าแทบไม่ได้นอนเพราะต้องคอยระวังน้ำอยู่ตลอดเวลา  จากการสอบถามถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นเราทราบว่า  ข้าวที่กำลังออกรวงหลายไร่ และต้นทานตะวันเล็กที่กำลังโตถูกน้ำท่วมหมด พี่เขาเล่าด้วยน้ำเสียงอันเศร้าถึงนาข้าวที่เสียหายว่าแม้มันจะไม่มากแต่ก็สามารถให้คน ไก่ หมาที่เลี้ยงไว้ได้กินกันทั้งปี  ก่อนเดินทางต่อพวกเราได้ให้กำลังใจและมอบยาไว้ให้ ๑  ชุด

 

         

         เราเดินทางอีกไม่ถึง ๑๐ นาที ก็ถึงสถานีอนามัยหินซ้อน  ภาพที่เห็นอยู่ด้านหน้าสถานีอนามัยคือ  พี่แดงหัวหน้าอนามัยในชุดเสื้อโปโลและกางเกงขาสั้นรองเท้ายาง  สวมหมวกกันน็อค กำลังจะขึ้นคล่อมมอเตอร์ไซด์คันเก่ง เมื่อเห็นพวกเราพี่แดงจึงถอดหมวกกันน็อคและเข้ามาพูดคุยและเชื้อเชิญขึ้นสถานีอนามัยโดยไม่ได้แสดงท่าทีกังวลว่ากำลังจะเดินทางออกไปทำธุระ  ซึ่งเมื่อขึ้นถึงชั้นบนของสถานีอนามัย  พี่แดงเล่าให้ฟังว่ากำลังจะเข้าไปทำธุระในอำเภอ  บนสถานีอนามัยน้องแจ็คหมออนามัยหนุ่ม ได้เปิดภาพน้ำท่วมจากที่ได้ลงไปเยี่ยมชาวบ้านมาให้พวกเราดู พร้อมบรรยายอย่างละเอียดเหมือนพวกเราได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยทีเดียว  จากการฟังน้องแจ็คเล่าทราบว่าบางหมู่ถูกน้ำท่วมทั้งหมด  ถนนใช้ไม่ได้  รถไฟหยุดวิ่งชั่วคราว โดยที่สถานีอนามัยก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกันเป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่    ข้อมูลการเจ็บป่วยส่วนใหญ่จะเป็นโรคน้ำกัดเท้า  ซึ่งก็ได้รับการดูแลจากหมอแดงและหมอแจ็คเป็นอย่างดี   เมื่อดูข้อมูลเบื้องต้นแล้วพวกเราจึงชวนกันออกไปเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบภัย โดยพี่แดงและน้องแจ็คอาสานำทางทีมงานเราไป การเดินทางออกจากอนามัยจึงมีสมาชิกขึ้นรถโตโยต้าของเราเพิ่มอีกสองชีวิต เราขับรถออกจากสถานีอนามัยไม่ถึงสิบนาที  ก็ถึงทางรถไฟซึ่งวันนี้รถไฟไม่สามารถวิ่งได้แล้ว เมื่อมองข้ามไปอีกฟากของทางรถไฟเราเห็นภาพน้ำท่วมขังเป็นพื้นเดียวกันทั้งหมด เราจอดรถและเดินข้ามทางรถไฟเพื่อไปขึ้นเรือท้องแบนเข้าไปยังจุดให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย  ระหว่างนั้นเราได้ยินเสียงหอกระจายข่าวจากอบต.เสียงดังมากเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลความเคลื่อนไหวของน้ำท่วมและให้กำลังใจแก่ชาวบ้าน    จากเสียงหอกระจายข่าวทำให้ข้าพเจ้านึกถึงภาพยนตร์เรื่องไททานิค ฉากที่นักดนตรีทำหน้าที่บรรเลงเพลงจนเรือจมทั้งลำโดยไม่ทอดทิ้งหน้าที่  เขามีการให้กำลังใจกัน  มีการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง  เราลงเรือกันโดยทุกคนต้องถอดรองเท้าไว้ที่ฝั่งภาพที่เราได้เห็นสถานีตำรวจตำบลหินซ้อน แฟลตที่พักตำรวจชั้น ๑  ถูกน้ำท่วมทั้งหมด มองไม่เห็นถนน เห็นแต่สัญลักษณ์จราจรที่ยังจมไม่หมด เราวิ่งผ่านผืนนาที่ทราบเพราะบางจุดเราเห็นรวงข้าวรวงโตๆ โผล่ปริ่มๆน้ำ  และบางครั้งถูกหางเรือตัดเสียงดังผิดไปจากการที่หางเรือกระทบกับน้ำอย่างเดียว  ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นลูกเกษตรกรย่อมพอจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของข้าวดีและรู้สึกสงสารชาวนาอย่างจับใจ  ไม่ถึง ๒๐ นาทีเราก้อเดินทางถึงกองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหน้าวัดหินซ้อนใต้  เมื่อจอดเรือแล้วพวกเราต้องลงลุยน้ำอีกหน่อยเพื่อขึ้นจากน้ำไปยังจุดหมาย ที่เต๊นท์บริการมีการรับเรื่องร้องทุกข์และให้การช่วยเหลือเบื้องต้น มีการทำอาหารเลี้ยงกันแบบเรียบง่ายและมีเวชภัณฑ์ที่จำเป็นแล้วโดยเฉพาะยาน้ำกัดเท้าจากสถานีอนามัยนำมาให้  เราอยู่ที่จุดนี้พักหนึ่งโดยไม่มีผู้ป่วยมารับบริการเราจึงได้มอบยาที่เราเตรียมมาให้ไว้เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ โดยชาวบ้านก็แสดงความขอบคุณด้วยการเลี้ยงข้าวพวกเรา ๑ มื้อ  ซึ่งเป็นอาหารง่ายๆแต่อร่อยมากๆสังเกตุจากพี่หญิงเติมข้าวถึง ๒ รอบ  พวกเราร่ำลาและเดินทางกลับโดยเดินมาขึ้นเรืออีกจุดหนึ่งตรงข้ามจากจุดที่เราลงตอนมาครั้งแรก

 

         จากการประมวลเหตุการณ์และภาพที่ได้เห็นเราไม่ห่วงเรื่องสุขภาพอนามัยเท่าไหร่  เพราะพี่แดงและน้องแจ็คให้การดูแลเป็นอย่างดี บางวันพี่แดงก็ซื้อข้าวปลาอาหารไปสมทบที่จุดให้ความช่วยเหลือโดยควักกระเป๋าตัวเองช่วยเหลือซึ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นหมออนามัยพันธุ์แท้จริงๆ   ให้บริการเชิงรุกไม่ได้นั่งรอรับผู้ป่วยที่สถานีอนามัยเพียงอย่างเดียว  มีการลงไปรักษาเยียวยาที่บ้านทั้งทางกายและจิตใจโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย  เพราะทราบว่าบางวันอยู่กับชาวบ้านถึงดึกดื่นเที่ยงคืนก็มี ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้สึกดีใจแทนชาวบ้านจริงๆที่มีหมออนามัยที่ดีคอยให้การช่วยเหลือโดยไม่ทอดทิ้ง ข้าพเจ้าขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่นี่สมกับที่ชาวบ้านเรียกว่าหมอและอยากให้พวกเขาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นและผู้ที่กำลังจะลืมกระแสพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก  ที่ว่า  “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” 

 

รุ่งชัย  หงษ์เวียงจันทร์
หมายเลขบันทึก: 406501เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2010 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

"ค่ำคืนที่มืดมิดจะมองเห็นดวงดาวชัดเจนขึ้น"

มาเป็นกำลังใจให้กันและกันครับ

ขอให้ทีมงานทุกท่านมีความสุข

ขอบคุณครับ.

ชื่นชมและให้กำลังใจนะคะ..นับเป็นกุศลผลบุญอย่างยิ่งค่ะ..

 

มาชื่นชมความตั้งใจและความปรารถนาดีของพวกเราชาวสาธารณสุข ที่พร้อมเป็นผู้ให้กับประชาชนเสมอมาค่ะ

พายเรือกลางหมู่บ้าน เป็นภาพประวัติศาสตร์เลยนะคะ

แล้วอาหารหลักนั้น น่าแซบจริงๆ

ขอบคุณครับ  คุณต้นสเต็ก 

ยอมรับว่าผู้นำเปิดไฟเขียว  หัวหน้างานเข้าใจ  และที่สำคัญทีมงานร่วมแรงร่วมใจ 

การทำงานเป็นทีมมีความสุขครับ

สวัสดีค่ะ

มาเป็นกำลังใจค่ะ ขอให้ฟื้นฟูในเร็ววันนะคะ

สมาชิกของแก่งคอยเข้มแข็งจริงๆๆพี่ชูศรี ฝากทักทายสมาชิกให้ด้วยครับ

ขอบคุณครับ  คุณนงนาท สนธิสุวรรณ

ตอนนี้ก็ช่วยเยียวยา  และดูโรคภัยที่ตามมาทีหลัง

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

ขอบคุณครับพี่ namsha เสียดายวันนั้นพี่ไม่ได้ไป

อาหารหลักของโปรดของพี่ๆ  ที่น้ำใจชาวบ้านทำให้  อร่อยจริงๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท