ในวันหยุดได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ชอบ พอดีปิ่งให้หนังสือที่ท่านอาจารย์อมรา มลิลา นำมาแจกเมื่อวันพุธที่ 19 ก.ค. 2549 ที่ท่านมาสนทนาธรรมที่สถาบัน พอเห็นชื่อหนังสือก็มีความรู้สึกอยากอ่านทันที มีข้อความบางตอนที่อยากบันทึกไว้และสื่อสารให้ท่านที่สนใจ รวมทั้งเพื่อเป็นข้อเตือนใจตนเองด้วยค่ะ
"ให้พร่ำสอนตนเองว่า อะไรที่เกิดขึ้นแต่ละเวลานาทีเป็นเหมือนรอยที่ขีดไปบนผิวน้ำ อย่าให้เป็นเหมือนรอยมีดที่กรีดไปบนหิน ถ้ากรีดไม่ถูกใจจะลบทิ้งก็ลบไม่ได้ เพราะติดเข้าไปในเนื้อหินเสียแล้ว แต่กรีดบนผิวน้ำ ผิวน้ำเคลื่อนไหวทุกอย่างก็ลบหมดเกลี้ยง ไม่เหลืออะไรค้างคาอยู่เลย........ถอนจิตใจของเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน........ซึ่งฟังดูง่าย แต่เวลาทำจริงๆ ใจจะไม่ยอมเสียเฉยๆ แต่ถ้าจดจ่อเอาจริง ก็ไม่ยากเกินความเพียรพยายาม ฝืนฝึกเอาไว้เรื่อยๆ นานไปก็จะกลายเป็นนิสัย.........ฝึกใจของเราให้เป็นเช่นนั้นให้ได้ แล้วจะพบว่าใจเราเบาสบายขึ้นเยอะมากๆ "
อาจารย์ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ประกอบซึ่งเข้าใจได้ง่ายและชัดเจนมาก อ่านหนังสือแล้วอยากเชิญชวนให้ท่านที่สนใจเข้าร่วมฟังและสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ในวันที่อาจารย์มาสถาบันเรานะคะ เพราะอาจารย์มีประสบการณ์ที่นำมาถ่ายทอดด้วยน้ำเสียงที่เมตตา มีบรรยากาศที่เป็นมิตร ติดตามกำหนดการจากประกาศของชมรมจริยธรรมนะคะ
อ่านหนังสือเหล่านี้แล้วคิดถึงพ่อ ขอเล่าเรื่องพ่อต่ออีกนิดนะคะ "จำได้ว่าตอนเด็กดิฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ โกรธง่าย เจ้าคิดเจ้าแค้น ชอบโกรธคนโน้นโกรธคนนี้ "พ่อ" ก็จะคอยบอกคอยสอนว่า ไปโกรธคนอื่นแล้วเขารู้หรือเปล่า เขาหลับสบาย ตัวเองต่างหากที่เป็นทุกข์ เขาอาจคิดไม่เหมือนเรา ให้อภัยได้ให้อภัยเถอะ อย่าโกรธเลยแล้วเราจะรู้ว่าใจเราเบาสบาย ตอนนั้นดิฉันไม่เข้าใจนัก แต่ก็ฝึกปฏิบัติเพราะพ่อเป็นต้นแบบที่ดีของดิฉัน ไม่เคยเห็นพ่อโกรธใครเลย คนใกล้ชิดหรือคนที่รู้จัก ทุกคนรักพ่อ"
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดิฉันได้ฝึกปฏิบัติค่ะ
ยังมีหนังสือ "จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำสุขมาให้"เหลืออยู่อีก 4 เล่มถ้าใครสนใจยืมได้ที่ห้องชมรมจริยธรรมค่ะ นอกจากนี้ยังมีที่อ.ได้บริจาคไว้ก่อนหน้านี้อีก 44 เรื่อง/เล่ม อยู่ที่ห้องชมรมฯเช่นกันค่ะ
เห็นด้วยกับพี่มอมค่ะว่าการบันทึกข้อธรรมะ ที่โดนใจไว้เตือนใจตัวเองได้ดีมากๆ กลับมาอ่านได้บ่อยๆด้วยค่ะ