หลังจากเลี้ยงส่ง ประธานบริษัทแห่งหนึ่งที่ปลดเกษียณ
เขามอบซองสองซองที่ระบุหมายเลข 1 และ 2 ให้กับประธานคนใหม่
แล้วบอกว่า "เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบกับวิกฤติที่แก้ไขเองไม่ได้ ให้เปิดซองหมายเลข 1 และเมื่อวิกฤติครั้งต่อไป ให้เปิดอีกซองที่เหลือ"
ไม่กี่ปีหลังจากนั้น บริษัทก็ต้องประสบกับวิกฤติครั้งสำคัญ ประธานคนใหม่นึกเรื่องซองจดหมายขึ้นมา จึงเปิดเซฟ แล้วหยิบซองแรกขึ้นมา ในนั้นมีข้อความระบุว่า "ตำหนิประธานคนก่อนหน้าคุณ"
แน่นอนว่าเขาทำตามคำแนะนำนั้น
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี เขาก็พบวิกฤติที่แก้ไขไม่ได้อีกครั้ง จึงตัดสินใจเปิดซองหมายเลขสอง มันระบุไว้ว่า "เตรียมซองสองซองเหมือนที่ผมเตรียม ให้ยื่นให้กับคนที่มาทำงานแทนคุณ บอกเขาแบบที่ผมบอกคุณก่อนผมจากไป"
คนที่มีความรับผิดชอบ จะยินดียืดอกรับความผิดพลาด และเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านั้น แต่บางคนผิดพลาดแล้วไม่เคยคิดที่จะเรียนรู้จากมัน
เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดความผิดพลาดขึ้น เรามีทางเลือกสองสามอย่างที่ทำได้ คือ
ละเลยมันไป,
ปฏิเสธปัญหา
และอีกวิธีคือ การยอมรับและเรียนรู้จากมัน
ในชีวิตมันเป็นเรื่องง่ายที่จะเอาแต่กล่าวโทษคนอื่น แต่ถ้าทำแบบนั้นตัวคุณเองก็จะไม่มีวันพัฒนาได้เหมือนกัน
คนที่ชอบกล่าวโทษคนอื่นมีอยู่ทั่วไป นาน ๆ จะเห็นใครยอมรับความผิดพลาดของตนเองสักที
ถึงแม้จะเป็นสัญชาตญาณการรักษาตัวของมนุษย์ แต่คำสอนทั้งหลายจากผู้เลี้ยงเขามา สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีจากหลาย ๆ ทาง ทำให้ยอมเหยียบคนอื่นไปยืนโดยไม่รู้สึกผิดอะไร
การเล่นการเมืองในมหาวิทยาลัยก็ไม่ต่างกัน ภาพและลักษณ์ต้องดีที่สุด ยามใดมีความผิดพลาดเกิดขึ้นจากการบริหารงานของตนเอง มักจะมีแพะเกิดขึ้นเสมอ และหากหาแพะไม่ทัน ... องค์กรก็ล่มสลาย เสียชื่อ โดยหลอกตัวเองว่า ไม่ใช่เพราะเรา ไม่ใช่เพราะเรา
จำคำสอนของพระพุทธองค์มิได้หรือว่า
มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ เสื่อมสรรเสริญ
หากอยากรู้ว่า คน ๆ นั้นเป็นคนอย่างไรกันแน่ ให้โยนลาภ ยศ สรรเสริญ ไปให้
เมื่อเวลาผ่านไป เนื้อแท้ของเขาจะออกมาให้เห็นทันที
ดีจริง หรือ แกล้งดี ;)
บุญรักษา ทุกท่าน
แหล่งข้อมูล
นภัทร. สำเร็จได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย It's not a good luck!.
กรุงเทพฯ: โนวเลดจ์ เมคเกอร์, 2551.
สวัสดีค่ะอาจารย์ ขอบคุณสาระที่ให้ข้อคิดดีๆค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณครู Rinda ;)
"ชอบมากครับ" ข้อคิดนี้
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วเข้าใจ เหมือนกับหลายบันทึก แต่หลายครั้งก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพียงแต่เก็บความเข้าใจนำไปใช้เป็นบทเรียนค่ะ
อ่านบันทึกนี้ก็ทำให้เกิดความรู้สึกต่อยอดในเรื่องราวชีวิตจริงของพี่คิมค่ะ ก่อนจะส่งมอบหมายงาน แบ่งมรดกตกทอดให้คนอยู่ เห็นใบประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ "ไม่มีความหมาย" เลยค่ะ
มาใหม่ค่ะ อ่านชื่อบันทึก ทำให้นึกถึงสำนวนที่ว่า "๓๐ ลิขิตฟ้า ๗๐ ต้องฝ่าฟัน" นะคะ
ขอบคุณมากครับ คุณครู ฐานิศวร์ ที่แวะมาเยี่ยมเยือน ;)
สวัสดีครับ พี่ครูคิม ยายคิม ;)
คุณค่าของสิ่งที่เราทำมาในชีวิต คิดว่า คงไม่ใช่วัตถุ ลาภ ยศ สรรเสริญที่มีแต่เปลือกนอกนะครับ
คุณค่าอยู่ที่ความดีและความสุขที่ได้ทำดี
70 อย่าลืมฝ่าฟันนะครับ ;)
ขอบคุณครับ
ว้าว มีอีกบันทึกนี้ ปิดเทอมอ.คลอดหลายเลย ตามเก็บไม่ทันกันเลยเชียว ;) .. โดนๆ แบบว่าตั้งแต่เกิดมา อะไรที่สำเร็จได้ ต้องเพียรพยายามมากมาย ไม่มีโชคกับเค้าเลย (เคยซื้อหวยครั้งเดียวก็ถูกกิน อิ อิ ) แต่อ.เสือมีโชค นิ โชคเลือด กะงานไง ๕ ๕ ;)
... คุณค่าของสิ่งที่เราทำมาในชีวิต คิดว่า คงไม่ใช่วัตถุ ลาภ ยศ สรรเสริญที่มีแต่เปลือกนอก .. ชอบๆ ประโยคนี้ค่ะ
ยศฐา บรรดาศักดิ์ เงินทองของนอกกาย ลาภ ไม่สนใจ แต่ถ้า ลาบ ถึงไหนถึงกัน (ตกลงว่าอ. หาส้มตำรู ข้างวัดอุโมงค์เจอรึยังคะ )
.. อืม ว่าแต่เพื่อนเลิฟ อ. หายเงียบไปกับน้ำท่วมเลยนิ เป็นไงบ้างหนอ .. อิ่มรำยามเย็นเผื่อโตยเจ้า อ. เสือ ฮามาก โรฯ จริงฤา
อ้าว มาอีกรอบ ยังชอบอัจกลับแสงสวยงาม จึงมาหาหนังสืออ่านคั่นและค่าเวลา ๕ ๕
มิพูดมากแล้ว วันนี้พี่สาวกลางบอกว่า ไร้หัวโขนคราใด ก็อิสระกายใจ ฝันดีล่วงหน้าค่ะ