เมื่อวันศุกร์ที่แล้วได้มีโอกาสกลับบ้านที่มุกดาหาร กลับไปคราวนี้ อาหารท้องถิ่นบ้านนามีให้กินมากมาย มีทั้ง แตงไทย ฟักทอง แกงหน่อไม้ เห็ดโคน ข้าวโพดข้าวเหนียว พร้อมทั้งถั่วลิสง ที่ถอนขึ้นมาแล้วต้มกินกันตรงนั้นเลย กินจนลืมอ้วน! แต่กลับบ้านคราวนี้เจอปัญหามากมายที่มาพร้อมกับของกินบ้านป่า ได้ยินชาวบ้านบ่นว่าปีนี้ถั่วลิสง แตงไทย และฟักทอง มีราคาต่ำมาก ซึ่งพ่อค้าคนกลางจะให้ราคาที่ต่ำกว่าทุกปี ถั่วลิสงนั้นราคาจะอยู่ที่ ปิ๊ปละ 80-100 บาท(ประมาณ 10-12 กิโลกรัม) แตงไทยกิโลกรัมละ 3-5 บาท ฟักทองกิโลกรัมละ 2.5-3 บาท จะเห็นว่าขายทั้งสวนก็ไม่พอค่าน้ำมันและค่าแรงที่ลงทุน และชาวบ้านก็ไม่มีความรู้ทางด้านการตลาดและการกระจายสินค้า ทั้งนี้เนื่องมาจากชาวบ้านปลูกกันเยอะมากและไม่รู้ว่าจะไปขายได้ที่ไหน ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะที่พ่อค้าคนกลางจะกดราคาให้ต่ำ อย่างเช่น ป้าสังข์ปลูกแตงไทยแล้วเอามากองไว้ขายหน้าบ้านกองสูงถึงหัวเข่า พ่อค้าคนกลางให้ราคา 150 บาท ป้าบอกพ่อค้าคนกลางว่า"ขายได้เหมือนให้ฟรี" ค่าเหนื่อยยังไม่ได้ อย่าให้เอ่ยถึงค่าน้ำมันเลย หลานๆอย่างพวกเราต้องกินแตงไทยไปหลายวันรวมทั้งหมูที่อยู่ในคอกก็พลอยได้รับส่วนบุญไปด้วย! ปัญหาราคาสินค้าตกต่ำจะพบได้ทุกปีแต่ชาวบ้านก็ไม่มีหนทางแก้ไข และไม่เคยที่จะวางแผนการปลูกพืชด้วยซ้ำไป มีแต่จะแห่ปลูกตามกันไป เรื่องนี้ก็โทษใครไม่ได้ วันเสาร์ได้มีโอกาสตามพี่ชายไปขายยางราพา ซึ่งราคาของเศษยางพารา กิโลกรัมละ 40-45 บาท ยางแผ่นกิโลกรัมละ 80-95 บาท แล้วแต่พ่อค้าที่รับซื้อจะกำหนดราคาเอง ไม่เคยเห็นสินค้าเกษตรชนิดไหนที่เกษตรกรเป็นคนกำหนดราคาเองได้บ้าง คงมีอยู่ทางเดียวที่เกษตรกรจะเป็นคนกำหนดราคาสินค้าได้ก็คือให้พ่อค้ามาขอร้องซื้อสินค้าเกษตรจากตัวของเกษตรกรเองซึ่งเราจะบอกกับพ่อค้าคนกลางว่า "เราปลูกเพื่อพอกิน พออยู่ได้ในครอบครัว เหลือจึงจะแบ่งขาย" และนี่ก็คือเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงของเรานั่นเอง (สงสัยพ่อค้าคนกลางคงแอบไปร้องไห้อยู่หลังบ้านแน่!)