เที่ยวบินระหว่างกรุงเทพกับเชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงเศษๆนั้น ถ้าหักเวลาตอนบินไต่ระดับขึ้นสู่เพดานบินกับตอนลดระดับเพื่อลงสู่สนามบินออกแล้ว จะเหลือเวลาสี่สิบกว่านาที สี่สิบกว่านาทีนี้ ทำอะไรได้หลายอย่างตามอัธยาศัย
ครั้งหนึ่ง ผมได้นั่งถัดแม่ลูกฝรั่ง (พูดอังกฤษ) คู่หนึ่ง พอถึงช่วงสี่สิบนาทีที่ว่านี้ ทั้งสองก็เอาหนังสือเล่มใหญ่แต่ไม่หนา ออกมาวางและเริ่มเล่นเกมต่างๆ ด้วยกัน หนังสือนั้นมีภาพสีสวยมากกว่าตัวหนังสือ และหลายหน้ามีรูปลอก (คือสติกเกอร์นั่นแหละครับ) สำหรับให้ดึงออกไปปิดทับให้ถูกที่ในอีกหน้าหนึ่ง ฯลฯ
เท่าทีเห็นและได้ยิน หนูน้อยวัยอนุบาลคนนั้นเป็นผู้เล่นเองทำเองเกือบทั้งหมด แม่เป็นผู้ถามและบอกใบ้ให้เท่านั้น ไม่เกินสี่สิบนาทีเขาก็เล่นจบ ผมถือโอกาสตอนนั้นถามแม่ของหนูน้อยว่าเป็นครูหรือไม่ เธอตอบว่าไม่ใช่ เมื่อผมบอกว่าที่เธอทำนั้นเป็นวิธีสอนที่ดีทีเดียว เธอก็ตอบว่า เธอแค่ทำตามที่หนังสือแนะไว้ให้ เธอบอกว่าหนังสือประเภทนี้ บ้านเธอมีเยอะ และส่วนมากใครก็เอาไปใช้ได้ไม่ว่าพ่อ แม่ หรือพี่
ที่นั่งสองที่ซึ่งกินเนื้อที่เพียงตารางเมตรเศษๆ ของเที่ยวบินนั้น กลายเป็นห้องเรียนลอยฟ้านองหนูน้อยคนนั้น และครูของเธอคือคนที่รักเธอมากที่สุด ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่เธอเชื่อและไว้วางใจที่สุดด้วย
แม่ที่ผมพบในวันนั้น ไม่ใช่แม่ที่ทำหน้าที่แค่เลี้ยงลูกให้โตอย่างเดียวแน่นอน แต่เป็น "ครูคนแรก" ตัวจริงของหนูน้อยคนนั้นด้วย
การพัฒนาเยาวชนไม่ว่าของชาติใด ต่างก็ตั้งเป้าหมายสวยงามเหมือนกันหมด แต่ระหว่างทางไปสู่เป้าหมายนั้น แต่ละชาติแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง โดยมีวัฒนธรรมเป็นตัวแปรที่สำคัญตัวหนึ่ง ในฐานะครูเก่า ผมเห็นว่าสี่สิบนาทีของแม่ลูกฝรั่งคู่นั้นมีค่ามาก แต่ผมยังเสียดายอยู่ตรงที่ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่คนไทย