มิตรเทียม
[๒๕๔] คหบดีบุตร คน ๔ จำพวกนี้ เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม คือ
๑.คนที่ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
๒.คนดีแต่พูด พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
๓.คนพูดประจบ พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
๔.คนที่เป็นเพื่อนชักนำในทางเสื่อม พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
[๒๕๕] คหบดีบุตร คนที่ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการ คือ
๑.เป็นผู้ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว
๒.เสียน้อย ปรารถนาได้มาก
๓.เมื่อตัวเองมีภัยจึงทำกิจของเพื่อน
๔.คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์
คหบดีบุตร คนที่ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการนี้แล
[๒๕๖] คหบดีบุตร คนดีแต่พูด เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการ คือ
๑.กล่าวต้อนรับด้วยเรื่องที่เป็นอดีตไปแล้ว
๒.กล่าวต้อนรับด้วยเรื่องที่ยังมาไม่ถึง
๓.สงเคราะห์ด้วยสิ่งที่หาประโยชน์มิได้
๔.เมื่อมีกิจเกิดขึ้นเฉพาะหน้าก็แสดงความขัดข้อง
คหบดีบุตร คนดีแต่พูด เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการนี้แล
[๒๕๗] คหบดีบุตร คนพูดประจบ เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการ คือ
๑.เพื่อนทำชั่ว ก็คล้อยตาม
๒.เพื่อนทำดี ก็คล้อยตาม
๓.สรรเสริญต่อหน้า
๔.นินทาลับหลัง
คหบดีบุตร คนพูดประจบ เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการนี้แล
[๒๕๘] คหบดีบุตร คนที่เป็นเพื่อนชักนำในทางเสื่อม พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการ คือ
๑.เป็นเพื่อนที่ชักนำให้หมกมุ่นในการเสพของมึนเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นเหตุแห่งความประมาท
๒.เป็นเพื่อนที่ชักนำให้หมกมุ่นในการเที่ยวไปตามตรอกซอกซอย ในเวลากลางคืน
๓. เป็นเพื่อนที่ชักนำในการเที่ยวดูมหรสพ
๔.เป็นเพื่อนที่ชักนำให้หมกมุ่นในการเล่นการพนัน อันเป็นเหตุแห่งความประมาท
คหบดีบุตร บุตร คนที่เป็นเพื่อนชักนำในทางเสื่อม พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ ๔ ประการนี้แล
[๒๕๙] พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
บุคคลที่ไม่ใช่มิตรแท้ ๔ จำพวกนี้ คือ
(๑)มิตรที่ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นอย่างเดียว
(๒)มิตรดีแต่พูด (๓) มิตรพูดประจบ
(๔)มิตรชักนำในทางเสื่อม
บัณฑิตรู้อย่างนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล
เหมือนคนเว้นทางมีภัยเฉพาะหน้าเสียฉะนั้น
(ยังมีต่อ)
สวัสดีครับ เป็นสาระที่สรุปมาดีมากครับ ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
สวัสดีค่ะคุณธนา
ขอบคุณค่ะที่แวะมา
ต้องขอบพระคุณผู้แปลค่ะ ที่แปลไว้ และเพิ่มคำอธิบายจนอ่านได้เข้าใจง่ายขึ้น
ลอกมาทั้งหมดเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณณัฐรดา
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับสาระดี ๆ เรื่อง"เพื่อน" และเราต้องไม่ลืมที่จะเป็นเพื่อนที่แท้ที่ดีของตัวเองด้วยนะคะ
ได้แนวทางวิเคราะห์มิตรดีจริงๆค่ะ ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ
สวัสดีค่ะ...
แวะมาอ่าน มิตรแท้ - มิตรเทียมค่ะ...คนเราดูแป๊ปเดียวก็รู้ค่ะว่า ใครจะเป็นมิตรแท้ - มิตรเทียม...เหตุถเพราะใจเราบริสุทธิ์...จะทำให้สามารถดูผู้ที่มาหาเราออกค่ะ...ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ + ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตค่ะ...
สวัสดีค่ะ
มาอ่านบันทึกดีๆ ก่อนเข้านอน
เหมือนได้ฟังธรรมก่อนนอนเลยนะคะ
คืนนี้นอนหลับสบายเพราะได้อ่านในสิ่งดีๆ
แยกแยะได้ มิตรแท้ มิตรเทียม
ขอบคุณบันทึกดีๆที่แบ่งปันค่ะ
สวัสดีตอนดึกๆค่ะ
แวะมารับเอาเอนโดฟีนก่อนนอนค่ะ มาที่นี่มีแต่เรื่องดีๆ แค่เห็นรอยยิ้มเจ้าของบล็อกก็ชื่นใจแล้วค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
สวัสดีค่ะมาอ่านสาระน่ารู้ที่ควรนำไปปฏิบัติการคบมิตร มีมิตรแท้ และมิตรเทียมคงต้องแยกแยะกันล่ะค่ะ มองหน้า ไม่รู้ใจ สังคมปัจจุบันนะคะ
สวัสดีค่ะ
มาอ่านแล้วสบายใจ ได้ระวัง และเตือนบอกกล่าวผู้อื่นได้อีก ขอบคุณนะคะ