ดร.เอ็มเบดการ์
(บันทึกนี้เขียนเมื่อ 27 ม.ค.2547 เวลา 22.00 น.)
ก่อนเดินทางไปทัศนศึกษาที่รัฐมหาราษฎร์ใน 3 เมือง คือ นาคปูร์ ออรังคบาดและปูเณ่ สภาพจิตใจของข้าพเจ้าย่ำแย่มากที่สุดเท่าที่เคยประสบมา เหมือนจะเป็นโรคประสาท สิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวมากคือการนอน เพราะเมื่อหลับตาลงจิตเข้าสู่ภวังค์ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกนรก มันเป็นฝันร้าย ที่แย่มากคือเมื่อตื่นขึ้นมาข้าพเจ้าก็จะตีความฝันนั้นไปในทางที่น่ากลัว สภาพอื่น ๆ ก็ย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือเกี่ยวกับชมรมนักศึกษาไทย จนข้าพเจ้าคิดว่าคงจะไปไม่รอดแน่ อาจจะต้องกลับเมืองไทยก่อนปีใหม่นี้ มิฉะนั้นอาจจะต้องเป็นบ้า ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะกลับเมืองไทยหลายครั้ง เพียงแต่ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง นอกจากเคยพูดให้มหามานะว่า “ผมกลัวว่าผมจะเรียนไม่จบปริญญาโท” ข้าพเจ้าพูดแค่นี้ สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์มากก็คือ การจินตนาการถึงสภาพชีวิตที่เลวร้ายสุด ๆ หลังเดินทางกลับเมืองไทย ข้าพเจ้าเกิดความกลัวสภาพชีวิตอย่างนั้นที่สุดอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน จนบางครั้งข้าพเจ้าจะรำพึงกับตัวเองว่า “เราไม่เคยกลัวอย่างนี้มาก่อน, เราจะรอดไหมหนอ, ทำไมเราต้องเจอกับสภาพอย่างนี้” ที่เลวร้ายมากก็คือ ในช่วงนี้นอกจากเข้าฟังการบรรยายในชั้นเรียนข้าพเจ้าก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับใครเป็นเดือน กลับมาจากห้องเรียนข้าพเจ้าจะขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีอะไรอื่นนอกจากฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์ หวาดกลัวกับความคิดและจินตนาการที่ตนสร้างขึ้น และตอนนั้น (13 ธ.ค.) ซัดดัม ฮุสเซน ถูกจับและอยู่ในสภาพที่น่าเวทนามาก ข้าพเจ้าก็เกิดความกลัวขึ้นมาอีกว่าข้าพเจ้าจะไปอยู่ในสภาพอย่างนั้น ต้องรับกรรมที่เหมือนกับตกนรกอย่างนั้น
จนก่อนเดินทางประมาณวันที่ 15 หรือ 16 ข้าพเจ้าเหมือนจะฝันตอนประมาณตีสี่ว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา และผู้ใหญ่ท่านนี้เกี่ยวข้องกับเลข 6 ตอนแรกข้าพเจ้าก็เข้าใจว่า น่าจะเป็นลุงหกที่ท่านเสียชีวิตไปแล้วจะมาช่วยเรา นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังฝันว่าได้เข้าไปชมสถานที่เกี่ยวกับท่าน ดร.เอ็มเบ็ดการ์ จากความฝันนี้ข้าพเจ้าเลยบอกกับตัวเองว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจเลิกอนาคตทางการศึกษา ขอให้เดินทางกลับไปทัศนศึกษาก่อนเผื่อมีอะไรดีขึ้น เมื่อกลับมาแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นค่อยตัดสินใจกลับเมืองไทย จากนั้นข้าพเจ้าก็ไมได้คิดอะไร
เมื่อเดินทาง(19 ธ.ค. 2546)ไปถึงเมืองนาคปูร์ ปรากฏว่าข้าพเจ้าได้เข้าไปชมสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ดร.เอ็มเบ็ดการ์ คือ ทิกษาภูมิ เป็นสถานที่เก็บอัฏฐิของท่าน โดยสร้างเป็นสถูปครอบไว้ รูปทรงเหมือนสถูปสาญจี ตอนนั้นข้าพเจ้าก็ไม่คิดอะไรมาก คณะนักศึกษาไทยเมืองนาคปูร์พาพวกเรากลับจากทิกษาภูมิไปทานอาหารที่บ้านเช่าของคุณสิทธิพร พระมหาทองพูน นักศึกษาปริญญาโท ได้ถามขึ้นว่า “ใครจะไปนอนที่ที่พักของผม” ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตอบว่า “ผมจะไปนอนด้วย” ก่อนหน้านี้ตอนกลางวัน อาจารย์ทองพูนก็ชวนพวกเราชาวมัทราสว่าใครอยากไปเล่นที่พักของแก ก็ไม่มีใครอยากไปเพราะเพลีย แต่ข้าพเจ้ากลับตัดสินใจไปกับแก ทั้งที่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าแกพักอยู่ที่ไหน แต่พอแกพาไปถึงข้าพเจ้าจึงรู้ว่าเป็นทิกษาภูมิ สถูปของท่าน ดร.เอ็มเบดการ์ ตอนเย็นเมื่อแกชวนพวกเราไปนอนด้วยก็ไม่มีใครอยากไป มีแต่ข้าพเจ้าที่รับคำชวน ตอนนั้นความคิดที่แว๊บเข้ามาในใจ คือ “เราน่าจะไปนอนใกล้ ๆ กับท่าน ดร.เอ็มเบดการ์ เพราะนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดซึ่งจะหาไม่ได้ง่าย ๆ” ข้าพเจ้าจึงเดินทางมานอนพักคืนนั้น (21 ธ.ค.) ที่สำนักงานสมาคมชาวพุทธเมืองนาคปูร์ ตั้งอยู่ภายในบริเวณสถูปทิกษาภูมินั่นเอง
ก่อนจะนอนข้าพเจ้าเจอหนังสือจุลสารของนักศึกษาไทยแห่งมหาวิทยาลัยมคธ ภายในเล่มมีบทความเกี่ยวกับท่านดร.เอ็มเบดการ์ เมื่อข้าพเจ้าอ่านดู สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าประหลาดใจมาก คือ วันที่ท่านเสียชีวิต คือ วันที่ 6 ซึ่งมันไปเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าฝันก่อนที่จะเดินทางมานาคปูร์ คือ จะมีผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเลข 6 ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากภัยพิบัติของชีวิต ข้าพเจ้าจึงคิดว่าผู้ใหญ่หรือเทพเจ้าที่ว่านี้ก็คือท่าน ดร.เอ็มเบดการ์ ผู้เป็นพระมหาโพธิสัตว์ของชาวพุทธในอินเดีย ข้าพเจ้าจึงกราบท่านและอธิษฐานขอให้ท่านช่วยเหลือให้พ้นจากเคราะห์ร้ายที่กำลังเผชิญ เมื่อข้าพเจ้านอนหลับก็ฝันว่าได้เห็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันมารับใช้ เห็นตัวเองเดินนำหน้าฝูงชนก่อนที่จะแยกเดินไปอีกทาง และปรากฏชื่อบุคคลหนึ่งขึ้นในใจของข้าพเจ้าตอนนั้น คือ อาจารย์ ดร.วีรชาติ นิ่มอนงค์ และข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้นพอดีประมาณตีห้า จึงออกมาข้างนอกเดินเวียนประทักษิณรอบสถูป 6 รอบ ในระหว่างที่เดินก็ท่องพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ ครบ 6 รอบ เจ้าหน้าที่ก็เปิดสถูปพอดี ข้าพเจ้าจึงเข้าไปข้างในสวดมนต์เล็กน้อยแล้วก็เดินประทักษิณรอบอัฏฐิของท่าน ดร.เอ็มเบ็ดการ์ จากนั้นก็อธิษฐานว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก และหากข้าพเจ้าได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่อินเดีย ข้าพเจ้าจะเดินทางมาร่วมงานที่ชาวพุทธจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงท่าน ดร.เอ็มเบดการ์ที่ทิกษาภูมิเมื่อเรียนจบปริญญาเอก
ชาวพุทธ ควรศึกษาและให้ความเคารพต่อท่าน อัมเบดการ์
ชีวิตและผลงานของท่าน ดร.อัมเบดการ์ เป็นแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้อุทิศตนทำงานเพื่อพุทธศาสนา โดยเราไม่ต้องไปสนใจหรอกครับว่าท่านเป็นคนอินเดีย ขอให้เราสนใจเพียงว่า ท่านเป็นผู้นำชาวพุทธ ที่ทำงานเพื่อพุทธศาสนาอย่างจริงจัง และคำว่าชาวพุทธก็ไม่มีเชื้อชาติ ชาวพุทธยุคใหม่เป็นหนี้บุญคุณของท่านดร. อัมเบดการ์มาก เพราะฉนั้นผมจึงเห็นด้วยกับคุณ wpw_blog