ได้เห็นตัวอย่างเรื่องเล่าที่เร้าพลัง .... . หลายครั้งผมรู้สึกว่าเวลาแชร์เรื่องเล่า สิ่งที่เราได้ ไม่ใช่แค่ Tacit Knowledge เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญ (กว่า)ในการถอดความรู้ และเรื่องเล่าเร้าพลังก็คือ การทำให้คนเล่าเรื่องและคนที่ถอดความรู้ได้ถอดตัวเอง ซึ่งจะได้แรงบันดาลใจ (Inspiration) หรือทำให้ได้แรงฮึด (Passion) จนสามารถสร้างการพัฒนาหรือว่าทำให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
อ.ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด จากสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.) จาก http://gotoknow.org/blog/beyondkm/369555
......................................................................................................
วันที่ 30 มิ.ย.นี้โครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะจัดเวทีสัมมนาประกอบการที่เคยเข้าร่วมโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ และ สถานประกอบการที่มีความสนใจจะเข้าร่วมโครงการในปีที่ 2 งานนี้ทราบมาว่ามีสถานประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการในปีที่ 2 เกินกว่าร้อยแห่งและแต่ละสถานประกอบการได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมเวทีที่จะถึงนี้ด้วย ในวันนั้น คุณโน้ต บริษัท N(นามสมมุติ)จะได้เล่าประสบการณ์จากเรื่องเล่าเร้าพลังนำการเปลี่ยนแปลงที่ได้จากการถอดบทเรียนเป็นองค์ความรู้โดยหลักการAI(สุนทรียสาธก)ด้วยแบบแผนภูมิต้นไม้
“ท้อได้แต่ไม่ถอยเพราะสิ่งที่เราทำไปนี้เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม”เรื่องเล่าจากกรณีศึกษาของบริษัท N(นามสมมุติ) ซึ่งเล่าโดยคุณโน้ต เป็นเรื่องเล่าเร้าพลังนำการเปลี่ยนแปลงที่ได้จากการถอดบทเรียนเป็นองค์ความรู้โดยหลักการAI(สุนทรียสาธก)ด้วยแบบแผนภูมิต้นไม้ จากการสัมมนาครั้งที่ผ่านมาจะเป็นเรื่องหนึ่งที่นำเสนอด้วยครับ
“โครงการจะความสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กรครับ องค์กรเราผู้บริหารมีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ มีการประกาศเจตนารมณ์เป็นนโยบายอย่างชัดเจนว่าบริษัทเราจะเป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่ เป้าหมายของเราคือเราจะทำอย่างต่อเนื่อง บริษัท N เราพนักงานที่สูบบุหรี่ต้องเป็น 0% ภายใน 2 ปี”
..สิ่งที่เราได้ร่วมดำเนินงานโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ของบริษัทเรานี้ เรานึกถึงว่าสิ่งที่เราทำไปนี้เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ทำอย่างไรเราจึงจะต่อยอด กับผู้คนในสังคม เราอยากให้สังคมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเราด้วย
ต้องการกวนประสาทเริ่มจากถูกลองของ; ความเป็นมาของโครงการ(ราก/เมล็ดพันธ์)
ที่บริษัท N เราสนใจทำกิจกรรมพัฒนาสถานประกอบการเราให้เป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่มาก่อนจะเข้าร่วมโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ของสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิดจะเริ่มแค่มุมเล็กๆกับกลุ่มเล็กๆก่อน แต่แล้วเราก็ล้มเหลวครับ เมื่อเราไม่ได้รับความร่วมมือจากพนักงานเลย ข้อมูลของเราที่ได้ไม่เป็นข้อมูลที่จริง คนที่สูบบุหรี่บอกไม่สูบบุหรี่ ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่บอกตัวเองว่าสูบ เพียงเพราะต้องการกวนประสาททีมงานของเรา
ทั้งๆที่เราต่างก็ตระหนักถึงปัญหาผลกระทบจากการสูบบุหรี่ต่อพนักงานและต่อองค์กรเรา โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพของพนักงาน เราพบว่าพนักงานเรามีคนสูบบุหรี่จำนวนมากและมีคนป่วยมาก มีการลาป่วยบ่อย เราจะสังเกตเห็นพฤติกรรมเวลาทำงานพบว่าพนักงานใช้เวลาเลี่ยงออกมาสูบบุหรี่อยู่บ่อยครั้ง ในพื้นที่สูบบุหรี่ที่เราจัดให้ แต่แล้วพนักงานเรากลับเห็นเราเป็นตัวตลกครับ เรามีความพยายาม มีความทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าเลยครับ
ความสำคัญอยู่ที่การจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงให้เป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่(ปรับสภาพดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต):
บริษัทเราประกอบกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ของเรา 70 % ส่งออกไปต่างประเทศ
บริษัทเรามีการดำเนินการโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ของเราเองมาก่อนตั้งแต่กลางปี 2552 ก่อนที่จะได้ร่วมงานโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ที่ดำเนินงานโดยสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม” ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) แม้เราจะดำเนินงานมาก่อนก็จริง แต่เราก็ไม่รู้ถึงวิธีการที่มีประสิทธิผลที่จะทำให้เป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่ นั้นทำกันอย่างไร
ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนพนักงานและเริ่มจากสร้างศรัทธาในตัวทีมงานเรา(เพาะกล้าจากเมล็ดพันธ์ดี)
จากกิจกรรมการเข้าค่ายฝึกอบรมที่ศูนย์รวมตะวัน ทำให้ทราบว่าทั้งทีมงานเราและพนักงานเราต่างคนไม่รู้เหมือนกัน เราไม่รู้อย่างชัดเจนว่าต้องทำอะไร จึงทำให้พนักงานเรา ละ ลด เลิกสูบบุหรี่ได้ เมื่อไม่เน้นว่าต้องทำอะไร ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเราเลยไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำไป จะส่งผลให้พนักงานเขาได้ทำสิ่งที่มีประสิทธิผลหรือเปล่า ความรู้ทักษะที่เราได้จากการฝึกอบรม ทำให้เราเกิดความมั่นใจว่าจะต้องทำได้ เราเชื่อมั่นว่าความรู้ทักษะที่ได้จากการฝึกอบรมนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานประกอบการเราได้อย่างแน่นอน การอบรมที่ศูนย์ดวงตะวันทำให้เราเข้าใจเพื่อนพนักงานเราว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ให้ความร่วมมือกับเรา ด้วยเขายังไม่เชื่อมั่นในทีมงานเรา พวกเขาพยายามมาทั้งชีวิตยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วเราจะมีวิธีไปช่วยเขาให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเราได้อย่างไร
หลังการอบรมแล้วคณะกรรมการกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้พนักงานเราได้ข้อมูล ความเป็นจริงที่ถูกต้อง จึงได้คิดค้นการจัดกิจกรรมเข้าไปให้ความรู้ต่างๆกับพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นจัดบอร์ดประชาสัมพันธ์ ประกวดคำขวัญ การจุดประกายโดยการให้การศึกษา ฝึกอบรมให้ความรู้เป็นแนวทางการดำเนินงาน
กระบวนการจัดสภาพแวดล้อม กิจกรรมและวิธีการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ(ลำต้น)
การดำเนินงานที่บริษัท N เราได้มีการจัดกิจกรรมสำคัญเพื่อมุ่งเน้นให้เป็นสถานประกอบการที่มีการควบคุมการสูบบุหรี่ และมุ่งให้เป็นสถานประกอบการที่มีการวางแผนงาน มีการดำเนินงานเพื่อสร้างภาวะปลอดบุหรี่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตามความพร้อมและตามบริบททางวัฒนธรรมของเรา ตามแนวทางที่เราได้คิดค้นของเราเอง ผสมกับแนวทางของโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ตามที่คณะทำงานของเรา ได้เรียนรู้จากการเข้าอบรมหลักสูตร “การพัฒนาสถานประกอบปลอดบุหรี่อย่างเป็นระบบ” ที่สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมจัดขึ้น เราได้เริ่มโครงการเมื่อกลางปี 2552 โดยถือเอาวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เป็นวันเริ่มโครงการ ซึ่งมีกิจกรรมทั้งการจัดสภาพแวดล้อมของบริษัท N เราให้เอื้อต่อการเป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ตามแผนงานและกิจกรรมที่สำคัญ ดังนี้
- กำหนดแนวทางทำงานของบริษัทซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหาร
- แนวทางการลดพื้นที่สูบบุหรี่ลง
- ข้อเสนอแนะของพนักงานต่อเป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่
จากกล่องแสดงความคิดเห็นพบว่าทุกคนเห็นพร้องต้องกันสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ด้วยอยากเห็นเพื่อนเลิกสูบบุหรี่ ทำให้รู้สึกดี มีกำลังใจ
5. ประชาสัมพันธ์ รณรงค์โทษของบุหรี่
-แผ่นพับ ใบปลิว เอกสารแจก จัดบอร์ด ประชาสัมพันธ์
-ให้ความรู้ผ่านเสียงตามสาย (HR CONER) ช่วงพักกลางวัน
-จัดงานสัปดาห์สุขภาพดี ประกวดพนักงานสุขภาพดี
-จัดทำวารสารประชาสัมพันธ์โครงการ
-จัดทำข่าวสารคดี เป็นสกรุ๊ปพิเศษเนื่องในวันงดสูบบุหรี่ ออกอากาศทางทีวีท้องถิ่น 4 วันต่อเนื่องกัน
6. จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษา มีเบอร์โทรศัพท์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
7. จัดแบ่งพื้นที่สูบบุหรี่ 5 แห่งในระยะแรก ประชาสัมพันธ์และยุบพื้นที่สูบ ปัจจุบันเหลือ 4 แห่งเมื่อ 5 ธันวาคม 2552 และจะเหลือ 3 แห่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553
8. บริษัทได้ออกนโยบายการรับพนักงานใหม่ที่ไม่สูบบุหรี่ มีการคัดกรองพนักงานตั้งแต่มาสมัครงาน
9. การต่อยอดกิจกรรมการพัฒนาสุขภาพพนักงานโดยเชิญโรงพยาบาลมาให้คำแนะนำ มีพยาบาลเข้ามาดูแลสุขภาพของพนักงาน ให้คำปรึกษา ให้ข้อมูล ทำให้มีความมั่นใจยิ่งขึ้น
ความสำเร็จของโครงการ(ดอก ผล)
สิ่งที่จะฝากทิ้งท้ายไว้ให้กลายเป็นตำนาน(ใบที่ร่วงหล่น)
“โครงการจะความสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กรครับ องค์กรเราผู้บริหารมีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ มีการประกาศเจตนารมณ์เป็นนโยบายอย่างชัดเจนว่าบริษัทเราจะเป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่ เป้าหมายของเราคือเราจะทำอย่างต่อเนื่องพนักงานของบริษัท N เราที่สูบบุหรี่ต้องเป็น 0% ภายใน 2 ปี”
“การทำโครงการนี้เหนื่อยแต่มีความสุขเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของพนักงานผู้เลิกสูบบุหรี่ได้โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่มานานตั้งใจจะเลิกแต่เลิกไม่ได้ เมื่อมีโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่นี้ทำให้เขาเลิกได้”
สุดท้ายความมุ่งมั่นของเราคือเรื่องสุขภาพของพนักงานเราเองครับ เราจะทำโครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่นี้ต่อ และเราจะใช้ประสบการณ์จากโครงการฯนี้ไปต่อยอดขยายผลกับโครงการส่งเสริมสุขภาพพนักงานในมิติอื่นๆด้วยครับ เช่นความดัน เบาหวานโรคเอดส์หรือวัณโรค”
นี่คือคำพูดที่คุณโน้ต กล่าวทิ้งท้ายให้กับพวกเราเพื่อจะฝากไว้เป็นตำนานครับ
ปล.สิ่งที่ผมสนใจตั้งแต่ต้นต่อโครงการนี้ คือ ทำไมงานอาสาสมัครในสถานประกอบการของพวกเขาซึ่งเป็นงานอาสาสมัครทำงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ที่แสนจะโคตรหินเช่นนี้ และได้รับเงินสนับสนุนจากสสส.เพียงน้อยนิด ทำไมพวกเขาจึงทำได้และทำไมงานพวกเขาถึงWork สุดๆด้วย จากการถอดบทเรียนแบบAIและเรื่องเล่าเร้าพลังนำการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผมมีคำตอบและผมหวังว่าทั้งตัวเขาผู้เข้าร่วมWorkshopซึ่งเป็นอาสาสมัครในสถานประกอบการ จนท.โครงการและสสส.ซึ่งเป็นแหล่งทุน น่าจะได้รับคำตอบด้วยเช่นกัน
ได้เห็นตัวอย่างเรื่องเล่าที่เร้าพลัง .... . หลายครั้งผมรู้สึกว่าเวลาแชร์เรื่องเล่า สิ่งที่เราได้ ไม่ใช่แค่ Tacit Knowledge เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญ (กว่า) ก็คือ ได้แรงบันดาลใจ (Inspiration) หรือทำให้ได้แรงฮึด (Passion) จนสามารถสร้างการพัฒนาหรือว่าทำให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
อ.ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด จากสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.) จาก http://gotoknow.org/blog/beyondkm/369555
ผมเห็นด้วยกับอ.ดร.ประพนธ์นะครับจุดเน้นการถอดบทเรียนสิ่งที่เราได้ ไม่ใช่แค่ Tacit Knowledge เท่านั้นแต่สิ่งที่สำคัญ (กว่า) ก็คือทำให้คนที่ถอดตัวเองจะ ได้แรงบันดาลใจ (Inspiration) หรือทำให้ได้แรงฮึด (Passion) จนสามารถสร้างการพัฒนาหรือว่าทำให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
แรงบันดาลใจและแรงฮึด จะขับเคลื่อนกระบวนการและรังสรรค์งานดีๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และมีความสุข ...
มาทายทักท่านเทพฯ ด้วยระลึกถึง ขอบคุณบันทึกดีๆ นี้ค่ะ
แต่สิ่งที่สำคัญ (กว่า)ในการถอดความรู้ ก็คือ การทำให้คนที่ถอดความรู้ได้ถอดตัวเอง ซึ่งจะ ได้แรงบันดาลใจ (Inspiration) หรือทำให้ได้แรงฮึด (Passion) จนสามารถสร้างการพัฒนาหรือว่าทำให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาแตกแยกในสังคมบ้านเรา ซึ่งจะต้องเริ่มที่ตัวเรา ไม่ใช่เสนอให้คนอื่นทำอะไร ทำอย่างนั้นจะดี ทำอย่างนี้สิดี หากแต่ตัวเองกลับไม่ได้ทำอะไรเลย
ยังติดตามอ่าน เเละให้กำลังใจพี่สุเทพเสมอครับ..
ฟักฟื้น เเล้วรวบรวมพลัง สู้ใหม่นะครับ
ความศรัทธาเเละความดี ผมว่าไปข้างหน้าได้อย่างทะลุทลวงครับ