เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้ายังไม่เลิกอ่านไปเสียก่อนละก็ ต้องมีสักวันที่อดไม่ได้ ต้องเขียนแสดงความเห็นค่ะ มีหลายๆคนที่ต้องใช้เวลา"บ่ม"นานค่ะ บวกกับธรรมชาติที่คุณ nidnoi ว่าแล้ว ก็ยิ่งทำให้นาน....มากขึ้น แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าไม่ทิ้งกันไปเสียก่อนละก็ ได้พบแน่นอนค่ะ GotoKnow เพิ่งจะขวบเดียวเอง แถมยังถูกเลี้ยงแบบลุยๆอีกต่างหาก ล้มลุกคลุกคลานมาก็หลายตลบ มีแฟนๆติดตามมากขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้วนะคะ
คนที่น่าจะไม่เขียนแน่ๆ คือคนที่ไม่เคยอ่านเลยเท่านั้นแหละค่ะ
เดิมก็ไม่ค่อยชอบเขียนเหมือนกันค่ะ เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรหรือเขียนอย่างไรให้คนอ่านเข้าใจตรงกัน แต่พอเริ่มเขียนแล้วชักสนุก ทำให้ได้รู้ว่าวิธีการถ่ายทอดของเราสามารถทำให้คนอื่นเข้าใจได้ตรงกันหรือไม่ ยากเหมือนกันนะคะ แต่พอเริ่มแล้วก็ติด คุณ nidnoi ลองบอกเพื่อนให้เริ่มเขียนที่อื่นก่อนสิคะ จะได้ไม่เสี่ยงโดนเขม่นในหน่วยงาน รับรองอีกหน่อยจะติดเป็นตังเม
คุณ nidnoi บอกเขานะคะว่า เข้ามา comment ได้โดยไม่ต้องใส่ชื่อเสียงเรียงนามคะ
แต่ถ้าเพื่อประโยชน์ของการเชื่อมโยงเครือข่ายทางสังคม ว่าใครรู้จักกับใคร ใครเป็นคนคอเดียวกัน ใครมีความสนใจเดียวกัน แล้ว อย่างนี้ต้องให้เข้ามาสมัครสมาชิก แล้วหลังจากนั้น ก็ login เข้าใช้ระบบ ก่อนทุกครั้งที่จะใช้เพื่อการ comment คะ
และหากติดใจอยากเจอเพื่อนที่เราคุยกันแบบ F2F และขยายวง หรือ เพื่อเก็บความรู้ประสบการณ์ของเราเป็นประวัติศาสตร์เพื่อชีวิต ก็ให้เข้ามาเขียนบล็อกเลยคะ :)
ผมว่าการแสดงความรู้สึกออกทางตัวหนังสือ นับว่าเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่ทุกคนจะต้องมี แต่ใครจะมีมากน้อยเท่าใดนั้น มันต่างกันนะครับ ขึ้นอยู่กับหลายอย่างประกอบกัน เช่น ความรู้ ประสบการณ์ อารมณ์ เทคนิคเฉพาะตัว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ถ้าใครฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดเป็นนิสัยก็จะทำให้คนๆนั้นกลายเป็นนักเขียนที่ดีได้ แต่ถ้าใครไม่ใช้มันเลย ก็คงจะเหมือนกระบี่ที่อยู่ในฝักนั่นแหละครับ พอชักออกมาแต่ละทีก็คงมีแต่สนิม เรื่องการเขียนแสดงความคิดเห็นต่างๆ นี้ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังให้มีตั้งแต่วัยเด็กนะครับ ทุกวันนี้แม้จะปฏิรูปการศึกษาแค่ไหน แต่ความเป็นจริงแล้วการสอนของครูส่วนใหญ่คงเป็นเหมือนเดิมแหละครับ เพราะปัญหามันมีมากเหลือเกิน ทั้งงบประมาณไม่พอ ขาดแคลนครู ขาดแคลนสื่อวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย โรงเรียนที่อยู่ตามชนบทย่อมเสียเปรียบในเมือง ครูทุกคนมีแต่อยากย้ายเข้าตัวเมืองกันหมด แล้วตามชนบทก็ต้องมีปัญหา สิ่งเหล่านี้มันค่อยๆ สะสม และบ่มเป็นวัฒนธรรมของครูไปแล้ว (ที่รู้เพราะผมก็เป็นครูคนหนึ่ง) มันเลยส่งผลไปสู่ตัวผู้เรียนทำให้เป็นคนที่ไม่อยากแสดงความคิดเห็น เพราะบางทีการแสดงความคิดเห็นแล้วมันให้โทษมากกว่าประโยชน์ แต่ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งคนเหล่านั้นจะต้องเขียนแสดงความคิดเห็นสักวันจนได้เมื่อสิ่งที่ทำนั้นจะให้ประโยชน์แก่ตัวเขาเอง...เชื่อเถอะครับ
ขอโทษนะคะที่อาจทำให้เข้าใจผิด รู้สึกข้อความกระชับไปหน่อย ที่บอกว่าเขียนที่อื่นหมายถึงเขียน comment กับคนที่ไม่ได้อยู่ที่ทำงานเดียวกันค่ะ เพราะจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกัน หรืออย่างที่ ดร.จันทวรรณ แนะนำว่าไม่ต้องใส่ชื่อเสียงเรียงนามค่ะ
หากเป็นเรื่องโบราณ ไม่ยอมสื่อ เห็นท่าว่า ความรู้นั้นจะตายไปกับตัว ก็ต้องทำใจกัน เมื่อเราได้ช่วยกันสื่อแล้วเขายังเฉย ไม่ยอมเข้ามาแลกเปลี่ยน
เห็นด้วยค่ะ บางทีก็ดูท่าทีของเจ้าของกระทู้ หรือเจ้าของ blog ก่อนตอบเหมือนกัน สำนวนภาษาการเขียน ตลอดจนการเข้าไปตอบ comment ของผู้ที่เข้ามา comment สามารถสะท้อนความคิด และอุปนิสัยของเจ้าของ blog ได้ค่ะ
ว่าควรเสี่ยงที่จะแสดงความคิดเห็นขัดแย้งหรือไม่
เกิดข้อผิดพลาดครับ ต่อนะครับ
ที่เราแสดงความเห็นไว้จะไม่สื่อสารกับเราเลย
ยืมรูปมาจากอาจารย์ขจิตนาย ขจิต ฝอยทองด้วยความขอบพระคุณครับ
ประสบการณ์ส่วนตัวบอกให้รู้ว่า การ ลปรร. เป็นการเรียนรู้ตัวเองที่ดีมากๆค่ะ ได้ย้อนนึกถึงวิธีการในการสื่อสารของตัวเองและฝึกพัฒนาตัวเองด้วยค่ะ และได้เขียนสะท้อนความคิดของตัวเองไว้ ที่บันทึกนี้ค่ะ อยากให้กำลังใจแก่เพื่อนคุณ nidnoi ค่ะ
ในสายตาของดิฉัน ถึงตอนนี้หากเขาเองยังไม่อยากที่จะเขียนหรือออกความเห็น เขาจะอ่านไปก่อน ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร การที่เขาถ่ายทอดเรื่องในบล็อกของคนอื่นกับเพื่อนๆ ก็น่าจะบอกได้ว่า เขามีจิตใจที่อยากให้ ที่ก็น่าประทับใจเหมือนกันค่ะ ถ้าเขาอยากมาเขียน...คนที่นี่คงดีใจกันหลายๆ แน่ๆค่ะ