เวลาที่แพทย์หรือพยาบาลขึ้นปฏิบัติงานมักใช้คำว่า "..ไปขึ้นเวร.." ดิฉันคิดว่าช่างเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเลย ทั้ง ๆ ที่เราไปทำบุญต่างหาก
มีคำกล่าวอยู่คำหนึ่งที่ดิฉันชอบใจมากคือ
"อาชีพหมอหรือพยาบาลก็เหมือนเป็นพระ"
เพราะว่า
"พระรักษาทุกข์ใจ แต่หมอกับพยาบาลรักษาทุกข์กาย ชีวิตคนเราก็มีอยู่ 2 ทุกข์แค่นี้แหละ ทุกข์กายกับทุกข์ใจ"
ผู้ป่วยเขาฝากชีวิตไว้ในมือหมอเมื่อเรามีโอกาสทำให้เขาหายจากทุกข์กายกับทุกข์ใจ ดูแลให้เขาหายป่วยจากโรคที่เขาต้องทุกข์ทรมาน ก็แสดงว่าเราได้มีโอกาสได้ทำบุญทุกวันแล้วอย่างนี้จะเรียกว่า "..ขึ้นเวร.." ก็ไม่ถูกต้องใช่มั๊ย
เมื่อไหร่ที่หมอ พยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างดี ด้วยความเอาใจใส่และ มีเมตตา นั่นจึงเป็นการเก็บสะสมบุญจากการทำงาน จึงเรียกได้ว่าหมอกับพยาบาลมีอาชีพทำบุญ
แต่ก็ใช่ว่านอกจากอาชีพหมอกับพยาบาลที่จะได้ทำบุญทุกวันเพียงอาชีพเดียว ทุก ๆ คน สามารถเก็บสะสมบุญได้จากเหตุการณ์ทุกอย่างที่คุณพบในชีวิตประจำวัน เราประกอบบุญได้โดยง่าย ถ้าเรารู้หลักของธรรมะ ธรรมะคือธรมชาติ สิ่งรอบตัวเรา และตัวเราคือธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะเรียนรู้ธรรมะและทำบุญให้เกิดขึ้นกับตัวเรา ลองซิ...ลองมองรอบข้างค้นหาธรรมะ ธรรมชาติให้เจอแล้วคุณจะรู้ว่าบุญน่ะอยู่ใกล้นิดเดียว
"ธรรม" มีความหมาย 4 อย่าง คือตัวธรรมชาติ, กฎของธรรมชาติ,หน้าที่มนุษย์ที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎธรรมชาติ และผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ
เมื่อ "ธรรม"มีความหมายมากมายมหาศาลอย่างนี้ ปัญหาจะเกิดขึ้นมาว่าคนเราจะรู้ธรรมหรือเห็นธรรมได้ทั้งหมดอย่างไรกัน?
(ส่วนหนึ่งจากหนังสือ "พระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่งธรรมวิจักขณกถา" วัดพุทธปัญญาแจกตอนทำบุญครบรอบเดือนเกิด 23 มิย.ทีตึก2/6 )
เห็นว่าเข้ากับเรื่องที่น้องเล็กเขียนพอดีเลยนำมาลปรร.ค่ะ