ประหยัด...จนเป็นนิสัย..


จะคิดทำอะไรต้องประหยัดไว้ก่อน จนลูกๆซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว
ได้ ลปรร. กับคุณแกบ แห่ง สคส. (ที่พี่เม่ยรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกที่ได้พบและพูดคุยกันที่บ้านผู้หว่าน...) ในประเด็นเรื่อง "ประหยัด" ใน คห.ที่พี่เม่ยไปต่อท้ายไว้นั้น ก็ดูจะเป็นการประกาศตนอย่างชัดเจนเชียวค่ะว่า พี่เม่ยเป็นนักประหยัดมัธยัสถ์คนหนึ่งเชียวแหล่ะ  ด้วยเหตุผลในใจก็คือ ดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา... "ต้องพอเพียง".....
มารู้ตัวว่า ประหยัดจนเป็นนิสัย ทำเป็นประจำ จนเป็นตัวอย่างแก่ลูกๆไปแล้ว ก็เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เองค่ะ....  
เพราะเจ้าสุนัขตัวดีที่เลี้ยงไว้ ดันมากัดรองเท้านักเรียนของน้องยิ้ม (คุณลูกสาวคนโต) เสียขาดกระจุย  พี่เม่ยก็ไม่มีเวลาที่จะพาลูกออกไปหาซื้อใหม่  พอดีวันอาทิตย์น้องยิ้มก็ต้องไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนอยู่แล้ว จึงให้เงินน้องยิ้มไปหาซื้อเองที่ห้างคาร์ฟู ใกล้ๆกับโรงเรียน
     ก็ได้ผลค่ะ ตกเย็นน้องยิ้มกลับบ้านมาพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่ พร้อมเงินทอนให้คุณแม่เรียบร้อย น้องก็รายงานผลการดำเนินงานแบบเป็นขั้นเป็นตอนเชียวค่ะ....ว่า.....
"ยิ้มไปดูตรงที่ซุ้มลดราคา ไม่มีรองเท้านักเรียนเลย..."
"นี่...ยิ้มไปหาร้านที่เค้าลด 10 % เชียวนะแม่...."
"โหย...ลองอยู่หลายคู่ ดูแล้วดูอีกกว่าจะได้คู่นี้มา"
พี่เม่ยฟังแล้วนิ่งอยู่สักครู่ใหญ่  ไอ้วิธีการที่ลูกรายงานมาเนี่ย เราทำเป็นประจำเลยนี่นา (จะว่าไปแล้วก็เป็น tacit knowledge เรื่องหนึ่งของพี่เม่ยนะ) นี่ลูกๆได้ซึมซับไปโดยไม่รู้ตัวเชียวนะ
แต่ก็ยังไม่เก่งเท่าคุณแม่ค่ะ  เพราะน้องยังเลือกซื้อรองเท้าคู่ขนาดพอดีสวมใส่มา...
ถ้าเป็นพี่เม่ยละก้อ....
ต้องเลือกให้หลวมขึ้นไปอีกเบอร์หนึ่งค่ะ...."เผื่อโต".....
หมายเลขบันทึก: 35852เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2006 21:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอชื่นชม...คะ...

ปกติก็จดๆ จ้องๆ...กว่าจะตัดสินใจซื้ออะไร...สักอย่าง

บางครั้ง...อาจผ่านไป...

และแวะเวียนมาดู...

หรือปล่อยเวลาผ่านไป...

หากความ"อยาก"ได้ยังคงมี...

ก็ค่อยทบทวนและตัดสินใจ...อีกครั้ง....

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ พี่เม่ย บ้านเราก็ได้เห็นผลของการสอนและทำเป็นตัวอย่างจากสามหนุ่มที่บ้านแล้วเหมือนกัน เราทำให้ดูแล้วเขาก็ซึมซับกันไปเอง

เขาทุกคนจะคิดรอบคอบก่อนจะซื้ออะไร เดี๋ยวนี้ยังเป็นคนคอยเตือนด้วยซ้ำถ้าเราซื้ออะไร เช่น รออีกหน่อยก็ได้แม่ ตอนนี้มันแพงอยู่อย่าเพิ่งกิน (จะซื้อลิ้นจี่), แม่ซื้อขวดเล็ก 2 ขวดที่มันกำลังลดราคาอยู่ ถูกกว่าขวดใหญ่ราคาปกตินะแม่, แม่อันนี้มันลดราคา เพราะพรุ่งนี้มันหมดอายุ เรากินไม่ทันหรอกแม่ อย่าซื้อเลย, แม่ซื้อน้ำตรงนี้แพง กลับไปกินที่บ้านดีกว่า ฯลฯ

เรามาเผยแพร่วิถีปฏิบัตินี้กันเถิดค่ะ ไม่ว่าลูกจะเล็กแค่ไหนเขารู้เรื่องแน่นอน

แล้วถ้าเจอสองสาวที่บ้าน อยู่มหาวิทยาลัยทั้งคู่ กำลังแต่งตัว

  • สารพัดตุ้มหู (เป็นหลายสิบคู่ นับไปนับมาอาจถึงร้อย ... แต่ก็ดีที่ว่าซื้อของไม่แพงค่ะ)
  • กำไล
  • รองเท้า ... จนแม่ต้องประหยัดแทนนะคะ เพราะแม่ไม่ต้องซื้อ เอาของลูกมาใส่

แต่ว่าตุ้มหู กับกำไรเอามาใช้ไม่ได้ เพราะดูแล้วไม่เข้ากัน ... จะทำยังไงดีคะ จนแต้มค่ะ

 
ถ้าเป็นพี่เม่ยละก้อ....
ต้องเลือกให้หลวมขึ้นไปอีกเบอร์หนึ่งค่ะ...."เผื่อโต".....  
ยังน้อยไปนิดนึง  ถ้าเป็นผมนะ จะให้หลวมไปอีก2-3เบอร์ แล้วเตรียมฟองน้ำไว้อัดเข้าไปก่อนลูกสวมใส่ พอลูกไม่ใช้ แม่ก็แอบเอาไปใช้ได้  เวลาไปไหนมืดๆค่ำๆ ไม่มีใครสังเกตหรอกว่า รองเท้านักเรียน .. 5 5 5
Dr.Kapoom คะ....
    วิธีการตัดสินใจซื้อของ ด้วยการให้เวลาพิสูจน์ตนเองว่า "อยากได้" จริงๆ....พี่เม่ยขอนำไปใช้บ้างนะคะ
คุณโอ๋ ค่ะ!
    วิถีปฏิบัติแบบเราๆนี้...พี่เม่ยตั้งชื่อให้ว่าเป็น "วิถีแห่งความพอเพียง" ดีไหมคะ?
คุณหมอนนท์ คะ...
    พี่เม่ยนึกภาพว่า ถ้าคุณแม่ต้องใส่กำไลกับตุ้มหูของลูกสาววัยรุ่น เพราะความเสียดาย..... น่ารักค่ะ!
และ...คุณ Handy ค่ะ
    คำแนะนำจากประสบการณ์ที่ให้มานี้...เลื่อมใสค่ะ เลื่อมใส...
  • พี่เม่ยครับ
  • หาบันทึกพี่ไม่พบ
  • ต้อง search หาเลย ครั้งหน้าคงต้องให้น้องหารองเท้าหลวมๆนะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท