การขับรถ ในแต่ละวันๆ บางครั้งก็ทำไปเหมือนเป็นอัตโนมัติ แต่บางครั้งก็ต้องคอยดึงสติว่าอย่าอัตโนมัติมาก เช่นขับรถตามกันไปช้าๆ บางทีก็ดูว่าง่ายดี ใจจะคอยไปคิดเรื่องอื่นแทน ไม่ได้มองซ้ายมองขวา มากเท่ากับเวลาที่ขับรถถนนโล่งๆ ที่ต้องคอยระวังว่าจะมีรถหรือคนพรวดพลาดออกมาจากซอยซ้าย ซอยขวา หรือมีคนวิ่งข้ามถนนตัดหน้าหรือไม่
วันนี้ถนนโล่งๆ ก็ต้องตั้งสติ ซึ่งก็มีจริงๆคือมีคนขับพรวดออกจากซอยปาดหน้าซะอย่างงั้น กดแตรเตือนเพราะกลัวเขามาชน แต่ดูเหมือนจะได้รับค้อนวงใหญ่กลับมา ก็คิดว่าไม่เป็นไร เรื่องจบตรงที่เราต่างก็ไม่ชนกัน
มาถึงใกล้ที่จอดรถซึ่งต้องผ่านซอยแคบหน้าโรงรถของคณะ ก็มีคนขับรถจอดรถขวางทางเข้าออกและหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้จะถามใครก็เลยกดแตรเรียก พอปรากฏตัวก็ อ้าว เป็นคนรถของคณะนั่นแหละ เลยยิ้มให้ เขาไม่ยิ้มรับกลับหน้าบึ้งตึงใส่ ก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะว่าเรื่องจบที่ขับรถเข้าซอยได้
มานั่งคิดทบทวนว่า ถ้าเราเอาใจไปคิดตามกิริยาของคน ก็คงเป็นทุกข์ว่าเขาจะไม่พอใจไหม เขาคิดอะไร แต่ถ้าเราไม่ต้องไปคิดต่อ มองสิ่งที่เกิดเป็นเหตุที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ต้องไปต่อความยาวสาวความยืด สิ่งที่ทำก็เป็นอดีต เกิดขึ้นและจบไป นึกในแง่ดีเอามาสอนตัวเองว่า เหตุปัจจัยต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นเพื่อให้เราเรียนรู้การครองสติ ก็รู้สึกว่าใจเบิกบานขึ้น เรียกว่าคิดให้ดีมีแต่ได้จริงๆ
ไม่มีความเห็น