มองดูผู้คนมากมายบนริมถนน รวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง กลุ่มหนึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารบนรถเข็น อีกกลุ่มเป็นพวกที่มาจับจ่ายซื้อหาอาหารเพื่อนำไปบริโภคในยามค่ำคืน แต่ก็มีบางกลุ่มอยู่บนท้องถนนขับรถไปมาให้สับสนดูแล้ววุ่นวายชอบกลสำหรับชีวิตคนเดินถนนคนหนึ่ง
ด้วยความสับสนของชีวิตคนในสังคมที่มีเรื่องมากมายก่ายกองเราไม่มีวันที่จะเข้าถึงจิตใจคนใดได้เลย ยิ่งค้น ยิ่งหา ยิ่งลึก แต่กลับพบว่า แทบไม่เจออะไรเลยในความลึกของจิตใจคน สำหรับที่หลบเพื่อพักใจในการตั้งสติที่ดีที่สุด คือ “บ้าน” รู้สึกอบอุ่น สงบ ปลอดภัย ไม่มีใครมารุกราน รบกวน เป็นโลกส่วนตัวที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตซึ่งหาที่อื่นใดเปรียบได้อยาก ด้วยความเหนื่อยอ่อนจนแทบล้า มีเพียงมือที่คว้าไปจับเส้นผม มีบางเส้นที่หลุดติดมือมา แต่ใช่ว่าจะตกใจไม่ กลับมองเส้นผมเส้นนั้นด้วยสติที่พิจารณา ด้วยจำนวนเส้นผมที่มากมายบนศีรษะ และเส้นผมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่มีชีวิต แต่เรากลับมองว่ามันไร้ซึ่งชีวิต “เส้นผม” หากจะเปรียบก็คงเหมือน “กาฝาก” กาฝากกับเส้นผมเหมือนกันอย่างไร?
ก็เพราะกาฝากอาศัยการเกาะกินสารอาหารจากต้นไม้ โดยที่มันต้องพึ่งพาอาศัยต้นไม้ต้นนั้น หากต้นไม้ล้มตายก็หมายถึงชีวิตของมันจะค่อย ๆ ดับสลายเช่นกัน กาฝากแทบไม่ต้องดิ้นรนอะไรเลยกับการต้องเจาะรากเพื่อชอนไชหาแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ แต่ต้นไม้กลับพยายามอย่างหนักในการดิ้นรนหาอาหารเพื่อให้ชีวิตของมันอยู่รอด ดูเหมือนกาฝากจะเป็นไม้ที่ไร้ซึ่งคุณค่าสำหรับผู้คนในสังคมบางกลุ่ม เพราะชีวิตมันมีแต่จะเกาะกินต้นไม้นั้นไปตลอดชีวิต แต่ในทางกลับกันตนกลับมองเห็นคุณค่าของกาฝาก ในขณะที่แหงนมองขึ้นไปบนกิ่งไม้ กลับพบว่า มีของสองสิ่งที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน หนึ่งนั้นคือต้นไม้ อย่างที่สองรองมาคือกาฝาก
ต้นไม้ที่มีกาฝาก ผู้คนมักจะเห็นคุณค่าของไม้ต้นนั้นในทางบวกเสมอ เพราะมันรู้จักการให้ รู้จักการแบ่งบันอาหารให้เพื่อนผู้ที่หิวโหย รู้จักเป็นที่พึ่งของผู้ที่อ่อนแอ ซึ่งอาจจะเกาะกินมันไปตลอดชีวิต แต่มันก็หาใช่เดือดร้อนกับการอุทิศสารอาหารเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่ ยามที่ต้นไม้เขียวชอุ่มแน่นอนที่สุดสิ่งที่เกาะยึดติดกับมันย่อมเขียวสดงดงามไปด้วย มันยังคงทำหน้าที่ของผู้ให้ได้เป็นอย่างดี โดยไม่คิดแม้แต่จะทวงถามถึงบุญคุณ
“กาฝาก” หากเห็นกาฝากที่ไหนหลายคนคงคิดแตกต่างกันไป บ้างก็มองไปในเชิงลบ บ้างก็มองไปในเชิงบวก แต่คนส่วนใหญ่เน้นไปในเชิงลบทั้งสิ้น ตนเองกลับมาว่า หากต้นไม้ต้นใดไร้ซึ่งกาฝากเกาะ ต้นไม้ต้นนั้นก็ไร้ซึ่งศิลปะของความงดงาม ศิลปะของความเอื้ออาทร และที่สำคัญคือกาฝากเป็นที่มาของศิลปะทางด้านความคิดที่หลากหลายของมนุษย์ กาฝากทำให้ต้นไม้มีคุณค่าจากการมองของผู้คนในสังคม ในขณะที่ตัวมันกลับถูกผู้คนในสังคมรังเกียจ กาฝากเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถตกแต่งปกปิดความเสื่อมของต้นไม้บางต้น ให้เหลือไว้แต่ความสมบูรณ์งดงาม หากแค่ได้มองดูต้นไม้ที่ใบล่วงโรยจนหมดต้น คนที่มองคงคิดได้แง่เดียวคือเป็นแค่ต้นไม้ที่ตายซากต้นหนึ่งไร้ซึ่งชีวิตชีวา แต่เมื่อใดที่เหลือบไปมองเห็นกาฝากเขียวชอุ่มอยู่ จึงตีความได้หลากหลาย เช่น ต้นไม้อยู่ในช่วงของการผลัดใบ เพื่อเตรียมที่จะผลิดอกออกผล เป็นที่มาศิลปะของภาพถ่าย ภาพวาดที่สวยงาม ทำให้คนมองเข้าไปถึงแก่นของการให้ การพึ่งพาอาศัยกัน แน่นอนที่สุดกาฝากและต้นไม้ต้นนั้นไม่มีวันตายไปจากใจผู้พบเห็น
“เส้นผม” ก็ทำนองเดียวกันกับกาฝาก เส้นผมเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งใบหน้า บุคลิกภาพ คนมองหลากหลายซึ่งอารมณ์ ผมยาว ผมสั้น ผมเหยียดตรง ผมหยิก เป็นที่มาของศิลปะทางด้านความคิดที่หลากหลายอารมณ์ วัฏจักรของเส้นผมคงหนีไม่พ้นวัฎจักรของกาฝากบนหนังศีรษะมนุษย์ เส้นผมช่วยปกปิดความเสียหายของหนังศีรษะ บาดแผล ลอยถลอก หากมองคนหัวล้านกับคนที่มีผมดกดำนุ่มสลวยความคิดของคนมองคงแตกต่างกันออกไป หากเข้าใจชีวิตของเส้นผมก็จะเข้าใจชีวิตของกาฝาก ในทางกลับกันหากเข้าใจชีวิตของกาฝากก็จะเข้าใจชีวิตของเส้นผม ทั้งเส้นผมและกาฝากก็เป็นส่วนหนึ่งที่งดงามสำหรับสิ่ง ๆ หนึ่ง และเป็นที่มาของศิลปะต่าง ๆ บนโลกใบนี้เช่นเดียวกัน