ความทรงจำ......ในวันสงกรานต์


          ช่วงหยุดสงกรานต์ฉันได้กลับบ้านที่ อ.แม่แตง  คุณแม่ดูท่านจะตื่นเต้นกว่าคนอื่นเพราะฉันไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว จันทร์-ศุกร์ก็ต้องสอน summer ที่โรงเรียน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ก็ต้องเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ฉันกับคุณแม่สนิทสนมกันมาก เรียกได้ว่าฉันถอดแบบคุณแม่มาเกือบ 100%  ฉันกลับบ้านตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จ วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน ตอนบ่ายของวันนี้คุณพ่อของฉันโทรมาถามเรื่อยๆว่าจะกลับเมื่อไหร่ ดูท่านจะดีใจมากที่ฉันจะกลับ

           วันจันทร์ที่ 12 เมษายน ฉัน คุณแม่ และแฟนของฉัน เราไปที่ว่าการอำเภอแม่แตง เพื่อไปจดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นจึงค่อยไปเปลี่ยนชื่อในสมุดเงินฝากที่ธนาคารต่อไป

           ณ ที่ว่าการอำเภอแม่แตง วันนั้นเป็นวันที่ยุ่งยากมาก เริ่มตั้งแต่นั่งรอคิวที่แสนจะนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคุณแม่ฉันยังหยิบทะเบียนบ้านมาผิดเล่ม ฉันจึงต้องย้อนรถกลับไปเอาที่บ้านซึ่งห่างจากอำเภอประมาณ 16 กิโลเมตร พอกลับมาถึงอำเภอปรากฏว่าคิวที่รอยังไปไม่ถึงไหนเลย เพราะคิวก่อนหน้าฉัน เป็นคู่สามีภรรยาที่มาจดทะเบียนหย่ากัน ฉันถามเจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่าระบบคอมพิวเตอร์ทำให้งานยุ่งยาก มีเอกสารมากมาย เครื่องเป็นไวรัส เครื่องปรินส์เตอร์ก็ขัดข้อง ฉันมาตั้งแต่ 8 โมงกว่า จดทะเบียนสมรสเสร็จก็ประมาณ 11.40 น. แต่ปัญหายุ่งๆก็มาอีก เพราะเจ้าหน้าที่ปรินส์เอกสารไม่ได้หมึกจะหมด ต้องรออีก พอจะได้ถ่ายบัตรประชาชนก็ต้องถึงเวลาพักเที่ยง ฉันเองก็ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้างาน 13.30 น. พอได้เวลาเข้าไปถ่ายรูป เขาให้ฉันประทับลายพิมพ์นิ้วมือ เรื่องยุ่งก็เกิดขึ้นอีก คือ ลายนิ้วมือไม่ตรงกัน เพราะตอนฉันถ่ายบัตรคราวที่แล้วพิมพ์นิ้วหัวแม่มือซ้ายก่อน แล้วค่อยมาข้างขวา แต่คอมพิวเตอร์บังคับให้พิมพ์ขวาก่อนจึงจะถ่ายรูปได้ ทำให้ฉันต้องรอปลัดอำเภอมายืนยัน แต่ปลัดกลับออกไปว่าราชการ เอาหละ..ฉันจะทำยังไงดี และอีกสักครู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเรียกฉันเข้าไปหาแล้วปรินส์รูปฉันมาและมองหน้าฉัน เข้าจ้องมองหน้าฉันจนฉันอาย เขาบอกว่าอย่างไรรู้ไหมคะ เขาบอกว่าเขาจะเซ็นให้ผ่านเพราะตำแหน่งไฝที่คางฉันอยู่ที่เดิม ไฝไม่เคลื่อนย้าย  ฉันรู้สึกขอบคุณไฝ เป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่ถ่ายวันนี้ต้องรอทำเรื่องอีก 60 วัน  บุญของไฝค้ำจุนจริงๆ

           หลังจากเสร็จเรื่องไฝๆ แล้ว ฉันก็ไปดำหัวท่านพระครู รองเจ้าคณะอำเภอวัดหนองหล่ม และก็กลับบ้าน

           วันอังคารที่ 13 เมษายน ฉันได้ไปดูเขาลงอ่างจับปลากันในหมู่บ้าน ได้ปลาไน น้ำหนัก 11 กิโลกรัม มีไข่เต็มท้อง เฉพาะไข่คงหนักประมาณ 3 กิโลกรัม และปลายี่สกหนักตัวละ 7 กิโลกรัม ส่วนปลาชะโดหนักสุด ตัวละ 5 กิโลกรัม เสียดายไม่ได้เอาภาพมาด้วย เพราะกล้องที่ถ่ายไว้อยู่ที่บ้าน ฉันยืนดูเขาจับปลาจนถึงเวลาเที่ยง จากนั้นจึงกลับบ้านไปเพิ่มพลังด้วยไข่ต้ม 2 ใบกับน้ำพริกตาแดง และก็นอนเขียนงานแบบฝึกหัดวิชาการพัฒนาหลักสูตร (ปวค.) และเวลาผ่านไปชั่วคราวไข่ต้มที่ทานไปนั้นทำให้ฉันเคลิ้มและ(ม่อย)หลับไปคาแบบฝึกหัด  ตื่นอีกที4 โมงเย็นแล้ว...

            วันพุธที่ 14 เมษายน (วันเนาว์ หรือ วันเน่า) เป็นวันที่ชาวล้านนาถือว่าเป็นวันที่มิควรพูดจาหยาบคาย หรือด่าทอทะเลาะวิวาทกัน จะทำให้ไม่เป็นสิริมงคลในชีวิตของการเริ่มปีใหม่  วันนี้ฉันก็อยู่บ้านเคลียร์งานแบบฝึกหัดของ ปวค. เพราะรู้สึกว่าแบบฝึกหัดเยอะมากๆๆ จนฉันคิดว่าทางมหาวิทยาลัยคิดถูกแล้วที่ทำหนังสือประกอบการเรียนมาเพียง 2 วิชา ถ้าทำมาครบทั้ง 4 วิชา คงจะทำให้นักศึกษาหายกันไปครึ่งห้อง เผลอๆจะเหลือไม่ถึงสิบคน  ฉันทำแบบฝึกหัดจนเย็นเหมือนเช่นเคย  บางครั้งก็พักสายตายด้วยการเล่นเกมส์เลี้ยงไก่ (Farmfrenzy) เป็นเกมส์ที่สร้างสรรค์ ฝึกให้เรารู้จักจัดการบริหาร วางแผนในการทำงาน อย่างเป็นระบบ  พอถึงเวลา 5 โมงเย็น อากาศเริ่มที่จะคลายความอบอ้าวไปบ้าง  ฉันและน้องสาวรวมถึงครอบครัวก็พากันไปที่วัด ขนทรายที่กองอยู่หน้าวัดมีชาวบ้าน วัยรุ่นหนุ่มสาว เด็กเล็กๆ จนถึงวัยชราภาพ  ช่วยกันขนทรายเข้าวัด ฉันขนทรายได้ 9 ถัง ก็คิดว่าเป็นเลขมงคลแล้วและก็เยอะพอควร หิ้วไปมากเดี๋ยวคนมาทีหลังจะไม่ได้บุญ  เสร็จจากขนทรายจึงเดินทางกลับบ้านมาทำอาหาร เมนูเด็ดเย็นนี้คือ “คั่วโฮะ” (การนำห่อหมกหรือห่อนึ่งมาแกะใส่จาน และนำผักตำลึง ผักชะอม ถั่วฝักยาว ตะไคร้ พริก หอม ฯลฯ มาใส่หม้อกะทะหยอดน้ำมันนิดหน่อย จากนั้นก็นำไปคั่วรวมกันพอผักสุกพอควรก็เป็นอันเสร็จพิธี) นับว่าเป็นอาหารจานโปรดของครอบครัวฉันเลยหละ

            วันพฤหัสบดี ที่ 15 เมษายน (วันพญาวัน) เป็นวันเถลิงศกเริ่มต้นจุลศักราชใหม่ วันนี้เป็นวันที่มีการทำบุญทางศาสนา  ฉันก็ตื่นนอนแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นกับการที่จะได้ไปทำบุญที่วัด เพราะปกติมีโอกาสได้ไปทำบุญน้อยมากมัวแต่ไปทำงาน จึงไม่มีโอกาสดีๆเช่นนี้บ่อยนัก  7 โมงเช้า ก็เดินทางไปวัดกันทั้งครอบครัว สิ่งแรกที่เห็นบุคคลส่วนใหญ่จะทำกันในวันนี้คือ “ตานขันข้าว” เป็นการทำบุญให้กับบิดามารดา หรือญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยฆ่ามาในอดีตที่ผ่านมา ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ไปทำบุญด้วยการตานขันข้าว  พระทั้งวัดมีเพียง 3 รูป ชาวบ้านก็ต้องเข้าแถวรอกัน (ยิ่งกว่าบัตรคิวที่โรงพยาบาลเสียอีก)  กว่าจะได้ถวายขันข้าวเกือบ 8 โมงเช้า  จากนั้นขึ้นบนพระวิหารพอชาวบ้านมากันเยอะแล้ว ทางมัคนายก (ปู่จ๋ารย์) ก็เริ่มทำพิธีทางศาสนาไหว้พระ รับศีล และรับฟังโอวาทจากพระ  และท้ายที่สุดรับพรจากพระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี 9 โมงครึ่ง กลับมาทานข้าวที่บ้าน และจากนั้นเริ่มปฏิบัติการด้วยการออกไปดำหัวญาติผู้ใหญ่ภายในหมู่บ้าน และต่างบ้าน  กลับมาถึงบ้านก็เย็น

  เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงมีทั้งวุ่นวายและได้บุญ แต่ก็สรุปได้เลยว่าคุ้มจริงๆค่ะ กับประสบการณ์ชีวิตเหล่านี้......

หมายเลขบันทึก: 352468เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2010 23:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

หวัดดีค่ะ..มาติดตามการบันทึกที่ได้บรรยากาศมากๆค่ะ..นี้แหละการทำงานของทางราชการนะ..ขอแสดงความยินดีที่หาฤกษ์ในวันดี..วันหน้าถ้าได้ปลาชวนด้วยนะคะ..อยากชิมฝีมือน่ะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูรุจี และน้องก้าน.... ถ้าเอาทั้ง 3 หนุ่มมาขึ้นคงเกินกรอบนะคะ อิอิ

คิดถึงครูจังเลยค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ขอบพระคุณมากนะคะที่เข้ามาเยี่ยมชม blog ของหนู

ดีใจเกินไปป่ะ..เรียกชื่อนามแฝงนะค่ะ..เดี๋ยว อาจารย์หนูดุเอานะ..ชื่นชอบคำนี้นะ..อิ..อิ..บุญของไฝค้ำจุนจริงๆ..และทำให้เรียนเก่งด้วยล่ะ

 พี่ก้านตูน  น้องก้านเตย  น้องก้านตอง..มาขอเทคนิคการเรียนเก่งจากคุณครูครับ..

ขอบคุณที่บอกเน้อครูคนงาม

แต่ทำไมรูปเหมือน

สวัสดีคะ คุณลีลาวดี

แวะมาทักทาย

และขอแสดงความยินดีกับงานมงคลย้อนหลังนะคะ

และขอเป็นกำลังใจในการเขียนบันทึกต่อไปคะ

ขอบคุณคะ ^_^

สวัสดีค่ะคุณ Lionel Messi แหม แวะมาแล้วก็เขียนไม่จบนะคะ ทำให้คาใจเลยทีเดียว รูปเหมือนอะไรคะ

สวัสดีค่ะ คุณดินสอสี

ขอบคุณที่มาแสดงความยินดีและแวะมาเยี่ยมนะคะ

วันเปลี่ยนนามสกุลนี่เอง ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท