ภาพ : ป่าสักริมทางรถไฟขุนตาน โดย วิรัตน์ คำศรีจันทร์ เทคนิค : ลายเส้นหมึกดำบนกระดาษ
สองสามวันมานี้ ผมทั้งเป็นวิทยากรบรรยายและเดินทางอย่างต่อเนื่อง นับแต่วันพฤหัสบดี ๘ เมษายน ๒๕๕๓ ก็ไปเป็นวิทยากรกระบวนการวิจัยให้กับเครือข่ายวิจัยพัฒนานโยบายส่งเสริมศักยภาพ อสม สู่ระบบบริการสุขภาพชุมชน ของรองศาสตราจารย์ ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง ซึ่งทำให้กับสำนักงานวิจัยเพื่อปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ จากเช้าจรดเย็น
พอเสร็จก็แวะนอนกับแม่และน้องที่บ้านตาลิน อำเภอหนองบัว นครสวรรค์ รุ่งเช้าก็ไปร่วมสัมมนาและระดมสมองมหาวิทยาลัยนครสวรรค์เพื่อท้องถิ่น ที่บึงเสนาถ นครสวรรค์ ตกเย็นก็กลับไปกินข้าวเย็นกับแม่ แล้วก็ไปรอรถนอนเที่ยว ๔ ทุ่มครึ่งที่สถานีรถไฟชุมแสง เพื่อไปขนหนังสือซึ่งทำให้แม่เพื่อแจกในวันทำบุญเทศกาลสงกรานต์และพิมพ์ที่โรงพิมพ์เชียงใหม่ ทางโรงพิมพ์เขาจะเร่งทำให้เสร็จในวันเสาร์
ด้วยความที่ตะรอนๆอย่างต่อเนื่องแล้วได้มาโดยสารรถนอนซึ่งไม่สะดวกสำหรับทำกิจกรรมทั้งปวงนอกจากนอน ผมจึงได้โอกาสปลดปล่อยตนเองและนอนรวดเดียวจนถึงเกือบ ๗ โมงเช้า แต่พอตื่นขึ้นมาและลงจากเตียงชั้นบนเพื่อล้างหน้าแปรงฟันและให้พนักงานเก็บเครื่องนอนให้ ผมก็เกิดอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิตคือมึนศีรษะ คลื่นไส้ มวนในท้อง และคล้ายกับจะอาเจียร หลังล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ไม่ดีขึ้น เมื่อกลับไปยังที่นั่งก็เลยหาวิธีที่ตนเองเคยใช้ได้ผลคือทำสมาธิ
ผมนั่งกำหนดการรับรู้และตามลมหายใจเข้าออก พอได้ความนิ่งพอสมควรแล้วก็เริ่มน้อมความรู้สึกไปรู้ส่วนต่างๆของร่างกาย นานๆครั้งจึงจะมีโอกาสได้ทำอย่างนี้ จึงได้ความรู้สึกหลายอย่างเหมือนกับร่างกายกำลังพยายามสื่อสะท้อนรายงานตนเองให้ผมได้ทราบ ผมรู้สึกล้าและตึงไปตามไหล่ หลัง พอส่งความรู้สึกไปรู้ ก็รู้สึกวาบตามไปด้วยทีละจุด สักพักหนึ่งก็รู้สึกค่อยยังชั่ว เห็นได้จากภายในว่าร่างกายมีพลังบางอย่างในการเยียวยาและบำบัดตนเอง
จากนั้น ก็รู้สึกสดขึ้น ผมนั่งทำสมาธิฟื้นฟูข้างในตนเองอยู่สักพักหนึ่งก็ลืมตา ก็พบว่ารถไฟถึงเขตขุนตานน้อยและใกล้ถึงอุโมงค์ถ้ำขุนตานอุทยานแห่งชาติขุนตานแล้ว เมื่อลืมตามองไปนอกหน้าต่างรถไฟก็เห็นป่าสักยืนต้นเป็นแนวรายทางรถไฟและได้ความรู้สึกสดชื่นไปกับอากาศยามเช้า ผมรู้สึกสดชื่น มีกำลัง หายคลื่นไส้และมึนศีรษะ ซึ่งตรงข้ามกับเมื่อแรกตื่นขึ้นมามากเลยทีเดียว
เพื่อหาวิธีที่จะอยู่กับภาวะที่กำลังเกิดขึ้นนี้ให้นานที่สุด ผมเลยดึงเอาสมุดวาดเขียนซึ่งก็มักจะมีติดตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างน้อยก็ ๑ เล่มออกมานั่งวาดรูป ภาพที่ไหลเข้ามาให้ชมจากกรอบหน้าต่างรถไฟนั้น เป็นภาพโทนสีน้ำตาลที่มีสีเขียวแซมเป็นหย่อมๆของหมู่แมกไม้ยามร้อนแล้ง โดยเฉพาะต้นสักที่หนาแน่นเป็นแนวยาว ลีลาเหมือนบทเพลงทำนองซ้ำๆและต่อเนื่อง ให้น้ำหนักแสงเงาเรียบง่ายแต่มีจังหวะและความเป็นเอกภาพกลมกลืน ผมนั่งเขียนภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความเป็นสมาธิสื่อสะท้อนกันและกันบนเส้นปากกากับความรู้สึกภายใน
เป็นอีกหนึ่งบทเรียนเล็กๆของวิธีการทางศิลปะเพื่อสื่อกับตนเอง กับเยียวยาและฟื้นฟูตนเอง.
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตื่นมายามเช้า ก็ได้ชมภาพวาดอาจารย์ ตาสว่างเลยค่ะ
อาจารย์เก่งจังค่ะ ทำอะไรบนรถที่กำลังเคลื่อนที่ได้ ดิฉันไม่สู้ค่ะ เวียนหัวจะอาเจียน (กลับกันค่ะ อิอิ)
ภาพวาดสวยมากเลยครับ เข้าใจว่าอาจารย์เดินทางมากและทำงานมากไปหรือเปล่าครับ เพราะการนอนหลับในรถจะนอนหลับสนิทได้ยาก การนั่งสมาธิแบบอาจารย์ว่าช่วยได้จริงๆๆด้วย ขอบคุณสำหหรับบันทึกประสบการณ์ดีๆๆครับ
สวัสดีครับคุณณัฐรดาครับ
เวลานั่งมองลอดใต้แนวกิ่งก้านของป่าสักยามเช้า ให้ลีลาแสงเงา และการจัดวางน้ำหนักตนเองของธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ ข้ามความร้อนแล้ง เห็นจังหวะความเคลื่อนไหว น่าเดินเข้าไปเห็นอีกฟากหนึ่งของแนวป่า
ช่่อดอกสักที่แห้งกรอบและรอผลิใบอีกครั้ง ดูมีลีลาที่เป็นอิสระ มีน้ำหนักทั้งเป็นตัวของตัวเองและจัดวางตนเองให้เป็นส่วนเสริมรอบข้างให้ดูงดงาม ลงตัวและไม่หลุดออกจากกัน ในขณะที่ภาพอย่างนี้ไหลผ่านหน้าที่มองจากกรอบหน้าต่างรถไฟ ลีลาความเคลื่อนไหวก็ราวกับเป็นพลิ้วท่วงทำนองเพลง มีประกายแดดยามเช้าลอดใต้แนวกิ่งหนาแน่นวับ-วับ ตบให้จังหวะผสมกลมกลืน
มาชมอีกครั้ง
ภาพขยายดูแล้วยิ่งงามค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
งั้นขอมอบให้คุณณัฐรดา อาจารย์ขจิต และทุกท่าน เพื่อมีความสุขในวันสงกรานต์ปีใหม่ไทยครับ
สวัสดีค่ะพี่ชาย อาจารย์ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
ผมต้องพกปากกาหมึกดำ เเละ กระดาษวาดภาพ ติดตัวไปบ้างเเล้ว ดูมีเสน่ห์จังครับ
สวัสดีครับน้องคุณครูจุฑารัตน์ครับ
สวัสดีปีใหม่! แบบไทยๆเราครับ
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ รูปนี้และอารมณ์ภาพ คงเป็นประสบการณ์ร่วมของคนเดินทาง โดยเฉพาะไปทางภาคเหนือ มากพอสมควรนะครับ คงได้ย้อนรำลึกบรรยากาศกับสัมผัสแรกที่ตื่นขึ้นมาในยามเช้าแล้วเห็นทิวทัศน์สองข้างทาง แต่เดิมก็คงจะเห็นความสวยงามน่ารื่นรมย์ก็แต่ในหน้าฝนและต้นหน้าหนาว ไม่ค่อยได้สังเกตว่าหน้าร้อนและหน้าแล้งก็เห็นลีลาของแสงที่ลอดตามทิวป่ากับเงาที่ทอดยาวเป็นเส้นนำสายตา วิบวับไปตลอดทาง ว่าให้ความตื่นตัวและสดใสในยามเช้าได้อย่างมากด้วยเหมือนกัน หายเมื่อยล้าและหายมึนศีรษะได้เลยทีเดียวครับ
อาจารย์วิรัตน์ค่ะ : มันเป็นภาพที่ติดตามากๆ ค่ะ ผสมกับความตื่นเต้น และความเศร้าใจ เพราะถือว่าเป็นการนั่งรถไฟขึ้นเหนือเป็นครั้งแรก หลังจากลาออกจากที่ทำงานที่เราทำงานมานาน ๑๐ ปี คือ สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล และไปเริ่มงานใหม่ ก่อนที่จะเตรียมตัวเรียนหนังสือต่อไป และเป็นการห่างครอบครัวไปนานถึง ๖ เดือนเพื่อไปทำงานวิจัยร่วมกับนักศึกษาระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ สหรัฐอเมริกา ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (โรงพยาบาลสวนดอก) ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค่ะ ...
ถือว่าภาพของป่าสักริมทางรถไฟขุนตาลได้ช่วยเยียวยา และฟื้นฟู จิตใจ ให้อยู่เหมือนกันค่ะ เพราะเผลอใจลอย ชื่นชมไปกับบรรยากาศงามๆ ยามเช้าที่ป่าสักแห่งนี้จนลืมความเศร้าไปเลยค่ะ ..
((คิดว่าน่าจะนำมาโพสคุยในบันทึกของภาพป่าสักริมทางรถไฟขุนตาลที่พูดคุยถึงกันค่ะ เลยก๊อปปี๊ไดอาล็อคจากบันทึก blog to book ดังลมหายใจ มาไว้ที่บันทึกนี้ค่ะ))
รูปแนวนี้ดูหาความทราบซึ้งแง่มุมทางศิลปะไปด้วยก็ได้ความเพลิดเพลินและให้ความคิดดีมากด้วยเหมือนกันครับ
Repetition การซ้ำ : แพทเทิร์นของธรรมชาติอย่างในภาพนี้ ภาษาศิลปะเรียกว่าเป็นความงามในแง่ของจังหวะและการจัดองค์ประกอบแบบซ้ำๆกัน หากเรียนรู้ให้ได้ปัญญาและความคิดจากธรรมชาติอย่างนี้ เราก็จะได้แนวคิดว่าในโลกความเป็นจริงนั้น สิ่งเดิมๆและสิ่งที่เรามีอยู่นั้น เติมทรรศนะทางศิลปะเข้าไปในการจัดการ ก็ทำให้ได้ความงามอยู่เสมอจากสิ่งนั้นเช่นกัน
Form and Unity รูปทรงและความเป็นเอกภาพ : แนวของทิวไม้ เมื่อมองแยกๆกันแล้วก็มีความเป็นอิสระมากครับ แต่พอผสมผสานกันแล้วมองในภาพรวมก็ทำให้เกิดกลุ่มก้อนที่เป็นเอกภาพ เห็นรูปร่างและรูปทรงเลื่อนไหลที่น่าสนุกมาก หากปล่อยใจ ละวางความคิด ให้สัมผัสต่างๆเป็นปัจจุบันไปกับการเห็น ก็จะสนุกมากครับ เดาไม่ได้เลย ธรรมชาติมีความสร้างสรรค์และจัดวางตนเองที่ยิ่งใหญ่มาก
Mass and Pointivism น้ำหนักและการกระจายโดยการจุด : ภาพวาดนี้ใช้ปากกาหมึกดำสีเดียวและน้ำหนักเดียว การสื่ออารมณ์เชิงสัมผัสและการทำให้ได้มิติอย่างที่เห็นในภาษาของธรรมชาติ จึงต้องได้จากการจัดวางน้ำหนักและการกระจายตัวของจุด เพื่อให้ความเป็นภาพและความกลมกลืนต่างๆเกิดการผสมกันขึ้นด้วยสายตาและการประมวลผลทางการรับรู้ของผู้ชม สีสัน น้ำหนัก ความกลมกลืน ความสวยงาม และการเกิดมิติต่างๆของภาพที่เขียนในลักษณะนี้ จะเป็นกระบวนการทางสมองและเป็นสุนทรียภาพในตัวผู้ชม คงเทียบได้กับการดูหนังและการ์ตูนแอนนิเมชั่นที่ภาพนิ่งและสีสันแยกส่วนแต่ละภาพ กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวและเกิดบรรยากาศความมีชีวิตชีวาเนื่องจากเกิดมิติการสร้างข้อมูลภาพขึ้นใหม่อีกชุดหนึ่งในตัวผู้ชม
เป็นการนำชมการแสดงภาพเลยละครับเนี่ย
การถ่ายทอดพลังทางศิลปะสู่สังคม
ธาตุความเป็นศิลปินของอาจารย์ช่างมีพลังล้นเหลือ โดยเฉพาะในงานศิลปะที่อาจารย์แสดงออกไปตามประสบการณ์ของอาจารย์และการรับรู้โลกภายนอกผสานกับพลังการขับเคลื่อนภายในที่สะท้อนความเป็นตัวตน กระบวนคิด ความสุนทรีย์ของอาจารย์ ส่งผ่านสู่สังคมด้วยความจริงใจ และคำอธิบายเรื่องศิลปะด้วยภาษาที่การรับรู้ของหลายๆ คนสามารถเข้าใจได้ เรียกได้ว่า ไม่เคืองตา อย่างนั้นเลยทีเดียว ..
อาจารย์บอกว่า "ธรรมชาติมีความสร้างสรรค์และจัดวางตนเองที่ยิ่งใหญ่มาก" เห็นด้วยมากๆ ค่ะ มนุษย์อาจจะมองว่า มนุษย์นั้นเก่ง เป็นผู้พิชิตได้ในทุกมิติ บนดิน ใต้น้ำ ในอวกาศ แม้กระทั่งพยายาม สร้างธรรมชาติให้แสร้งเหมือนธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันธรรมชาติกำลังทำให้มนุษย์ทุกคนตื่นตระหนก ใจหายใจคว่ำได้ตลอดเวลา มนุษย์กำลังจะพ่ายแพ้ต่อธรรมชาติ แล้วหล่ะค่ะ ....
ขอบคุณค่ะอาจารย์กับการพานำชมภาพผ่านบล๊อคค่ะ ..
กราบสวัสดีปีใหม่ไทยค่ะท่านอาจารย์
ภาพงามมากๆ เลยนะคะ ทั้งแสง เงา ลำต้น กิ่ง ก้าน และ ใบ พริ้วไหว
จนอยากจะพรรณาออกมาเป็นบทกลอนเลยนะคะเนี่ย
ขอบพระคุณมุมคิดดีๆ และภาพศิลป์เปี่ยมเสน่ห์ค่ะ
ด้วยความยินดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
สวัสดีครับคุณ poo ครับ น่าจะเขียนสะท้อนออกมาเป็นกลอนเลยนะครับ ชอบครับ
ดีใจที่แวะเข้ามาชมและได้ความเพลิดเพลินจากการดูงานศิลปะครับ มีความสุขครับ
ตามมาชมภาพวาดป่าสักกับลำแสงที่ทอดตัวยาวในยามเช้า... งดงามจริง ๆ ค่ะ..
โดยส่วนตัวใบไม้ฯ เป็นคนชอบภาพวาดลายเส้นอยู่แล้ว จะด้วยดินสอ ปากกา หรือลายจุด หรือแม้แต่ลายเส้นจากพู่กัน
จำได้ว่า...สมัยเป็นวัยรุ่นถึงขั้นหลงใหลเสียงดินสอสัมผัสกับกระดาษ เป็นเสียงที่ไพเราะค่ะ เลยยังชอบใช้ดินสอเขียนหนังสืออยู่ตอนนี้ แถมยุคนั้น เวลาไม่สบายใจ ใบไม้ฯ ก็ชอบชมภาพศิลปะ ช่วยให้จิตใจแช่มชื่นขึ้นมากค่ะ
ศิลปะบำบัดน่าจะเป็นอีกหนึ่งวิถีในการภาวนา ที่น้อมใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับศิลปะและธรรมชาติที่วาดลงบนกระดาษ
เยียวยาและฟื้นฟูตัวเองด้วยวิธีนี้ นับเป็นความสุขอย่างประณีตได้ไหมคะอาจารย์
แถมคนที่ได้ชมก็พลอยได้เยียวยาตัวเองด้วยความงามจากภาพวาดไปด้วย...^__^...
เรียนท่านปรมาจารย์งานศิลป์ค่ะ
มาตามสัญญา มาส่งบทกลอน ภาพ และภาษา เชิญทัศนาค่ะ
http://gotoknow.org/blog/lanandaman/353101
ขออภัย ไปตามสถานการณ์ จึงพ่วงการบ้านเมืองนิดนึงนะคะ;)
ขอบคุณคุณ poo มากอย่างยิ่งครับ แวะเข้าไปอ่านมาแล้วครับ ถึงแม้ตอนท้ายๆจะไถลไปหาการเมืองในขณะนี้สักหน่อย แต่ก็เพราะและลื่นไหลต่อเนื่องดีครับ
"เพื่อหาวิธีที่จะอยู่กับภาวะที่กำลังเกิดขึ้นนี้ให้นานที่สุด ผมเลยดึงเอาสมุดวาดเขียนซึ่งก็มักจะมีติดตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างน้อยก็ ๑ เล่มออกมานั่งวาดรูป ภาพที่ไหลเข้ามาให้ชมจากกรอบหน้าต่างรถไฟนั้น เป็นภาพโทนสีน้ำตาลที่มีสีเขียวแซมเป็นหย่อมๆของหมู่แมกไม้ยามร้อนแล้ง โดยเฉพาะต้นสักที่หนาแน่นเป็นแนวยาว ลีลาเหมือนบทเพลงทำนองซ้ำๆและต่อเนื่อง ให้น้ำหนักแสงเงาเรียบง่ายแต่มีจังหวะและความเป็นเอกภาพกลมกลืน ผมนั่งเขียนภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความเป็นสมาธิสื่อสะท้อนกันและกันบนเส้นปากกากับความรู้สึกภายใน
เป็นอีกหนึ่งบทเรียนเล็กๆของวิธีการทางศิลปะเพื่อสื่อกับตนเอง กับเยียวยาและฟื้นฟูตนเอง"
..............................
บทเรียนเล็กเล็กที่ยิ่งใหญ่
โลกภายในใบหนึ่งมหาศาล
กินพรมแดนอเนกอนรรฆครอบจักรวาล
มีแก่นสารหรือไม่มีตรงนี้เอง
ครูกานท์
ทุ่งสักอาศรม
...
ปล.
มีข่าวฝาก ปชส.ด้วยนะครับ
..............................................................
รวมรุ่น...อบอุ่นเพลงกวีอ่านชีวิต
คืนสู่รัก...ทุ่งสักอาศรม
......................................
ใกล้วันนัดพบรวมรุ่น ๒๘-๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ ครูรากแก้วการอ่านและนักเรียนโรงเรียนกวีต่อสายกันเข้ามาที่ทุ่งสักอาศรมคึกคัก บ้างถามวันเวลาที่นัดหมาย บ้างถามถึงกิจกรรมในวันงาน...จึงขอแจ้งกิจกรรม “รวมรุ่น” ดังนี้
.
๒๘ เมษายน ๒๕๕๓
ภาคเช้า...หลังจากอาหารเช้า เรียนรู้กับ “ครูไวท์” (ศักดิ์สิริ มีสมสืบ)
ภาคบ่าย...หลังจากอาหารกลางวัน ร่วมกิจกรรมตำข้าวเม่า / เผาข้าวหลาม
ภาคเย็นค่ำ...ร่วมลานอาหารแบบปูเสื่อ...การแสดง และการอ่านบทกวีของครูรากแก้วการอ่านและนักเรียนโรงเรียนกวี (พี่/น้อง รวม ๕ รุ่น) / ฟังเพลงพวงมาลัย จากพ่อเพลงพื้นบ้าน (บัว สังข์วรรณะ) /...ร่วมฟัง/ชม สาระชีวิต อ่าน คิด เขียน และขับขาน กับศิลปิน ศุ บุญเลี้ยง (จุ้ย) / ศักดิ์สิริ มีสมสืบ (ครูไวท์) / พจนาถ พจนาพิทักษ์ (เอก) / พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่) / กวีและนักเขียนกลุ่มคนตะวันตก (วัฒน์ วรรลยางกูร / วงเดือน ทองเจียว / สุธีร์ พุ่มกุมาร / อนันต์ คู่มณี / ยุทธ โตอดิเทพย์ / สัจภูมิ ละออ / ชูชาติ ครุฑใจกล้า / ชาคร บัวเกตุ ฯลฯ)
.
๒๙ เมษายน ๒๕๕๓
ภาคเช้า...ร่วมบุญตักบาตร...อาหารเช้าแบบเรียบง่าย / ฟัง “ธรรมกวี” จาก “ท่านจันทร์” (สมณะเพาะพุทธ จนฺทเสฏโฐ) / เพลินเพลงภาษากับ “ชินกร ไกรลาศ” / ทบทวนและถักทอเส้นทางแห่งเรา โดย “ครูกานท์” (ศิวกานท์ ปทุมสูติ)
ภาคบ่าย...หลังอาหารกลางวันมื้ออร่อย...กิจกรรมอำลา ครูรากแก้วการอ่านและนักเรียนโรงเรียนกวี รุ่น ๑ ถึงรุ่น ๕
.
ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรม...โดย ครูกานท์และกองทุนทุ่งสักอาศรม / พี่น้องครูรากแก้วการอ่าน / หนุ่มสาวโรงเรียนกวี / กัลยาณมิตรและกัลยาณธรรม / กวี นักเขียน และศิลปินร่วมใจ
.
ขอบคุณแรงใจจากคณะครูรากแก้วและนักเรียนโรงเรียนกวีรุ่นพี่ที่มีต่อรุ่นน้อง...ทั้งคณะนครศรีธรรมราช,นครราชสีมา,บุรีรัมย์,สุรินทร์,ชัยภูมิ,เชียงใหม่,เชียงราย,ตาก,ลำปาง,พระนครศรีอยุธยา,สุพรรณบุรี,กาญจนบุรี,กรุงเทพมหานคร,ร้อยเอ็ด,นครปฐม...ฯลฯ
สวัสดีครับ ครูกานท์ : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิวกานท์ ปุทมสูติ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์
ค่ำคืนนี้ออกจะว้าวุ่นเหตุเกิดจากความต้องการเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับคำว่าศิลปภาวนา
ด้วยมีภาระงานต้องจัดกิจกรรม GIVE ANG TAKE ให้จิตอาสาน้อย
และพยายามคิดว่าเด็กน้อยควรได้รับอะไรบ้างโดยผ่านกิจกรรม
และในยามที่เราเริ่มรับรู้ถึงคุณค่าของงานศิลปะ
เหมือนโลกเปิดประตูกว้างจนแทบมองไม่เห็นตัวเอง
เมื่อมาเจอภาพวาดด้วยปากกาของท่านอ.ทำให้นึกถึงภาพเย็นวันนั้น
วันที่มุ่งหน้าขึ้นแม่สะเรียง รุ่งเช้าตระเวณไต่ขอบเขาจนไปถึงปายแล้วเลยเชียงดาว
ได้เห็นต้นไม้มากมาย เห็นแนวสักที่ปลูกใหม่ก็เยอะ
ท่านอ.วาดได้เหมือนมากๆเลยนะคะ
ยิ่งเงาไม้นั่นกลับให้ความรู้สึกร่มเย็น และสงบ
ความเป็นระเบียบของแสงที่พยายามผ่านดงสักเข้ามา
รวมทั้งแสงที่พยายามเล็ดลอดช่องว่างของใบ
ทำให้นึกถึงลมหายใจของผู้ป่วยที่พยายามให้มันเข้าและออกอย่างสะดวก
แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความรู้สึกขณะนั้นมันช่างอึดอัด และน่าสงสาร
หากเราสามารถนำเขาคนนั้นมานั่ง นอนใต้ร่มเงาสักนี้ได้
เขาคงมีความสุขมากไม่น้อยเลยนะคะ
นี่คงเป็นเพราะอิทธิพลของแสงและเงามั๊งคะ
อีกทั้งสีของเส้นที่ตัดกับความว่างเปล่าเบื้องหน้าทิวสัก
สวยงามมากค่ะฃ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ krutoiting ครับ
ขออนุญาตท่านผู้อ่านหมายเหตุไว้สักหน่อยครับ
กิจกรรมที่ผมกล่าวถึงว่าจะไปจัดกิจกรรมศิลปะภาวนาให้กับหมู่มิตรและกลุ่มที่สนใจ รวมทั้งตนเอง ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรมนั้น ได้งดจัดด้วยเหตุจำเป็นบางประการครับ เนื่องจากก่อนถึงวันวิสาขบูชาไม่กี่วันก็ได้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรมที่ผมจะไปร่วมทำกิจกรรมด้วยนั้นมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่โอบล้อมของภูเขา เลยประสบกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนอย่างกระทันหัน คือ น้ำฝนที่ไหลมาจากภูเขาได้รวมกันเป็นไหลบ่า พัดเศษดินและหินมาด้วย แล้วก็โถมเข้าใส่ทุกอย่างที่อยู่ในหุบเขารวมทั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรม ผลก็คือเกิดความเสียหายจากดินโคลนถล่มใส่และข้าวของเปียกน้ำเสียหายมากมาย
พี่ๆที่เป็นผู้บุกเบิกต้องเดือดร้อนวุ่นวาย มีหมู่มิตรและน้องๆไปช่วยกันโกยดินโคลนและหินออก แล้วก็ยังคงเตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวันวิสาขบูชาอยู่ต่อไปเช่นเดิม แต่ในส่วนของผมนั้น ชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็คิดว่าคนที่ไปสมทบและไปร่วมกิจกรรมก็คงได้สิ่งดีๆที่ตนเองสนใจ ทว่า คนที่เป็นกลุ่มหลักในการดูแลอยู่เบื้องหลังที่เพิ่งประสบกับสภาพปัญหาดังกล่าวก็จะต้องอดทนรับภาระจัดการอีกหลายอย่างเพิ่มขึ้นมาอีก ก็เลยขอให้งดจัดกันไปก่อน