จุดเทียนขึ้นเล่มหนึ่ง ยังดีกว่าก่นด่าความมืด...


นี่แหละครูผู้สร้างชาติ ครูผู้เปรียบได้ดั่งเปลวเทียนที่ละลายแท่งอุทิศตนขับไล่ความมืดมนให้พ้นไปจากแผ่นดินไทยของเรา...มาจุดเทียนกันคนละเล่มแทนการก่นด่าความมืดกันเถอะ...

                ห้วงยามนี้ไม่เพียงผืนดินเท่านั้นที่ดูแล้งร้าย ผู้คนก็เช่นกัน ข่าวสารการบ้านการเมืองในช่วงนี้ คงจะส่งสัญญาณบ่งบอกได้ว่า ผู้คนในสังคมอันเสรีประชาธิปไตย ที่สามารถแสดงออกทางความคิดได้หลากหลายนั้น ดูจะต้องการการยอมรับและเคารพกันด้วยเหตุและผลที่ผ่านการใคร่ครวญ ไตร่ตรอง มีการจัดระบบความคิดความอ่านกันอีกมากทีเดียว...หลายครั้งที่การแสดงออกทางความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเมือง ได้แสดงความคิดอ่านกันด้วยด้วยเหตุผลและตรรกกะที่ดูขัดแย้งสับสน ซึ่งผมขอเรียกมันว่า “คิดยุ่งขิง” คือมีการแสดงออกด้วยความสามารถทางการคิดและพูดหรือกระทำ ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษต่อผู้อื่น ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงสำนึกก้นบึ้งอันเป็นที่มาความคิดนั้นๆ

                เคยสังเกตไหมครับว่า วันไหนถ้ารู้สึกว่าความคิดของเรามัน “ยุ่งขิง” ทั้งวันนั้น มันมักจะเป็นการคิดที่คิดแคบๆ วนไปวนมา คิดเพื่อตัวเองหรือที่เรียกว่า คิดเข้า เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะได้ คิดออก สักเท่าไหร่ คำว่า คิดออก ของผมนั้นผมขอนิยามว่าเป็นการคิดเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อส่วนรวมอันเป็นประโยชน์ ชัดๆ เลยก็คือเช้าวันนี้ที่ นั่งเขียนต้นฉบับอยู่ มันเป็นอะไรที่ยุ่งขิงไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนในบ้าน หมูหมา กาไก่ ข่าวสารบ้านเมือง รัฐบาลก็ไม่ได้อย่างใจ อะไรประมาณนี้ ด้วยความที่สมองมันยุ่งขิงนี่เองมันก็สั่งให้หัวใจเต้นถี่ขึ้นๆ ชีพจรขึ้นสูง ความดันเลือดที่ฉีดซ่านไปทุกเส้นสายส่งความร้อนกระจายไปทั่วอณูผิวกาย เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นเม็ดแล้วเม็ดเล่า ลมหายใจกระชั้นถี่ ขณะนี้ไม่เพียงจมูกเท่านั้นที่หายใจ แม้แต่หู ก็รับรู้ได้ว่ามันดันทุรังมาแย่งหน้าที่จมูกหายใจเอาลมปราณออกทำเสียงอื้ออึง...

            น้ำเย็นๆ สามแก้วหมดไปรวดเร็ว สติเริ่มจะตั้งตัวได้แล้ว ความคิดที่ปิ๊ง...แว้บ “คิดออก” ขึ้นมาฉับพลันว่า เรานี่มันคิดยุ่งขิงทำไม แม้จะคิดถึงสังคมส่วนรวมก็ตาม แต่หากคิดด้วยความอคติ คิดด้านเดียวไม่เกี่ยวกะใครก็รังแต่จะไร้ประโยชน์ มัวแต่พร่ำบ่นก่นด่าว่าสังคมไทยทุกวันนี้  ดูอนาคตมันคงจะมืดมิดเป็นแน่แท้ คิดไปมาก็ยุ่งขิงอีก อย่ากระนั้นเลย ความมืดแก้ไขได้ด้วยแสงสว่าง แม้จะมีเพียงเทียนสักเล่มก็ยังดีกว่ามานั่งพร่ำบ่นก่นด่าว่ามันมืด... ทุกอย่างมีที่มาจากเหตุ การที่สังคมไทย สับสนวุ่นวาย แตกแยกกันทางความคิดอันส่งผลถึงการกระทำที่รุนแรงนั้น เราในฐานะที่รับผิดชอบต่อการศึกษาก็คงจะหนีไม่ออกหรือไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เนื่องจากเป็นตัวร่วมของสาเหตุ ประการหนึ่งที่ทำให้ผู้คนในสังคมออกอาการอย่างที่เห็น เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์และการหมุนรอบ ตัวเองของโลกเป็นสาเหตุร่วมกันที่ทำให้เกิดกลางวันและกลางคืน หาใช่กลางวันเป็นต้นเหตุให้เกิด กลางคืนไม่ ฉันใดก็ฉันนั้นการที่บ้านเมืองมันแห้งแล้งฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลก็อย่าได้ไปกล่าวโทษใครผู้ใดผู้หนึ่งว่าเป็นตัวแห้งตัวแล้งเลย

                ในฐานะของครู เราสามารถจุดเทียนเล่มโตๆ มีส่วนร่วมแสดงถึงการ คิดออก ได้ทุกเรื่อง เริ่มตั้งแต่คิดถึงการเรียนการสอนในภารกิจที่รับผิดชอบ ช่วงนี้ก็เริ่มฤดูกาลจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 2551 ท่านสามารถจะผนวกรวมความเป็นไทย เป็นท้องถิ่นเข้ากับสาระแกนกลาง นำมาหลอมรวมปลูกฝังสำนึกดีงามของชีวิต ตระหนักในการดำรงอยู่ร่วมกันด้วยความเป็นเอกภาพ ความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของท้องถิ่น ผู้คนพลเมืองของชาติจะมีคุณภาพ อยู่กับตนเอง อยู่กับคนอื่น อยู่กับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุข สามารถต้านทานกระแสทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ไม่รู้จักพอ และกำลังเติบโตทำลายล้างวัฒนธรรมความดีงาม ชุมชน ครอบครัวและสังคมของไทย นี่แหละครูผู้สร้างชาติ ครูผู้เปรียบได้ดั่งเปลวเทียนที่ละลายแท่งอุทิศตนขับไล่ความมืดมนให้พ้นไปจากแผ่นดินไทยของเรา...มาจุดเทียนกันคนละเล่มแทนการก่นด่าความมืดกันเถอะ...

 

หมายเลขบันทึก: 350113เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2010 09:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณสำหรับประกายไฟจากแสงเทียนค่ะ
  • อยากให้หลักสูตรมาจากการประชาพิจารณ์ของคนในชุมชนและองค์กรท้องถิ่นจริง ๆ ค่ะ
  • จึงจะส่งผลให้...ผู้คนพลเมืองของชาติจะมีคุณภาพ อยู่กับตนเอง อยู่กับคนอื่น อยู่กับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุข สามารถต้านทานกระแสทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ไม่รู้จักพอ และกำลังเติบโตทำลายล้างวัฒนธรรมความดีงาม ชุมชน ครอบครัวและสังคมของไทย

ขอบคุณคุณครูคิมครับ...ใช่ครับหลักสูตรที่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนจะมีคุณค่าต่อพลเมืองของชาติมากครับ...แต่ทำไปทำมาก็เกรงว่าจะถูกทำลายด้วยการประเมินผลที่ไปจากส่วนกลางทำให้โรงเรียนต้องหนีท้องถิ่นไปสอนสิ่งที่มีในข้อสอบที่ไปจากส่วนกลาง น่าเป็นห่วงครับ

หากครู "ยุ่งขิง" เสียเอง คุณภาพการเรียนการสอนจะเป็นอย่างไร?

* กระบวนการคิด  ความใฝ่รู้ และการเข้าถึงหลักธรรมทางศาสนา อริยสัจสี่ * ช่วยได้...อดทนสักนิดแล้วชีวิตจะเป็นสุขค่ะ... ศน.กระบี่ ฝากขอบตุณอาจารย์มาด้วยค่ะ ที่ยังคิดถึงอยู่..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท