เดือนมิถุนายน 2549 ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยเราอีกวาระหนึ่งว่า เป็นเดือนที่มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์งานเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งการหลอมรวมความรู้สึก “มหาประชาปิติ” อันเป็นการแสดงออกซึ่งความรัก ความผูกพันของคนไทยทุกหมู่เหล่าที่มีต่อในหลวง
แรงศรัทธาที่คนไทยแสดงออกในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว รับรู้ได้จากการติดตามข่าวสารหลากหลายรูปแบบ ภาพใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตาพร้อมเปล่งเสียง “...ทรงพระเจริญ ๆ ๆ ๆ ...” ก้องไปทั่วลานกว้างหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม บริเวณพระบรมรูปทรงม้า เรียกรอยยิ้มพร้อมคราบน้ำตาจากคนไทยทั่วทุกสารทิศที่ติดตามรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมติดธงทิวปลิวไสวไปทั่วท้องถนน, การสวมใส่เสื้อเหลืองประทับตราสัญลักษณ์งานเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติ 60 ปี, การเดินเทิดพระเกียรติ, จุดเทียนชัยถวายพระพร ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา, เพลงสรรเสริญพระบารมี ฯลฯ ได้รับการตอบสนองจากประชาชนทุกหมู่เหล่าโดยพร้อมเพรียงกัน
ผลสืบเนื่องอีกประการหนึ่งคือ ความมุ่งหวังตั้งใจที่จะ “ทำดีเพื่อในหลวง” โดยการแสดงออกผ่านการอธิษฐานทั้งในรูปแบบ ได้แก่ การเปล่งวาจาในพิธีจุดเทียนชัย, การลงนามถวายพระพร, การบันทึกข้อความผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ท ฯลฯ รวมทั้งการอธิษฐานนอกรูปแบบ เงียบ ๆ เป็นส่วนตัวหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ในห้องพระที่บ้าน ฯลฯ
กระแสแห่งความดีงามที่เกิดขึ้นนี้ ผมคิดว่าเราต้องช่วยกันรักษา พัฒนาให้เป็น “ปฏิบัติบูชา” ต่อเนื่องอย่างทันท่วงที ช้าไปกว่านี้ 2-3 เดือน ความเข้มแข็งของกระแสจะไม่อยู่ในสภาพเดิม จะริเริ่มก่อการผลักดันไปสู่การปฏิบัติได้ยากกว่าสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ในการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารและองค์กรหลักของโรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2549 ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาฯ, ประธานสมาคมศิษย์เก่าฯ, สมาคมครูและผู้ปกครองฯ รวมทั้งเครือข่ายผู้ปกครองฯ ที่ผมรับหน้าที่เป็นประธานอยู่ เราจึงพูดคุยกันและเห็นพ้องต้องกันว่า โรงเรียนฯ ควรจะก่อตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” เพื่อสร้างเป็น “ห้องเรียนที่มีชีวิต” เก็บรวบรวมข้อมูลของในหลวงหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์, เอกสาร, แผ่นซีดีบันทึกภาพ-บันทึกเสียง โดยเฉพาะภาพบุคคลในอดีตและการสัมภาษณ์เหตุการณ์ความรู้สึก เมื่อครั้งที่ในหลวงเสด็จประพาสจังหวัดชุมพร ครั้งแรกในปี 2502 และครั้งที่สองในปี 2541 นำเสนอเผยแพร่ทั้งในรูปแบบของรายงาน, บอร์ดนิทรรศการ, เว็บไซท์ ตลอดจนการจัดกิจกรรม เรื่องเล่าเร้าพลัง (Storytelling) ตามความเหมาะสมและความสามารถในการแสดงออกของนักเรียนทุกระดับชั้น
พวกเราคิดกันว่า ศูนย์การเรียนรู้ฯ แห่งนี้ควรจะช่วยกันบริหารโดยคณะครูบาอาจารย์, นักเรียน และภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมผ่านกระบวนการ จัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เพื่อมุ่งสร้างให้นักเรียนได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจ, พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ที่ได้ทรงตักเตือนและสอนในเรื่องของการดำรงชีวิตที่ยึดหลักความซื่อตรง ขยันหมั่นเพียรและมีคุณธรรม ให้ก่อเกิดปัญญา ใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคทั้งปวง
ผมชอบคำพูดของท่านอาจารย์วิไล เกษสยม นายกสมาคมศิษย์เก่าฯ อดีต “หญิงเหล็ก” ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนสอาดฯ ที่กล่าวย้ำในเรื่องนี้ว่า “ใครเชื่อมั่นและปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ชีวิตนี้จะไม่มีวันตกอับ”
เขียนได้ดีมากเลย