บทความสัมภาษณ์ พระวรรณ ฯ ท่านเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลัง ที่วัดทับไทร จ.จันทบุรี(1)


มะเร็งกระดูกสันหลัง

*กานดา แสนมณี ขอเล่าเรื่องราวของท่านพ่อเลี้ยง วรรณ พิมพนิช ลงในบันทึกของgotoknow บล็อกนี้ จากการได้อ่านหนังสือรายการทั่วทิศถิ่นไทย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง

     

       บทความการสัมภาษณ์ พระวรรณ

 อาตมา เป็นคนแม่สอด จ.ตาก

ชื่อจริง วรรณ พิมพนิช คนที่นั้นเรียกติดปาก ว่า พ่อเลี้ยงวรรณ มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกมันฝรั่ง ปลูกอ้อย ปลูกส้ม สุดท้ายก็มาปลูกกล้วยส่งออกต่างประเทศ ก็ทำมา สิบกว่าปีแล้ว มีลูกชาย สามคน จบปริญญโทด้านการเกษตรทั้ง สามคน คนโตเรียนพืชไร่ คนที่สองเรียนพืชสวน คนที่สามเรียนส่งเสริมการเกษตร ปัจจุบันอายุ 60 ปีกว่าแล้ว ปกติจะเป็นคนชอบออกกำลังกายสุขภาพก็แข็งแรงดีเพื่อนๆหรือคนรู้จักจะชมว่าทำไมอายุมากขนาดนี้ถึงแข็งแรงเดินเหินได้สบาย


            เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาล

         พระวรรณเล่าต่อว่า อยู่มาไม่นานเมื่อต้นปีพ.ศ2550 ที่ผ่านมาเกิด อาการปวดที่หลังและไม่หายประมาณ 2เดือนกว่า รักษาหลายวิธีทั้งแช่น้ำอุ่น และให้หมอนวดก็ไม่หาย วันหนึ่งไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ เพื่อนเป็นหมอ อาตมาเล่าให้เพื่อนฟัง ว่าปวดหลังมา 2เดือนกว่าแล้วไม่หายสักที เพื่อก็นิ่งแล้วมองหน้ากันไม่พูดอะไร สักพักเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า เอ็กซเรย์หน่อยดีไหม เพราะคนปกติปวดธรรมดาทั่วๆไป กล้ามเนื้ออักเสบ เอ็นพลิก ใช้เวลา 3อาทิตย์ก็หายแล้วแต่พ่อเลี้ยงวรรณปวดจากหลังลามมาถึงหน้าอก 2เดือนแล้วไม่หายต้องเอ็กซเรย์หน่อย


     พอเอ็กซเรย์เสร็จ ก็ห็นว่ามันมีรอยจุดด่างๆอยู่ 2จุด หมอบอกว่ายังไม่แน่ใจนะต้องเข้าเครื่องสแกน เข้าเครื่องสแกน 1ชั่วโมงกว่า ยังไม่ทราบผลพอออก มาจากเครื่องสแกนก็กลับบ้าน หมอบอกว่า 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ค่อยมาฟังผล เพราะฟิล์มผลตรวจจะออกมาวันพรุ่งนี้ รุ่งขึ้น10โมงเช้าก็ไปโรงพยาบาล มีหมอ 4-5คนอยู่ในห้องคุณหมอที่เป็นเพื่อนสนิทกันพูดขึ้นว่า ไม่น่าจะเกิดกับเพื่อนเราเลย อีกประมาณ 20นาทีก็ให้หมอผู้หญิง ที่เป็นหมออายุรกรรมบอกว่า พ่อเลี้ยงวรรณ ต้อง แอดมิด(ATMID)แล้วล่ะ หมายถึงต้องนอนที่โรงพยาบาล ตกลงวันนั้นก็ต้องนอนโรงพยาบาล หมอก็เอาเลือดไปตรวจเข้าเครื่องอัลตราซาวด์ ตรวจคลื่นหัวใจ วันนั้นผลเลือด หมอส่วนใหญ่ก็จะรู้แล้วว่าเป็นมะเร็งเพราะว่า PHA ค่าของเลือดอยู่ที่ 311.080  สำหรับคนปกติ จะอยู่ที่ 0.165 ถัดไปประมาณ 2-3 วัน หมอก็ตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ แล้วลงมติว่า เป็นมะเร็ง


       หลังจากทราบผลว่าเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลังขั้นสุดท้ายก็ตกใจช็อกไปประมาณ 20 นาที ที่ทรมานมาก บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ความดันก็ขึ้นไป 180 จากปกติ 110

       ถึงขั้นสุดท้าย แล้วจะทำอย่างไรดีหมอบอกว่าต้องให้คีโม (เคมีบำบัด)ต้องฉายแสง ต้องฝังแร่ก็เลยถามกลับไปว่าถ้าฝังแร่แล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่อยู่ได้ปีหนึ่งไม่รับรองมากกว่านี้ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่อเมริกาเชี่ยวชาญด้านมะเร็งเขาบอกให้ไปที่นั่นเขาจะดูแลให้ ก็ถามเขาไปว่าแล้วจะให้ไปทำอะไรเขาบอกให้ไปฝังแร่ อาตมาก็ไม่ไป ยังไงหนึ่งปีก็ตายอยู่แล้วจะไปทำไมให้เสียเงิน


                    บวชหนีโรคร้าย

 ตัดสินใจเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 1 อาทิตย์ ก็เลยนั่งคิดต่อว่าถ้าอยู่แตที่วัดจะรอดไหม น่าจะสู้กับมัน จะต้องสู้ให้ได้ จะต้องชนะชีวิตเกิดมาเพียงแค่ชีวิตเดียวอยู่จะมายอมตายง่ายๆได้อย่างไร อาตมาคิดขึ้นมาได้ว่า กษัตริย์สีหนุ ท่านเคยเป็นมะเร็งเมื่ออายุ 40 ปีกว่า ก่อนไปรักษาที่ต่างประเทศ เวลานี้อายุ 90 ปียังมีชีวิตอยู่ คิดถึงตรงนี้เลยโทรศัพท์ หาน้องที่เป็นกงสุลใหญ่อยู่ต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูล ทราบว่าที่ประเทศเกาหลีเหนือ มีสถานที่บำบัดมะเร็งจริง แต่การเดินทางไปลำบากมากมาก


                หนีความตายไปเกาหลีเหนือ

  มะเร็งระยะสุดท้าย ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆหนทางรอดแทบไม่มี จึงตัดสินใจทำพินัยกรรมให้ลูกๆ แล้วรวบรวมเงินทองที่มาได้ตลอดชีวิตเดินทางไปประเทศเกาหลีเหนือ เผชิญความตายด้วยใจสงบ ถ้าโชคดีคงได้กลับมาอีก มันเป็นภาวะจนตรอก ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ถึงแม้ชีวิตของคนเราจะเกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน แต่ถึงวินาทีนั้นคนเราต่างกลัวความตายโดยสัญชาตญาณ อยากจะยึดชีวิตต่อลมหายใจออกไปอีก


        นั่งเครื่องบิน ไปลงที่ประเทศญี่ปุ่น   แล้วจึงนั่งรถยนต์ไปอีก 8 ชั่วโมงแทบเอาตัวไม่รอด สุดทรมานโดยเฉพาะช่วงนั่งบนเครื่องบิน นั่งพิงเบาะไม่ได้ ปวดหลัง อึดอัดทรมานมากนั่งเอามือเกาะเบาะหน้าร้องโอดครวญตลอดการเดินทางน้ำตาลูกผู้ชายมันหยดไหลอย่างไม่รู้ตัว นึกในใจว่าการเดินทางครั้งนี้คงไม่ได้กลับเมืองไทยอีกแล้ว ยิ่งช่วงการเดินทางโยรถยนต์ไปยังประเทศเกาหลีเหนือ ลำบากมากมากทั้งเจ็บปวดสุดทรมาน ตลอดการเดินทาง 8 ชั่วโมงเต็ม


       ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล แต่เป็นศูนย์บำบัดตั้งอยู่บนภูเขา ผู้ที่มาบำบัดรักษาส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา อาหรับ ญี่ปุ่น คนไทยมีอาตมาคนเดียว เน้นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ใช้แสงตะวัน ใช้สายน้ำ ใช้หิมะ อาหารทุกอย่างต้องสด


       คนป่วย 1 คน จะมีพยาบาลประจำตัว 1คน ดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งเช้า 05.00-20.00 น. ไปไหนไปด้วยกันนอนด้วยกัน ดูแลทุกย่างก้าว เข้าห้องน้ำ ก็ไปนั่งเฝ้า เป็นพี่เลี้ยงตลอด อาบน้ำก็ไปดูว่า น้ำได้อุณหภูมิไหม อุ่นพอไหม เย็นพอไหม อาหารการกิน ก็กินโอสถ เน้นธรรมชาติล้วนๆ อยู่ที่นี่ยาสักเม็ดก็ไม่มี  ศูนย์ธรรมชาติบำบัดแห่งนี้ จะมีคอร์สบำบัดรักษา 30 วัน  60วัน และ 90 วัน ของอาตมา 30 วันอาการก็ดีขึ้นมาก ผิดกับตอนที่มาใหม่ๆ เจ็บปวดจนทนไม่ไหวที่มาที่นี่ ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิด บางคนปฏิบัติตัวได้ ตามที่เขาให้ทำกิน ก็ประสบความสำเร็จ

  

        ในแต่ละวันตื่นเช้า ขึ้นมาประมาณ 05.00 น. ก็จะเอาโอสถมาให้ดื่ม 1 ลิตร รสชาติจืดสีเขียวเข้ม เวลาประมาณ 06.30 น. ก็จะพาไปเดินออกกำลังกาย แล้วพาไปรับแสงตะวัน เรียกว่า แสงตะวันบำบัด  นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่งไปกลับ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะพาไปเดินบนหิมะประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน เสร็จแล้วมาประคบ น้ำอุ่นที่ฝ่าเท้า ถามเขาว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เขาบอกว่าเพื่อสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา บางคนก็ทำไม่ได้ ทำได้ประมาณ 20-30% แต่ของอาตมา อาศัยเป็นนักกีฬาเก่า วันแรกก็ไม่ไหวเหมือนกันเย็นจัด วันที่ สอง วันที่ สาม ก็เริ่มทำได้ และทำได้มาตลอด พอทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้น ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ


      สำหรับโอสถ สีเขียวเข้มจะดื่มช่วงเช้า1 ลิตร ตอนเย็นอีก 1 ลิตร และก่อนนอนอีก 1 ลิตร วันหนึ่งจะดื่มโอสถวันละ 4 ลิตร น้ำนี้น่าจะเข้าไปช่วยกำจัดพิษในร่างกายอาจจะเป็นน้ำที่มะเร็งไม่ชอบ เอาไปล้างพิษในร่างกายออกมาเพราะเราเรากินเข้าไปวันละตั้ง 4 ลิตร ก็ต้องมีการถ่ายเทออกมา แต่เป็นเรื่องที่แปลกนะเวลาเรากินยาแคปซูลอะไรก็แล้วแต่เวลาเราปัสสาวะออกมาจะเป็นสีเหลือง แต่เวลาเราดื่มโอสถพวกนี้ เวลาปัสสาวะออกมาก็ยังใสแสดงว่ามันเอาไปใช้หมดเป็นเรื่องที่แปลก ใสกว่าปกติด้วยซ้ำไป


      ช่วงที่ไปที่นั่นใหม่ๆนอนหงายไม่ได้ มันปวดหลังมากต้องนอนคว่ำเหมือนจระเข้ หลังมันปวดร้าวไปหมดเพราะถูกมะเร็งทำลายไปเยอะรวมไปถึงหัวเข่าด้านซ้ายด้วย เวลานั่งหลังก็พิงไม่ได้


      เรื่องอาหารการกิน เขาจะให้ทานข้าวบาเล่ย์ กับข้าวก็เป็นกับข้วพื้นๆไม่มีอะไรมากมายเน้นผักเป็นส่วนใหญ่ ผักที่นี่เขาปลูกเอง ปลูกในกระโจม ปรับอุณหภูมิและไร้สารพิษ ดินที่ใช้ปลูกเปลี่ยนทุก 3 เดือน


        เขาบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดล้วนๆแต่ค่าใช้จ่ายสูงมากค่าใช่จ่ายต่อวันเขาคิด 1500 ดอลลาร์สหรัฐฯ  อาตมาอยู่ที่นี่ 30 วัน ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด มีระเบียบวินัย ถึงเวลาออกกำลังกายก็ต้องออก พักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ถึงเวลากินก็ต้องกิน มั่นใจว่าดีขึ้นแน่ อาการป่วยของอาตมาดีขึ้นตามลำดับเพียง 10 วันแรกเราจะสัมผัสได้เลยว่าเรามาถูกทางแล้วอาการปวดเริ่มลดลงๆร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิดกับวันแรกๆที่นอนร้องโอดโอยตลอดเวลา พอร่างกายแข็งแรงก็ขยับตัวเองไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยคนอื่นต่อ ก็คิดว่าเราน่าจะนำวิชาความรู้เหล่านี้ไปช่วยเหลือเพื่อนคนไทย ที่ต้องทุกข์ทรมานกับมะเร็งร้าย ถ้าจะให้ดีต้องบุกครัวเข้าไปช่วยในครัวจะได้จดจำโอสถยาให้ได้  แต่โชคร้ายเขาไม่อนุญาติ


     อาตมาจึงตัดสินใจว่าไหนๆก็เดินทางมาถึงที่สุดของชีวิตแล้ว จึงทรุดตัวลงคุกเข่าก้มกราบเขาจนกระทั่งเขาสงสาร จึงอนุญาตให้เข้าไปช่วยในครัว

 

             คิดถึงบ้านจึงขอกลับ

       อาตมารู้สึกร่างกายแข็งแรงแล้วเราไม่ตายแล้วคิดถึงบ้านก็เลยขอกลับ เขามาตรวจร่างกายเขาบอกร่างกายแข็งแรงดีเขาก็ให้กลับ

          อ่านต่อที่ บันทึกต่อไป นะคะ

 ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี

            

หมายเลขบันทึก: 347371เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2010 17:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม 2013 07:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

จองไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านใหม่ค่ะ

คิดถึงค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • รออ่านต่ออย่างใจจดจ่อค่ะ
  • ขอขอบคุณมากนะคะ ที่นำเรื่องราวเช่นนี้มาให้อ่าน

รออยู่ครับ พี่ กางมุ้งเลยพวกเรา ฮ่าๆๆๆ

สวัสดีค่ะคุณครูอ้อย

          ยาวมากๆต้องแบ่งบันทึก และก็จะมีต่อไปเรื่อยนะคะ ต้องมาอ่านนะคะจะได้บอกต่อได้ 15 ขุนพล ที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือเราๆควรกินค่ะที่บ้านเรามีหมดทั้ง 15 ขุนพล ท่านพ่อเลี้ยงวรรณใช้คำพูดนี้ค่ะ ดาใช้ตามทันที

                  

                  ในภาพนี้ มี 2 ขุนพล  ข้าวกล้อง และข้าวกล้องดอย

สวัสดีค่ะคุณครูคิม

         ค่ะคนเป็นกันมากมาย เพื่อนดาก็เป็น 2 คนมะเร็งเต้านม และคนรู้จักอีกหลายคน รู้จักท่านจากการฟังวิทยุ แล้วจด จนได้พอควรจากการฟังวิทยุแล้วทำแจก และส่งให้ท่านอ่านพร้อมทั้งขออนุญาติเผยแพร่ ท่านบอกในวิทยุยินดีให้เผยแพร่ ผู้ฟังโทรมาบอกวันที่ท่านพูดดาไม่ได้ฟัง แล้วดาจะค่อยๆลง เราทุกคนก็ควรจะกินอาหารที่ท่านสอน เป็นการป้องกันไปด้วยหรือตัวเราเองก็ไม่ทราบว่าจะมีเซลล์ผิดปกติหรือเปล่า หากมีโอกาสกินอาหาร 15 ขุนพลได้ทุกวันก็ยอดเยี่ยมค่ะ

           

                 วิตามินซี มะเร็งไม่ชอบค่ะ

สวัสดีค่ะคุณสามารถ

             พี่ดา ไปแวะ ฮาๆๆ บันทึกนั้นมีสัตว์น่ารักๆไว้บ้างก็ดีนะพี่ดามีน่ารักๆอีกแล้วจะนำไปไว้ให้อีกนะ  เปลี่ยนการกินอาหารบ้างนะคะ เราจะได้ไม่เป็นโรคตอนอายุมากๆ 

                

                         วิธีได้ อาหารสีม่วงหรือสีดำมาดื่ม 

             ได้จากการนำข้าวเหนียวดำหรือข้าวกล่ำมาชงชา

             ดื่มได้ทั้งวัน  มี ประโยชน์มากๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณพี่กานดามากครับ ที่มามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้อยู่กับเราไปนานๆ ขอบคุณครับ

 

พี่กานดาครับ บันทึก(2)ถ้าไม่ได้อ่านคืนนี้ ผมคงนอนไม่หลับแน่ครับ

ขอบคุณนะคะ รออ่านบันทึก พี่ดาจะลงเรื่องมะเร็งอีกมาก ว่างๆมาแวะอ่านนะ อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้าง นอนหลับได้หรือยัง พรุ่งนี้วันเสาร์คงหลับดีกได้ พรุ่งนี้พี่ดาเรียนเภสัชกรรมไทยได้ไปดูต้นไม้จริงที่สวนป่าแม่ออน คงได้เก็บภาพต้นไม้สมุนไพรมากมายอีก  พี่ดาชอบต้นไม้คงจะม่วนแน่ๆ วันนี้ได้กินน้ำผี้งสดๆใหม่ๆ เข้าไปหลายช้อน เขาพึ่งเอารังลงมาขึ้นไปทำไฟ กลับถึงบ้านตามมะนาวลงไป 2 แก้ว  สดชื่นหายร้อนเลย

           

         

ขอวิธีการดูน้ำผึ้งด้วยน่ะครับ ว่าน้ำผึ้งแท้หรือไม่แท้ดูกันยังไงครับ พี่กานดาขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณ สามารถ

         การดูน้ำผึ้งแท้หรือไม่แท้ พี่ดาเองไม่ค่อยทราบเหมือนกัน พอทราบบ้างแต่ไม่มั่นใจ ในแต่ละวิธี  แต่พี่ดาขอแนะนำ คลิก google ว่า น้ำผึ้งแท้ดูอย่างไร หรือน้ำผึ้งแท้ ซึ่งขนาดพี่ดาเข้าไปดูพออ่านแล้วบางอย่างก็ไม่แน่ใจ โดยเฉพาะตรงที่บอกว่า มดไม่ขึ้น เพราะพี่ดามั่นใจว่าแท้   ของพี่ดาแท้มดก็ขึ้น  ลองเข้าไปอ่านดู แล้วลองทดลองดูนะคะ มีการทดสอบหลายอย่าง 

                  

  • อ่านแล้วได้แง่คิดข้อธรรมอย่างมากค่ะ ดีใจที่แวะเข้ามาใน G2K และได้เปิดอ่านพอดี มีประโยชน์สำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเราทุกคนมากค่ะ
  • ขอบพระคุณจริง ๆ

สวัสดีค่ะคุณ Sila Phu-Chaya

         ค่ะมีประโยชน์กับพวกเรามากจริงๆ  อาหารในปัจจุบัน หลายอย่าง หากทานมากเกินโรคก็ตามมา เพราะบางคนก็ทราบว่าไม่ถูกต้อง ก็ยังทานเพราะอร่อย แต่บางคนไม่ทราบเลยว่ามีโทษ  เมื่อหมอบอกถึงทราบ การใช้สารเคมีในการทำเกษตรก็เช่นกัน ท่านพ่อเลี้ยงวรรณเป็นมะเร็งสาเหตุหนึ่งเพราะใช้สารเคมีในการปลูกมันฝรั่งฯค่ะ 

               

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท