ออทิสติก


โชคดีของชีวิตที่มีลูกเป็นออทิสติก

ดิฉันมีลูกชาย เป็นออทิสติก แรกๆ เป็นทุกข์มากเพราะดิฉันไม่เข้าใจลูก ต่อมาดิฉันเข้าใจลูก...แล้วก็เข้าใจตัวเอง...เข้าใจผู้อื่น ...ในที่สุดก็เข้าใจธรรมชาติ...ถึงได้รู้ว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ที่เรามอง แต่ไม่เห็น...ธรรมะก็คือตัวเราเป็นแต่เราไม่รู้... ถึงวันนี้เลี้ยงลูกออทิสติกมา 10 ปี นับเป็นโชคดีของชีวิตจริงๆ...ที่บ้านมีเรื่องสนุกๆ ทุกวัน ทุกคนในบ้านไม่ต้องไปหาความสนุกจากนอกบ้าน...เพราะในบ้านก็มีแต่เรื่องขำ  ๆ และชวนให้หัวเราะได้ทุกวันอยู่แล้ว...อย่างเมื่อวาน 12 มิถุนายน 2549 กลับจากโรงเรียน ก็มารีบเปิดวิทยุ อสมท. ร้อยเอ็ด ปรากฏว่า เป็นเสียงบรรยายพิธีเฉลิมฉลองครองราชครบ 60 ปี ก็แสดงอาการไม่พอใจอย่างมาก ..."ทิ้งซะ ทิ้งซะ !!... มันไม่มีแล้ว" ทำท่าทางจะโยนวิทยุที่ตัวเองฟังอยู่ทุกวันทิ้ง... แต่แล้วก็ไม่กล้าทิ้ง ปิดวิทยุ แล้วก็ร้องไห้...สักพักก็มากอดแม่ แล้วก็พูดกับแม่ว่า " โอ๋...อย่าร้องไห้นะ ไม่เป็นไร "  พูดเอง...ปลอบใจตัวเอง...แต่ก็ยังร้องไห้ ก็เที่ยวกอดคนโน้นคนนี้ในบ้าน แล้วก็บอกว่า " โอ๋...อย่าร้องไห้นะ ไม่เป็นไร " เมื่ออารมณ์ ไม่ดี ก็ไม่ยอมทานข้าว จนถึง ประมาณ 3 ทุ่ม พิธีที่ดูทางทีวีเสร็จ เขาก็รีบไปเปิดวิทยุ...แล้วก็หัวเราะชอบใจ...เช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็พูดกับแม่ว่า "ทีหลังอย่าร้องไห้นะ" 

 ดิฉันจึงถามว่า "เมื่อกี๊...จิงเซงร้องไห้ทำไม.."

"ร้องไห้ถ่ายทอดสดครับ.." พูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ แล้วก็รีบทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนกับว่าที่ผ่านแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น..

คำสำคัญ (Tags): #ออทิสติก
หมายเลขบันทึก: 33859เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2006 09:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 10:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
     ผมสนใจและทำงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการในหลาย ๆ ประเด็น ครั้งหนึ่งเคยไปนำเสนอที่เวที ลปรร.ณ สวรส.ภาคใต้ มอ.ว่าความรู้และความเข้าใจเรื่องบุคคลที่เป็น ออทิสติก ของผมมีน้อยมาก อยากจะให้ใครได้มาเล่าเรื่องใน GotoKnow.org ไว้บ้าง
     วันนี้สิ่งที่ผมคาดหวังไว้เริ่มเห็นภาพแล้ว มีอะไรก็ขอนำออกมา ลปรร.กันไปเรื่อย ๆ นะครับ เพื่อผมและทีมงานจะได้นำไปคิดหาวิธีจัดการต่อ
     เราเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพและมีปัญญาอยู่ในตัวไม่ว่าเขาคือใคร สำคัญอยู่ที่สังคมได้ให้โอกาสเขาอย่างเข้าใจเขาเหล่านั้นเพียงพอหรือยังครับ

เป็นแม่คนหนึ่งที่มีลูกเป็นออทิสติกคะ ได้รักษา(กิจกรรมบำบัด) โดยนักกิจกรรมบำบัดประมาณ เกือบปี สัปดาห์ละ 2 วัน (พบตอนลูกอายุ 1 ปี 10 เดือนคะ) เวลานอกเหนือจากนั้นก็คือ แม่กับพ่อค่ะ ทำตาที่นักกิจกรรมบำบัดแนะนำ ตั้งแต่การนวดตัว กระตุ้นปลายประสาท ฝึกพูดด้วยกันหน้ากระจก  ฯลฯ จนบัดนี้ อายุ 8 ปี 8 เดือน แล้วค่ะ เรียนหนังสือกับเด็กปกติตลอด ตอนอนุบาล 1 อาการยังมีอยู่ จะชอบมุดอยู่ใต๊ะ กลัวการตัดผม เพราะคิดว่าเจ็บ ต้องแอบตัดให้ตอนหลับ (แหว่งตลอด) ไม่ชอบสระผม ชอบดูของหมุน อาการค่อยๆดีขึ้น ถ้าจะเปรียบอาการแบบเห็นง่ายๆก็คือ ถ้าเปรียบเทียบสภาพปัจจุบันกับอดีต เหมือนคนที่โดนผีเข้า แล้ว ผีก็ออกไปอย่างนั้นแหละคะ เพราะตอนนี้ ถ้าไม่บอกใครว่าลูก "เคย" เป็นออทิสติก จะดูไม่ออกเลยคะ    ลองเข้าไปอ่านใน blog ของ bigmooma นะคะ เผื่อจะได้ share กันบ้าง

มีเรื่องตลกแถมคะ เรื่องนี้เกิดตอนที่ อาการเขาดีแล้ว และคิดจะบอกเขาว่าเขาเป็นอะไร จะได้ระวังตัวและให้สังเกตพฤติกรรมของคนอื่นที่ปกติเข้าทำอย่างไร เพราะเขามักจะพูดในสิ่งที่เขาคิดทันที โดยไม่คิดถึง"กฎทางสังคม" เช่น เขาจะลงลิฟท์ และในลิฟท์มีชายหัวล้านอ้วนลงพุงอยู่ 1 คน เขาก็จะพูดว่า "อ้วนแล้วยังหัวล้านอีก" ดิฉันจะห้ามก็ไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแหยๆ ดีว่าเขาไม่โกรธ  หรือตอนที่ดิฉันจะบอกว่าเขาเป็นออทิสติกนะ เขาก็ตอบว่า "ดีซิแม่ ปากจะได้ไม่แตก" เขาคิดว่าคืือลิปสติก ดิฉันต้องตั้งสติ แล้วอธิบายใหม่ ถ้าถามว่า สมควรหรือที่ไปบอกว่าลูกเป็นออทิสติก ในมุมมองของดิฉัน คิดว่าจำเป็นเมื่อเราพิจารณาแล้วว่าเขามีพัฒนาการที่ทันเพื่อน และมีสัญชาตญาณแบบคนปกติแล้ว เพื่อเขาจะได้ไม่ทำอย่างนั้นอีก เพราะหมอบอกว่า ออทิสซึ่มเหมือนเป็นดรคหัวใจ หากรักษาให้หายแล้วก็ยังมีโอกาสกลับมาได้อีก หากได้รับสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น ไม่ให้เขามองน้ำในชักโครก เวลากดน้ำ เพราะน้ำจะหมุนวน (เด็กออทิสติกจะชอบดู) บอกเขาว่า ถ้าหนูไม่อยากป่วยอีกก็อย่างดู

ปัจจุบันนี้อาการเกือบปกติ ประมาณ 98 % อีก 2% ยังมีบ้างที่ไม่เข้าใจกฎทางสังคม ต้องคอยอธิบายเพิ่ม

ยินดีให้ข้อมูลที่พอจะช่วยทุกคนได้ตามประสบการณ์ที่ได้เจอมาคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท