การจัดการความรัก "ทุกข์คือของขวัญอันยิ่งใหญ่"


การฟังเรื่องเล่าของกันและกันด้วยความเมตตาต่อผู้อื่น และอุเบกขาต่อความรู้สึกภายในของตนเองย่อมนำไปสู่การยกระดับจิตใจของตนเองให้เติบโตด้วยความเข้าใจในสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นและรู้เท่าทันในสิ่งที่มากระทบตัวเราตามความเป็นจริงโดยปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ

     จุดเริ่มต้นบนสะพานบุญ

 

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ยังเป็นสัจธรรมอยู่คู่โลก 

 

 วันแห่งความรักตามที่ผู้เขียนเคยเข้าใจตั้งแต่จำความได้คือความรักหนุ่มสาว  ซึ่งเป็นความหมายที่ผิวเผินมาก  พอโตมาหน่อยก็มองความรักเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวและสังคม  ซึ่งก็ยังคงเป็นความหมายทางโลกที่ใคร ๆ ก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

  

มิติแห่งความรักเปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์ของตัวเราที่ได้เรียนรู้ในแต่ละห้วงเวลา แม้คนเราผ่านพบความสุข ความดีใจ ความเศร้าใจ ทุกข์ใจ อาจจะมีบาดแผลหรือความเจ็บปวดใด ๆ เหมือนกัน แต่ปฏิกริยาตอบโต้ต่อสิ่งเร้าที่มากระทบก็แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าปล่อยให้กิเลสตัวใดมีอิทธิพลต่อเรามากที่สุด

                            

ความรักในบทนิยามใหม่ที่ผู้เขียนได้เรียนรู้เติมเต็มให้เติบโตขึ้นอีกเป็นประสบการณ์ที่ได้จากการไปเป็นกระบวนกรนำวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เสถียรธรรมสถาน ซึ่งมีคุณนายดอกเตอร์ (พี่นุช) เป็นสะพานบุญให้พวกเรามาร่วมสร้างกุศลด้วยกัน ทีมงานเราประกอบด้วย พี่นุช คุณเอก _จตุพร คุณหนานเกียรติ คุณวิมลและคุณฉัตรจากกรมอนามัย  น้องเปิ้ล รวมทั้งตัวผู้เขียนเอง

 

พี่นุชกับผู้เขียนทำการบ้านเกี่ยวกับโจทย์ที่เปลี่ยนไปมาในแต่ละวันก่อนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓  ที่ผ่านมา  แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก  แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนหนักใจแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะจิตเป็นกุศลที่รู้สึกได้ว่าขอเพียงเราทำอะไรด้วยสติก็พอ จึงค่อนข้างสบายใจในทุกเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่  การเตรียมตัวต่อประสบการณ์แปลกใหม่ก็มีน้อยลงไปเรื่อย ๆ ...ถึงจุดหนึ่งจึงรู้ว่าเครื่องมือนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ขอเพียงค้นหาให้เจอ

 

                          

                                        การแบ่งกลุ่มตามกิเลส

เมื่อถึงเวลาที่ทีมงานของเรานัดหมายกันก่อนเริ่มกระบวนการ  เราได้ฟังที่มาของการจัดกิจกรรมครั้งนี้จากแม่แอ้ม อาสาสมัครเสถียรธรรมสถาน ซึ่งได้อธิบายถึงการทำงานของ สช. และการมีทีมงานที่มาร่วมมือกัน ได้แก่ เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิสยามกัมมาจล และป่าใหญ่ครีเอชั่น  

 

แม่แอ้มเล่าถึงกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่มีความหลากหลายมาก ได้แก่ กลุ่มครูในจังหวัดปัตตานีมีอายุระหว่าง ๔๐ ปี จนถึง ๗๐ ปี ประมาณ ๕๐ คน ซึ่งอยู่กันคนละหมู่บ้าน  กับกลุ่มอาจารย์และนักศึกษาอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัย ๑ แห่งอีกประมาณ ๑๐ คน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม “cases” ที่มีปัญหาด้านสุขภาพกายและใจ หรือ “cases” ที่มีปัญหาด้านจิตใจจนต้องได้รับการเยียวยา เนื่องจากจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

 

โจทย์ท้าทายคือทำอย่างไร เราจะให้พวกเขาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างเปิดใจ ทั้งที่ไม่ได้คุ้นเคยกันมาก่อน หรือแม้ว่าอาจจะผ่านการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันมาก่อนหน้านี้ ๑ วัน แต่ก็คงไม่ถึงขั้นอยากเล่าเรื่องส่วนตัวที่ลึกที่สุด... หรือเจ็บปวดที่สุดของตนเองได้...กลุ่มที่มารวมกันนี้ ไม่ได้ผ่านการ mapping โดยมีเป้าหมายสำคัญอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนมาก่อน  และก็ไม่ได้ผ่านการทำกิจกรรมนวดความรู้สึกให้ไว้วางใจกันมาก่อนด้วยเช่นกัน

 

 

นับว่าเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของการเป็นกระบวนกรแลกเปลี่ยนเรียนรู้

"การแบ่งกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งมีความหลากหลายแตกต่างกันทางบริบทอย่างมาก"

 

การแบ่งกลุ่มมีนัยยะสำคัญทำให้เกิดการเล่าเรื่องอย่างลื่นไหล ก่อนที่จะนำมารวมกันในกลุ่มใหญ่ หรือนำมาคละกันได้  เราควรให้ความสำคัญกับการแบ่งกลุ่มสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกัน โดยคำนึงถึงจุดร่วมที่จะให้เขากล้าเปิดเผยเรื่องลึก ๆ อย่างเปิดใจ

           

กระบวนกรไม่เพียงแค่ทำให้เกิดบรรยากาศให้ทุกคนในวงได้กล้าเปิดเผยเรื่องเล่าของตนเองให้ผู้อื่นเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมต่อให้เกิดแรงบันดาลใจกับใครหลายคนในวงที่ได้แลกเปลี่ยนเรื่องเล่าซึ่งกันและกันได้อีกด้วย

  

การแบ่งกลุ่มตามศาสตร์นพลักษณ์ คือสิ่งที่คุณเอก_จตุพรเสนอ และผู้เขียนก็ต้องคิดวิธีการแบบสด ๆ ร้อน ๆ เพราะเวลาจำกัดมากจริง ๆ  และจึงเลือกที่จะให้แบ่งกลุ่มกันตามกิเลสตนเอง

  

คำถามสั้น ๆ ที่ผู้เขียนถามคือทุกคน ณ ที่นี้ผ่านการปฏิบัติธรรมมาแล้วใช่ไหม หรืออย่างน้อยก็ขอให้ผ่านการทบทวนสภาวะอารมณ์ของตนมาแล้วก็พอ  ซึ่งเมื่อได้รับการยืนยันว่าทุกคนผ่านการเฝ้าสังเกตอารมณ์ทุกข์ของตนมาก่อน ผู้เขียนก็ขอให้ทุกคนหลับตาเพื่อระลึกถึงอารมณ์ที่เรามักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดและทำให้เราเป็นทุกข์มากที่สุด  ได้แก่ อารมณ์โกรธ ...อารมณ์กลัว วิตกกังวล...  และอารมณ์ห่วงหาอาทรผูกพัน   ซึ่งก็คือ โกรธ  โลภ (กลัว)  และหลง นั่นเอง

        

ผลปรากฎที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือแต่ละกลุ่มสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และพูดในประเด็นร่วมเดียวกันอย่างเห็นอกเห็นใจ

  

ความรักเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ ทุกข์คือของขวัญอันยิ่งใหญ่ให้เห็นธรรม

          

การมีรักที่ไม่เป็นดั่งใจ นำพาให้เกิดทุกข์ ซึ่งมีกิเลสหลักผุดขึ้นมาไม่เหมือนกัน ได้แก่ โกรธ กลัว และหลงมัวเมา

  

แต่ละกลุ่มที่แบ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามอารมณ์กิเลสนั้น ขึ้นอยู่กับทีม FA คุณภาพของเราที่จะนำวง  ซึ่งไม่ว่าจะนำประเด็นคำถามอะไรไป สุดท้ายแล้วสิ่งที่สะท้อนออกมาก็คืออารมณ์แท้จริงเบื้องลึกของผู้เล่านั่นเอง

 

                       คำถามเชิงบวก แต่กลุ่มอยากเล่าอารมณ์ทุกข์ตามกิเลส

การพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะจากเป็น หรือจากตาย การถูกคนที่รักทำร้ายอย่างทารุณ ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย หรือด้านจิตใจ ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดความโกรธแค้นพยาบาท และซึมเศร้า…อารมณ์แปรปรวนหลายแบบ ไม่มั่นคงทางอารมณ์ อันสืบเนื่องมาจากรักที่ไม่เป็นดั่งใจที่ปรารถนา

  

กลุ่มที่มีความโกรธเป็นกิเลสหลัก ก็จะอธิบายประสบการณ์ความรักที่เจือด้วยโทสะจนถึงขั้นการเรียนรู้ที่จะให้อภัยและปล่อยวาง

กลุ่มที่มีความกลัวเป็นพื้นฐานก็จะหาเครื่องมือที่จะป้องกันความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย จากกลัวจนถึงที่สุดก็กลายเป็นกล้าหาญที่จะเผชิญกับสิ่งที่กลัว 

และกลุ่มที่หลงในความรู้สึกผูกพันก็ยังต้องการกำลังใจจากกัลยาณมิตรเพื่อเยียวยาชีวิตจิตใจให้มีพลังเข้มแข็ง

กลุ่มหลง ๑

 

    กลุ่มหลง ๒

  

สิ่งที่อยู่เบื้องหลังแต่ละภาพข้างบนนี้คือแหล่งสะสมประสบการณ์ความทุกข์มากมายมหาศาลที่ยากสำหรับมนุษย์ผู้หนึ่งจะแบกรับไว้ได้  แต่สิ่งที่เป็นข้อค้นพบยิ่งใหญ่ที่เราต่างหลงลืมไปคือ... 

 

ทุกข์เป็นเรื่องสากล ไม่ว่าทุกข์ระดับไหน ทุกข์อย่างไร ก็คือทุกข์ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้รู้สึกทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จึงไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาแห่งทุกข์นั้น  แต่อยู่ที่เราเก็บเอาทุกข์ไว้ภายใน ไม่ปล่อย  ไม่วาง  ไม่ละ จึงอยู่ที่สภาวะอารมณ์ของเรา  ซึ่งไม่เข้าใจและมองไม่เห็นไตรลักษณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

 

ความทุกข์ใด ๆ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครเป็นผู้เล่า เล่าเรื่องอะไร แต่มันอยู่ที่ว่าเราได้อะไรจากเรื่องเล่า ดังนั้น สิ่งที่สกัดออกมาจึงไม่ใช่การเล่าเรื่องอะไร แต่คือเราเรียนรู้อะไร และวิธีผ่านจุดนั้นไปต่างหาก 

 

เมื่อมีผู้เล่าเรื่องราวความทุกข์แสนสาหัส  ผู้ฟังคนอื่นจะรู้สึกว่าเรื่องทุกข์ของตนจิ๊บจ๊อยมาก ทำให้ไม่กล้าเล่า  ผู้เขียนจึงบอกไปว่าขอให้เล่าวิธีจัดการกับความทุกข์นั้นก็ได้  หรือเราจะชื่นชมผู้เล่าคนอื่นก็ได้  ซึ่งก็คือการดูแลหัวใจกันผ่านความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนร่วมสังสารวัฎนั่นเอง

 

 

บทเรียนที่ได้รับผ่านประสบการณ์ที่หวานขมและเจ็บปวดของผู้เล่าทำให้เราได้เรียนรู้เสมือนหนึ่งว่าร่วมผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาด้วยกัน หรือนั่นเป็นเพราะว่าเรารู้สึกถึงความเป็นกัลยาณมิตรที่อยู่ในวัฏสงสารเดียวกัน

                   

หลายเรื่องเล่าที่แลกเปลี่ยนกัน ผู้เล่ามีความกล้าหาญที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่ทุกขเวทนาจากผลพวงแห่งความรักที่เป็นบ่อเกิด…

การผ่านความทุกข์ทางใจอย่างถึงที่สุดทำให้เรียนรู้ที่จะรักให้เป็น  .... เป็นรักที่เปี่ยมด้วยเมตตา....เมตตามีรากศัพท์มาจากมิตรไมตรี  จึงมีความเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกับคำว่ากัลยาณมิตรที่มาแบ่งปันความสุขทุกข์ร่วมกัน

 

หลายคนมีข้อค้นพบจากบทเรียนประสบการณ์ความรักที่เจ็บปวด  นั่นก็คือขอบพระคุณผู้มอบบทเรียนความทุกข์ที่ทำให้พวกเขาได้พบของขวัญอันยิ่งใหญ่...การทำให้เห็นธรรมนำไปสู่การให้อภัยและการมีเมตตา

 

               เมื่อถึงจุดปล่อยวางจนว่างแล้วเราจะเห็นว่ารักเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์

                              หากว่ารักนั้นเจือราคะ โทสะและโลภะ 

                เราจึงควรรู้จักรักอย่างมีเมตตาแล้วจะพบค่าแห่งกัลยาณมิตร

 

 

การฟังเรื่องเล่าของกันและกันด้วยความเมตตาต่อผู้อื่น และอุเบกขาต่อความรู้สึกภายในของตนเองย่อมนำไปสู่การยกระดับจิตใจของตนเองให้เติบโตด้วยความเข้าใจในสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นและรู้เท่าทันในสิ่งที่มากระทบตัวเราตามความเป็นจริงโดยปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ

                                                  

                                                 ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์   

                                                        ทุกข์มีไว้รู้

                           ------------------------------------------------------- 

ขอขอบพระคุณคุณนายดอกเตอร์ (พี่นุช) สะพานบุญที่นำผู้เขียนได้มีโอกาสทำหน้าที่กระบวนกรในวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการความรัก เพื่อค้นพบของขวัญที่ยิ่งใหญ่    จากบันทึก "โลกนี้ไม่มีบังเอิญ" ตาม  http://gotoknow.org/blog/k-creation/336993

 

เป็นความบังเอิญที่ไม่บังเอิญที่เราสามคน คุณนายดอกเตอร์ (พี่นุช)  คุณเอก จตุพร และผู้เขียนได้ลงบันทึกในวันเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย  "ความรักเเละการเยียวยา - กุศลบันดาลที่เสถียรธรรมสถาน" ตาม http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/336959 

 

หมายเลขบันทึก: 337046เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2010 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

แฮะ แฮะ โกรธ รัก ชัง หลง อะไรเนี่ย ผมไม่ใคร่ทราบครับ ... ห่างธรรมให้สมกับเป็นมารหน่อย

รู้อย่างเดียวว่า ตอนนี้ผมเข้ามาเยี่ยมบันทึกของอาจารย์นพลักษณ์ ๙ เสื้อสีน้ำตาลเข้มคนนั้น ;)

  • สาธุครับพี่ศิลา
  • ยังไม่เคยไปครับ
  • อยู่ใกล้มาก ต้องหาโอกาสไปซะแล้ว
  • ขอบคุณครับ

อยู่ในความตั้งใจอันนึงที่จะไปที่นี่ค่ะ..

อ่านแล้วก็สบายใจดีนะคะพี่ศิลา..เคยอ่านหนังสือของท่านแม่ชีศันสนีย์แล้วรู้สึกดีมาก..ทึ่งในแนวคิดและแนวการปฏิบัติตนของท่านมากค่ะ..

ขอบคุณมากค่ะ..^^

สวัสดีค่ะ

 

อ่านแล้วรู้สึกดี เขียนอ่านแล้วเพลิน ชวนให้คิด สัมผัสถึงความเย็น สงบ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้มาเจอคนคอเดียวกัน... เพราะ ครูใจดีชอบอ่านหนังสือธรรมะ และปฏิบัติธรรม แต่การไปปฏิบัติธรรมที่วัด ไปเมื่อมีเวลาและโอกาส  แต่ชีวิตประจำวัน ปฏิบัติธรรมด้วย การคิดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนใคร และมองโลกเชิงบวก

ได้อ่านหนังสือของแม่ชีศันสนีย์ บ่อยๆ ทั้งหนังสือเป็นเล่ม และข้อคิดข้อปฏิบัติตามวารสารรายปักษ์ เช่น Lisa  อ่านทุกฉบับเลย  ชอบมากๆ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ไปทักทายครูใจดี  และทำใหครูใจดีได้มีโอกาสเข้ามารู้จักและอ่านเรื่องราวที่ดีเช่นนี้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

         

 

เจริญพร โยม Sila Phu-Chaya

ธรรมชาติของคนเราเมื่อได้อะไรมาแล้วก็มักจะเกิดการยึดติด (อุปาทาน)คือ

  • ยึดติดในสิ่งที่ได้มา ซึ่งเป็นวัตถุแห่งกาม อันเป็นที่รักที่พอใจทั้งปวง (กามุปาทาน)
  • ยึดติดในวิธีการแสวงหา ที่ทำให้ได้มาซึ่งกามคุณ (สีลัพพตุปาทาน)
  • ยึดติดในความเชื่อหรือความเห็น ว่ายอดเยี่ยมดีแล้ว (ทิฏฐุปาทาน)
  • ยึดติดในตนเอง ว่าเป็นผู้เลิศ เป็นผู้ได้ ผู้มี ผู้เป็น (อัตตวาทุปาทาน)

เจริญพร

 

  • บุกมาถึงถิ่นอย่างนี้ ตกใจหมดเลยค่ะท่านอาจารย์นพลักษณ์ 10 Pไม่ได้ป๊ะกันตั้งนาน สบายดีไหมคะ มหาวิทยาลัยปิดเทอมแล้วฤา รัวคำถามเยอะไปหน่อยค่ะ สงสัยระลึกถึงมากไปนั่นเอง

สวัสดีครับ

"เพราะจิตเป็นกุศลที่รู้สึกได้ว่าขอเพียงเราทำอะไรด้วยสติก็พอ"

เป็นสิ่งที่ท้าทายความีจิตสาธารณะของทีมงานมากเลยครับ

ขอชื่นชมครับ

  • เคยอ่านประวัติของแม่ชีศันสนีย์แล้วทึ่งท่านมาก
  • อยากมีโอกาสได้ไปสัมผัสที่นั่นสักครั้ง
  • ส่งความรักความปราถนาดีมาให้เนื่องในช่วงวันแห่งความรักนะคะ

ดีจังเลยลูก อ่านแล้วได้ความรู้ไปอีกแบบ ป๊ะอยากจะชวนลูกกลับไปอ่านบันทึกอีกครั้ง มีเรื่องเตือนผู้หญิงด้วย

เขียนเล่าอย่างฉายให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างงดงาม สดชื่น เบิกบานใจอย่างยิ่งเลยค่ะคุณศิลา ทำให้สะพานบุญ (ที่เป็นเพียงแค่สะพานจริงๆ) ปลาบปลื้มที่ได้เป็นสื่อนำผู้มีความสามารถทางโลกและเข้าถึงธรรม มีจิตใจดีงามได้มาสร้างกุศลร่วมกันในครั้งนี้ พี่ขอโหนบุญไปด้วยคน ^___^

พี่คิดว่าเป็นกรรมดีที่สร้างมาร่วมกันทำให้สามารถชวนทุกคนมาช่วยทำงานนี้ได้อย่างมีจิตแจ่มใสตั้งแต่ต้นจนเสร็จงาน แม้การเปลี่ยนแปลงหรือความไม่ชัดเจนในงานจะเกิดขึ้นตลอดเวลาแต่พวกเราล้วนมีใจสบายๆ โปร่งเบาไม่หนักใจอะไร ทางผู้ประสานงานของเสถียรธรรมสถานบอกว่าคุณแม่ชีศันสนีย์ฝากขอบคุณคณะทำงานที่ไม่เคร่งเครียดกับการที่โปรแกรมไม่นิ่งจนถึงวันทำงานจริง

พี่บอกกับคุณแอ้มว่าไม่ต้องกังวลเพราะแค่บอกบุญไปแล้วพวกเราพร้อมใจกันมา เราได้พบกันก็มีความสุขแล้ว เนื่องจากปกติก็ไม่ใช่ว่าจะได้พบกันได้ง่ายๆหรือบ่อยนัก 

พี่เห็นด้วยกับคุณศิลาและดีใจที่คุณศิลาชี้ให้เห็นชัดเจนว่า...

 ...อาจจะเป็นเพราะจิตเป็นกุศลที่รู้สึกได้ว่าขอเพียงเราทำอะไรด้วยสติก็พอ จึงค่อนข้างสบายใจในทุกเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่  การเตรียมตัวต่อประสบการณ์แปลกใหม่ก็มีน้อยลงไปเรื่อย ๆ ...ถึงจุดหนึ่งจึงรู้ว่าเครื่องมือนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ขอเพียงค้นหาให้เจอ

สวัสดีคุณศิลา

เรื่องของความรัก

หนูได้อ่านคู่มือมนุษย์ ที่เขียนโดย ท่านพุทธทาส มันเป็นความอยากของมนุษย์ ที่เราต้องรู้เท่าทัน แล้วดับมัน

จะได้ไม่ทุทข์ค่ะ

สวัสดีครับ

  • "สวรรค์ในอกนรกในใจ" ครับท่าน
  • มารับรู้เรื่องราวดีๆมีประโยชน์
  • สวัสดีค่ะ คุณครูโย่ง หัวหน้า~ natadee  อยู่ใกล้อย่างนี้ สนับสนุนให้ไปบ่อย ๆ เลยนะนะ เหมาะสำหรับครอบครัวที่จะไปลปรร เพราะมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวมากมาย ส่งเสริมให้คนไทยรักสถาบันครอบครัวโดยใช้ธรรมะเป็นยาชูกำลังใจค่ะ
  • ขอบพระคุณนะคะที่กรุณาแวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ  ช่วงนี้ไม่ว่างเลย มีเวลาเมื่อไหร่จะนึกถึงเป็นบุคคลสำคัญต้น ๆ ที่จะเยี่ยมเยียนเลยค่ะ

เห็นแล้วชื่นใจ เกือบจำพี่หญิงนุช ไม่ได้เลยเชียวค่ะพี่ศิลา

หากแต่จำพี่หญิงศิลา(มณี) ได้เพราะออกทีวีบ่อย หน้าคล้ายคุณแม่ในโฆษณาเลย ;)

ธรรมะจัดสรร สิ่งดีๆได้ร่วมกัน ... ชอบบรรยากาศที่เสถียรธรรมค่ะ

  • สวัสดีค่ะ คุณครูแอ๊ว เปลี่ยนรูปใหม่ เก๋ไก๋ จำไม่ได้อีกแล้ว
  • ดีใจที่แวะมาเยี่ยมค่ะ  หากอยู่ไม่ไกลเสถียรธรรมสถาน  ก็ถือว่าเป็นสถานหนึ่งที่น่าเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ค่ะ 
  • บางโอกาส คนอาจจะคึกคักสักหน่อย แต่จิตใจเราจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันค่ะ ทุกคนมีแต่จะยิ้มแย้มแจ่มใสค่ะ หากว่างก็เชิญไปเยี่ยมได้เลยค่ะ  เผื่อมีโอกาสแวะไปพบกันจะได้เลี้ยงอาหารมังสวิรัติค่ะ ในฐานะพี่สาวที่คิดถึงน้องเสมอค่ะ
  • คุณครูใจดี P  ใจ ดี  สมชื่อเลยค่ะ  ใจ ดี ที่ไม่เบียดเบียนใครแม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิด ก็นับว่าประเสริฐแล้วค่ะ 
  • ดีใจที่ได้รู่จักและทักทายเป็นกัลยาณมิตร ณ ที่แห่งนี้ค่ะ 
  • ธรรมรักษาค่ะ
  • กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระปลัด P เจ้าค่ะ
  • ขอน้อมนำธรรมโอวาทของท่านมาปฏิบัติค่ะ
  • กราบขอบพระคุณค่ะ
  • สวัสดีค่ะ คุณ Airz  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
  • ฝากรอยยิ้มไว้ จึงได้ตามไปฝากรอยจารึกอักษรไว้เช่นกันค่ะ
     
  • ขอบพระคุณคุณ บินหลาดง มากค่ะที่แวะมาให้กำลังใจ  แวะไปเยี่ยมบันทึกของท่านแล้ว ชื่นชมวิธีคิดของท่านมากค่ะ
  • ขอบพระคุณพี่ครูอรวรรณ มากค่ะ ดอกกุหลาบหลายสี ตระการตาจริง ๆ ไม่ค่อยว่างเข้ามาใน G2K เลยค่ะ แต่ระลึกถึงเสมอนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท