พบนายกฯ (2)

       หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่เทศบาลตำบลล้อมแรด  ก่อนที่จะเดินทางไปที่แม่พริก  ผู้วิจัยกับพี่นกถือโอกาสหาอาหารเที่ยงทาน  เพราะ  เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว  พวกเราอาศัยก๋วยเตี๋ยวร้านข้างทางประทังชีวิต (น่าเห็นใจจริงๆ ฮิ ฮิ!) พอทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็มาซื้อขนมนมเนยที่ร้านค้าสวัสดิการของบ้านดอนไชยตุนเอาไว้  ก่อนที่จะข้ามถนนมารอรถเพื่อต่อไปที่แม่พริก

       โปรแกรมแรกในช่วงบ่าย  คือ  การเข้าพบนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก  เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโครงการฯ และ  ยื่นหนังสือเรื่องตำบลละแสน (ที่แสนจะวุ่นวาย)

       จากการพูดคุยกับท่านนายกฯ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า  ท่านมีความสนใจในเรื่องสวัสดิการ  โดยเฉพาะใน 3 ส่วน  คือ

       1.เด็กในวัยเรียน  ที่ยังขาดแคลนทุนการศึกษา  อาหารกลางวัน  ส่วนนมมีอยู่อย่างพอเพียงแล้ว

       2.คนพิการ

       3.ผู้สูงอายุ  ตอนนี้ทาง อบต. จ่ายเบี้ยยังชีพเดือนละ 300 บาทให้กับคนชราในพื้นที่รับผิดชอบได้แล้วประมาณ 100 กว่าคน  แต่ก็ยังคงมีคนชราที่ทาง อบต. ยังไม่ได้จ่ายเบี้ยยังชีพให้เกือบ 200 คน

       ท่านนายกฯ บอกว่า  อบต.ของท่านได้รับงบประมาณมาน้อย  แต่ต้องดูแลหมู่บ้านถึง 15 หมู่บ้าน  ทำให้บางครั้งงบประมาณกระจายไม่ทั่วถึง  แม้ว่าในความเป็นจริง อบต. แม่พริกนี้จะสามารถยกฐานะเป็นเทศบาลได้แล้ว  ซึ่งจะทำให้ได้รับงบประมาณที่จัดสรรมาเพิ่มมากขึ้น  แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้  เพราะ  ท่านและสมาชิกเทศบาลเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง   สมาชิกเทศบาลยังอยากที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อ  หากทำเรื่องยก อบต.ขึ้นเป็นเทศบาล  จะต้องเลือกตั้งใหม่  ซึ่งสมาชิกเทศบาลไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น  ท่านจึงต้องรอเวลาให้ท่านใกล้หมดวาระ  ท่านจึงจะทำในเรื่องนี้ได้

        จากการพูดคุยกับท่านนายกฯ ผู้วิจัยเห็นว่า  ปัญหาในการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มชุมชนกับเทศบาลไม่น่าจะติดขัดในเรื่องงบประมาณ  แต่น่าจะติดขัดในเรื่องกฎหมายมากกว่า  เพราะ  จากที่ได้พูดคุย  ท่านนายกฯบอกว่า  ตอนที่ท่านไปเป็นประธานในการประชุมใหญ่กลางปีของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลแม่พริก  ท่านสนใจในเรื่องการจัดสวัสดิการแก่คนชรา  คนพิการมาก  เพราะที่ผ่านมาการพัฒนามุ่งไปที่การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคมากกว่า   ต่อไปท่านอยากจะพัฒนาในส่วนของคน  แต่พอให้ทางเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อกฎหมายในเรื่องการสนับสนุนกลุ่มที่ทำเรื่องสวัสดิการ  เจ้าหน้าที่บอกว่าติดขัดในเรื่องกฎหมาย  ไม่สามารถทำได้  ในส่วนนี้ท่านนายกฯบอกว่า  อยากให้ทางชุมชนและทีมวิจัยไปคุยกับท้องถิ่นจังหวัดในเรื่องข้อกฎหมาย  หลังจากนั้นอยากให้ท้องถิ่นจังหวัดทำหนังสือลงมาที่ อบต. ว่าสามารถให้การสนับสนุนได้หรือไม่  และสามารถสนับสนุนได้ในส่วนไหนบ้าง  เป็นสัดส่วนเท่าไหร่  ถ้าเป็นในลักษณะนี้ทาง อบต. จะไม่ติดขัดอะไรเลย  เพราะที่ผ่านมาหากใช้จ่ายเงินผิดประเภท  ผิดวัตถุประสงค์  หาก สตง. ตรวจพบจะต้องถูกเรียกเงินคืน  ทาง อบต.ก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาจากที่ไหนมาคืน  หากท้องถิ่นจังหวัดมีหนังสือแจ้งมาก็จะทำให้ทาง อบต. ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น