ยึดติด...เหมือนไม่เป็นแต่ก็ทำใจไม่ได้


ตั้งใจไว้หลายวันแล้วว่าจะเลือกหนังสือในตู้มาร่วม  กิจกรรม : แลกเปลี่ยนความรู้ผ่าน "หนังสือ" แทนความรักแด่ครอบครัว GotoKnow  เพราะมีหนังสือที่อ่านแล้วชอบเก็บไว้เยอะแยะไปหมด แต่จริงๆก็เป็นคนชอบเก็บหนังสือเอาไว้ ถ้าจะให้ใครก็จะซื้อให้ต่างหากอีกเล่ม คิดอยู่เหมือนกันว่า เมื่อไหร่หนอเราจะทำใจได้ที่จะยกให้คนอื่นๆได้บ้าง พอได้โอกาสจากกิจกรรมของ GotoKnow ที่เรารู้ว่าเป็นกัลยาณมิตรที่น่าจะรักหนังสืออยู่แล้วถึงจะมาร่วมกิจกรรมนี้ ทำให้คิดว่าเราจะได้โอกาสหัด"ตัดใจ"ดูซิ

ปรากฎว่า เปิดตู้เสร็จแล้วก็หมดเวลาไม่น้อยไปกับการหยิบเล่มนั้นเล่มนี้มาอ่านอย่างเพลิดเพลิน ทุกเล่มที่เก็บไว้จะชอบในรูปแบบต่างๆกันไป มีความสุขกับการอ่านทุกๆเล่มที่เก็บไว้ บอกได้ว่าเล่มไหนมีอะไรดี อ่านแล้วได้อะไร

ปัญหาก็คือ...หยิบเล่มไหนก็บอกตัวเองว่า ให้ใครไม่ได้หรอกเล่มนี้ ยังอยากอ่านซ้ำอีก (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่) ให้ใครไม่ได้หรอกเล่มนี้ เพราะหาซื้อใหม่ไม่ได้แล้วล่ะ เผื่ออยากอ่านอีกจะทำยังไง...โอ๊ย...สารพัดเหตุผลที่บอกตัวเองได้ว่า เก็บกลับที่เดิมเถอะ ไปซื้อหาเอาใหม่เล่มที่ชอบๆก็ยังมีอีกมาก ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือในมอ.อยู่ด้วย น่าจะมีที่ถูกใจอีกมาก เป็นเหตุผลให้ได้ช่วยอุดหนุนหนังสือกันอีกทีด้วย เพราะยังไงก็ไม่พลาดกิจกรรมนี้แน่ๆค่ะ

สรุปว่า...ยังเป็นคน"ยึดติด"กับสมบัติอยู่อย่างมาก ทำใจไม่ได้อยู่ดีค่ะ โดยเฉพาะสมบัติที่เป็นหนังสือ ของอื่นๆหลายๆอย่างก็บริจาคได้ทั้งนั้น ไม่ค่อยเก็บอะไรนักหนาจนเผลอคิดว่าตัวเราไม่ค่อยยึดติดกับอะไรเท่าไหร่นัก แต่มาวันนี้บอกได้เลยว่า...ยังห่างไกลกับการปล่อยวางเหลือเกินค่ะ โดยเฉพาะหนังสือที่รักทั้งหลาย 

หมายเลขบันทึก: 333421เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2010 23:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะ พี่โอ๋

เหมือนหนูเลยค่ะ ตัดใจไม่ได้ เล่มที่จะนำไปร่วมกิจกรรม จะเป็นเล่มที่ซือให้ใหม่ จะให้เล่มที่อ่านแล้วก็ไม่ได้นะคะ เพราะ "ฉันเป็นเจ้าของแล้ว" เธอถูกฉันเปิดอ่านแล้ว และเธอต้องเป็นสมบัติของฉัน ประเภททั้งยึดติดและไม่ตัดค่ะ

ขอให้พี่โอ๋มีความสุขมากๆนะคะ

พี่โอ๋คะ

อยากแชร์ค่ะ

อยู่ในช่วงฝึกการไม่ยึดติดค่ะ ยกเสื้อผ้าออกไป 1 ตู้ และของอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้

กำลังจะดำเนินการรอบสองอีกค่ะ

หนังสือก็แจก ๆ กันไปอ่าน ซื้อหนังสือไว้ที่ทำงานเยอะมาก แต่อ่านกันน้อย(อิอิ)

และมีอีกหลายเรื่องที่ให้เมื่อผู้อื่นต้องการใช้

แต่ส่วนหนึ่งก็คือการลดการซื้อเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ลดไม่ได้คือซื้อหนังสือ

อื่น ๆ เริ่มลดมากถึงมากที่สุดค่ะ

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือสบาย ๆ ๆ ๆ ค่ะ

การที่ทำได้ส่วนหนึ่งคือเพราะการไม่มีผู้สืบทอดสมบัติ  ก็เลยสละได้ง่าย อาจจะเป็นประเด็นหลักในการให้ โดยไร้เงื่อนไข อีกแรงหนึ่งค่ะ

คิดถึงจริง ๆ

รู้ว่าเราจะอ่านอีกในอนาคตแบบนี้ไม่ได้เรียกยึดติด เขาเรียกว่ารู้จักตัวเอง ถึงจะเป็นเมื่อไหร่มันก็เรื่องของเรา สิทธิของเรา แต่ถ้ารู้ทั้งรู้ว่าไม่อ่านอีกแน่เพราะขี้เกียจอ่านซ้ำ แล้วก็ไม่อยากให้ใครนั่นสิถึงจะยึดติด ถ้าการให้แล้วต้องเบียดเบียนตัวเองหนูว่ามันไม่เวิร์คหรอกพี่ วิธีง่ายกว่านั้นคือไปร้านหนังสือเลย เลือกซื้อสักเล่มที่คิดว่าดีให้คนอื่น หรือเล่มที่เคยอ่านแล้วก็ได้ หมดเรื่อง หรือไม่ก็ไม่ให้

ส่วนตัวหนูคืออยากให้ มีบางเล่มที่ชอบแต่ก็ให้ได้ แต่ผิดกติกาตรงที่ไม่อยากได้หนังสือของคนอื่น เพราะเห็นรายชื่อที่ลิสต์กันมาก็ไม่ได้อยากอ่าน เลยบอกปรางว่าขอให้แต่ไม่ต้องส่งอะไรกลับมา หนังสือนี่มันบอกอยากนะพี่ว่าเราชอบแล้วคนอื่นจะชอบด้วย เลยคิดว่าให้ไปร่วมสนุกเพื่อมีตัวเลือกเพิ่มแล้วกัน ลดตัวหารที่เรื่องมากอย่างเราออกซะ ว่าแต่ประเภทของหนังสือที่ชอบอ่านนี่ก็บอกได้นะคะว่าเป็นคนแบบไหน : D เป็นอย่างหนึ่งที่สะท้อนตัวตนได้ดีทีเดียว

สวสดีคะอาจารย์โอ๋

หนังสือยู่บ้านก็เยอะมาก คงจะเหมือนกันนะคะ ถ้าอยากให้หนังสือคนอื่นก็จะซื้อเล่มใหม่

พี่แก้วก็ไปหาซื้อหนังสือที่ชอบเล่มเดียวกัน มาเก็บไว้ใหม่ค่ะ อ โอ๋

แล้วส่งหนังสือที่ชอบของตัวเองไปให้แล้วค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • คิดเหมือนกันเลยค่ะ
  • ตัดใจอยู่นาน  ทุกเล่มจะถูกนำกลับมาอ่านอีกเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • คิดเหมือนกันจริงๆ รื้อออกมา นั่งอ่านนอนอ่านอยู่หลายวัน
  • จนวันนี้ยังตัดใจไม่ได้เลย  เพราะทุกเล่มเป็นหนังสือที่รักมากๆ
  • รักแตกต่างกัน  แล้วจะให้เล่มไหน  คิดดูอีกสัก วันสองวัน
  • แล้วจะตัดใจ 5555555555555

บ้านเดิมผมมีห้องสมุดหนึ่งห้องต่างหากของคุณพ่อ

ผนังทุกด้านเป็นชั้นหนังสือจากพื้นจรดเพดาน ตั้งแต่เด็กก็เริ่มจากนิยายพื้นบ้านต่างๆ สังข์ทอง โสนน้อยเรือนงาม ปลาบู่ทอง ฯลฯ สมัยก่อนชั้นประถมต้องเรียนวรรณคดีด้วย เกือบทุกเรื่องที่เรียน ที่บ้านก็จะมีฉบับเต็ม (ส่วนใหญ่ใน รร.จะคัดย่อมา) อย่างรามเกียรตินี่ชอบมาก ผมอ่านจบทั้งเรื่องทั้งแบบร้อยกรองต้นฉบับ และฉบับผสมร้อยแก้ว ตอนงาน รร.จะชอบออกไปเล่าเรื่องเต็มให้ class ฟัง (ออกนอกหน้าแต่เด็ก) แต่ที่ทำให้ติดจริงๆก็คือหนังสือกำลังภายในจีน ซึ่งพ่อจะไปซื้อมาจากวังบูรพา สมัยนั้นจะออกเป็นเล่มเล็กๆบางๆ ทุกวันอังคาร ทีละสองสามเรื่อง ต้องไปทุกอาทิตย์เพราะไม่งั้นจะทุรนทุราย อยากทราบตอนต่อไป ตอนนั้นก็เริ่มฝึกอ่านหลายๆเรื่องพร้่อมๆกัน ต้องจำพล็อต จำตัวละครแต่ละเรื่องไม่ให้่ปนกัน เรียงกันอ่าน พ่อก่อน แล้วพี่ชาย แล้วก็ผม นอกจากกำลังภายใน ก็มีเรื่องซ้องกั๋ง เปาบุ้นจิ้น ซูสีไทเฮา ฯลฯ พงศาวดารอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

วันดีคืนดี พ่อก็จะบอกแม่ว่า "เดี๋ยวจะจัดห้องสมุด" นัยว่าล้น และเริ่มกองพะเนินเทินทึก ลูกๆก็จะรู้กัน เพราะไม่เคยจัดเสร็จ เนื่องจากตอนจัดนี่แหละ หนังสือเล่มที่อยากอ่านมานานแต่หาไม่เจอ จะเจอตอนนี้ แล้วคนจัดก็จะหยุดจัด แต่นั่งอ่านแทน เป็นยังงี้ทุกที ตอนเช้า (ส่วนใหญ่จะวันหยุด) เริ่มโครงการจัดหนังสือ ตอนเย็นแม่มาดู จะเจอพ่อ ลูก ยึดมุมต่างๆของห้องนอนเอกเขนกอ่านเล่มนู้น เล่มนี้ ที่กองรอบข้าง หนังสือจะเละกว่าเดิม เพราะจะถูกรื้อลงมา (อย่างเป็นระบบ) เอามากองอ่าน (อย่างไม่เป็นระบบ) พอแม่มาเรียกกินข้าว ทุกคนก็เดินสำนึกผิดไป และปล่อยให้แม่จัดห้องที่เหลือให้เข้ารูปที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สมาชิกหนอน ก็เอาหนังสือมาอ่านต่อที่โต๊ะกินข้าว (จนบัดนี้ ผมก็ยังติดอ่านหนังสือที่โต๊ะกินข้าว และไม่สามารถจะทำใจดุลูกไม่ให้อ่านที่โต๊ะได้)

สรุปก็คือ ถ้าจะจัดหนังสือ ให้คนไม่อ่านจัด จะ work สุด !!!

ps: เรื่องทิ้งหนังสือไม่เคยอยู่ในความคิดเลย คงมีการท้ิงเกิดขึ้นบ้าง (มีคนช่วยแอบท้ิงให้) แต่อย่าให้รู้ เพราะจะไปขอรื้อดูว่าท้ิงอะไรบ้าง แล้วจะ rescue กลับมาประมาณ 80%!!!

 

"เรื่องทิ้งหนังสือไม่เคยอยู่ในความคิดเลย คงมีการท้ิงเกิดขึ้นบ้าง (มีคนช่วยแอบท้ิงให้) แต่อย่าให้รู้ เพราะจะไปขอรื้อดูว่าท้ิงอะไรบ้าง แล้วจะ rescue กลับมาประมาณ 80%!!!"

  • เป็น ki-lesess อย่างหนึ่ง ที่ผมก็เป็น T-T
  • คนรักหนังสือ อย่างไรก็ผูกพันธ์
  • หลายครั้งที่ต้องตัดใจเพราะเก็บจนเก่า ปลวกจะกินเอา
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท