เมื่อ40ปีที่แล้ว ผมเคยขับรถมาถนนสายนี้ ไปถ้ำเชียงดาว ท่าตอน ขึ้นไปดอยลาง ไปอาบน้ำพุร้อนที่ฝาง แวะกินลาบขมป้าเขียว ขึ้นไปดูชนกลุ่มน้อย สมัยนั้นถนนหนทางถึงไม่แจ๋วเท่าทุกวันน้ แต่ทิวทัศน์เต็มไปด้วยเขาสูงรอบข้างยังสวยงามมาก ชาวเขาเอาสินค้า ผลผลิตต่างๆที่น่าสนใจมาวางจำหน่าย ครั้งล่าสุดที่ไปก็ตอนที่เขากำลังสร้างเขื่อนแม่งัด กี่ปีแล้วก็ไม่รู้สินะ มาเมื่อวานนี้ครูอึ่งรับเป็นเจ้าภาพพาตระเวน ถามว่าอยากจะไปไหน..มีซ๊อยส์ให้เลือกประมาณ 4-5แห่ง ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็มาเลือกดอยอ่างขาง เคยให้ยินกิตติศัพท์ล่ำลือแต่ยังไม่เคยเหยียบย่าง ครูอารามเป็นสารถีมือหนึ่งบึ่งไปดอยอ่างขาง ก่อนออกแวะชิมข้าวต้มที่อร่อยมาก แต่ลืมชื่อเสียแล้ว ..ถือธรรมเนียมว่าชิมไปเรื่อยๆ ถ้าวาสนาดีก็คงมีโอกาสได้กลับมาเจี๊ยะอีก
ก่อนออกรถเราสอบถามกันเรื่องเสื้อหนาว ดอยอ่างขางเป็นพื้นที่ทดลองทำการเกษตรบนที่สูง แน่นอน..การเลือกพื้นที่แห่งนี้ก็เพราะมีอุณหภูมิที่เย็นตลอดปี ไม่ยังงั้นจะปลูกพืชเมืองหนาวได้หรือครับ เรื่องอันดับแรกของใครจะไปอ่างขางก็คือเสื้อผ้ากันหนาวนี่แหละ ขืนเท่อเร่อเท่อร่าไป ยิ่งถ้าไปนอนด้วยมีหวังแข็งตาย ..ผมเองก็หวั่นๆ..เกรงว่าเกล็ดน้ำแข็งจะมาเกาะหัวใจ ครูอึ่งบอกว่าเตรียมเสื้อให้แล้ว พวกที่ร้อนวิชานี่ก็แปลกนะครับ ที่ไหนที่ใครว่าหนาวๆเราไปที่ไรฟ้าดินวิปริตทุกที คราวไปดอยอินทนนท์นั่่นก็ครั้งหนึ่ง ไปถึงนั่งถอดเสื้อแก้ผ้าถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน คราวไปอิร่าน ไปจีน ใครก็ขู่ว่าหนาวมาก ขนเสื้อหนาไปเป็นกะตั๊ก ไปถึงมันก็ไอ่แค่นั้นแหละ ดอยอ่างขางวันนี้อากาศกำลังดีที่สุดในโลก
เราไปแวะหาท่านนายกอบต.ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง คุณชาญวิทย์ เตียวกุล ซึ่งเป็นน้องเพื่อนรักของครูอึ่ง วันนี้เจ้าถิ่นตัวจริงเสียงจริงจะเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาลุยเอง บอกให้คณะเราย้ายรถไปนั่งคันใหม่ อารามเปรยๆว่าถนนซิกแซกอันตราย ผมก็นึกในใจว่ามันจะแค่ไหนกันนะ ระยะทางที่ปีนป่ายขึ้นไปนอกจากจะสูงขึ้นๆตลอดแล้ว ยังหักคอศอกแบบแคบ-เอียง-เร่งเครื่องอุตลุด ที่น่าเสียวไส้ก็คือมุมหักโค้งแบบตับหดนี้อยู่ติดๆกัน เป็นถนนที่รถบัสไม่สามารถขึ้นได้ นายกอบต.เล่าว่าขาลงอันตรายมากกว่า โดยเฉพาะมือที่ด้อยประสบการณ์ชาวกรุง จะเบรคตลอดจนผ้าเบรคไหม้เหม็นควันโขมง หลายคันต้องจอดข้างทางเพื่อให้หายขาสั่น ช่วงที่มีงานจะมีภปร.ยืนเป็นระยะๆคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
สมคำล่ำลือจริงๆ
แต่ละโค้งประมาทไม่ได้เลย
ผมไปมาก็หลายขุนเขาแล้ว
ที่นี่น่าจะเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
น่าจะมีป้ายเตือน “ระวังตับหด”
ขาสั่น ใจสั่นนั้นไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่มาครั้งแรก
ใครนะ ช่างมาเลือกเอาพื้นที่ตรงนี้
เราไปถึงบนดอยช่วงสายๆ แดดจ้าเต็มที่ ดอกไม้เต็มตา อากาศสะอาดเหลือเกิน รีบถ่ายเทอากาศเน่าๆจากในปอดทิ้ง สูดหายใจเปลี่ยนเอาอ็อกซิเจนบนยอดดอยเข้าไปแทน มายืนบนนี้ จะรู้สึกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เราได้มาอยู่ในวงล้อมของขุนเขาที่เต็มไปด้วยความสวยงามตามธรรมชาติที่มี มนุษย์มาช่วยรังสรรให้บรรเจิดยิ่งขึ้น ยกกล้องมาถ่ายรูปได่ไม่กี่ฉับ..ครูอึ่งชวนไปเสาะอาหารใส่ท้องกันเสียก่อน อ่านดูเมนูแล้ว เจอรายการที่สมเด็จพระนางเจ้าราชินีนาถ ที่พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสถึง หมูจิ้นหัวเป็ดอี้เหลียง: ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ประเทศจีนถวายมาขยายพันธุ์ นำมาปรุงอาหารพิเศษเป็นการเฉพาะตามคุณสมบัติของสัตว์ดังกล่าว แต่เราโชคดีกว่านั้น เลือกสั่งอาหารคนละอย่าง ผมสั่งน้ำพริกผักกรอบ เลยได้ชิมน้ำพริกที่มีถั่วเน่าเป็นหลัก ปรุงด้วยมะเขือเทศ หอม พริก ที่เผาแล้วมาโขลกรวมกับกุ้งแห้ง อร่อยมากๆจนต้องซื้อถั่วเน่่ากลับไปทดลองทำที่บ้าน นอกจากอร่อยแล้วยังทำง่ายเหมาะกับเมนูสุขภาพที่กินผักทุกวันของสวนป่า
อิ่มแล้วก็ออกเดิน เพลินไปกับไม้ดอกที่่ปลูกด้วยฝีมือของผู้รู้ ตื่นตากับพันธุ์ไม้แปลกๆ หลายชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อได้รับการจัดถูกที่ถูกทางอย่างมืออาชีพ จึงละลานตาไปว่าจะมองไปด้านไหน ก็เจอะเจอจุดพิเศษจนไม่รู้จะทำยังไงกับความสวยสดงดงามที่อยู่ตรงหน้า ..ช่วงเวลาทุกนาทีที่มีแต่ความประทับใจ นึกออกไหมครับ..เวลาความประทับใจมากองอยู่ตรงหน้ามากมายมหาศาล แดดอุ่นลมพัดเบาๆกำลังสบายที่สุดวันหนึ่งของชีวิต ต้องขอบคุณครูอึ่งที่จัดทริปนี้ได้อย่างวิเศษสุด
(คนงานกำลังถอนกะหล่ำไปทำปุ๋ย)
เราถ่ายรูปเลาำะไปเรื่อยๆ
ทำตัวเป็นผีเสื้อสักวัน
ไปเจอคนงานชาวเขากำลังถอนกะหล่ำปลีสีขาวดอกโตๆกำลังสวยใส่ถุงปุ๋ย
ถามว่าจะเอาไปปลูกที่ไหน?
“จะเอาไปทำปุ๋ย”
โอ้ยโหย้ ..ถ้าเป็นบ้านผมก็ถือว่าสวยที่สุดแล้ว
ที่นี่ถอนทิ้งเฉยเลย
คุยกับหัวหน้างานได้รับความรู้ว่า กะหล่ำประดับเหล่านี้โชว์มานานแล้ว มีอายุประมาณ7-8 เดือน ถึงเวลาก็ต้องปลูกกันใหม่ ถามว่ามีพันธุ์ขายบ้างไหม เขาแนะนำให้ไปถามที่แม่โจ้ แต่ของที่นี่เมล็ดพันธุ์สั่งตรงมาจากอังกฤษ มิน่าละแต่ละดอกเบ้อเริ่มทิ้ม กะหล่ำพวกนี้ต้องการอากาศเย็นมากๆ ถ้าความเย็นลดลงประมาณ6-7องศา สีต่างๆจะเข้มสวยยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันถ้าอากาศร้อนขึ้นสีก็จะค่อยๆจางลง ไม่มีสีสวยๆซ้อนขึ้นมาให้ชม เรื่องอุณหภูมิจึงเป็นเงื่อนไขที่ไม่อาจเปลี่ยนใจดอกไม้เมืองหนาวได้ ถ้าอยากดูของสวยก็ต้องสู้บุกบั่นมาให้ถึงที เรียกว่าสวยไม่ง้อแขก
(ดอกขาวๆขวามือ ครูอึ่งตั้งชื่อดอกหางกระต่าย จับดูจะนิ่ิ่มๆคล้ายกับหางกระต่ายจริงๆด้วย)
ผมถ่ายรูปแบบไม่เกรงใจกล้อง ออกจากแปลงนี้ไปแปลงโน้น ไปชมกลุ่มไม้ที่ปลูกที่ร่มในอาคารไม้ร่มขนาดใหญ่ ไปอึ้งกิมกี่จนไม่รู้กี่อึ้ง ดูภาพเอาก็แล้วกันนะครับ ที่มุมจำหน่ายของที่ระลึกโครงการหลวง เราเดินชมซื้อของติดไม้ติดมือมาบ้าง ที่น่าสนใจคือสมุนไพร “คุณปู่ทิ้งไม้เท้า” เห็นแล้วตาโต ต้องซื้อมาลอง 2 ซอง เผื่อจะทิ้งความขี้โรคได้อย่างคุณปู่บ้าง ตอนขากลับ รถวิ่งผ่านแปลงปลูกไม้ผลเมืองหนาวหลายชนิด เราแวะไปอุดหนุนสินค้าชาวเขา ไปเจอตุ๊กตาแสนกล เอาน้ำเย็นราดหัวแล้วตามด้วยน้ำชาร้อนๆ จะมีฉี่พุ่งออกมา เข้าใจประดิษฐ์นักเชียว ครูอารามพาซื้อ แม๊กคาดิเมีย เจ้าลูกกลมๆแข็งๆ แม่ค้าจะแถมเหล็กแบนๆไว้สำหรับแงะเอาเนื้อมันๆกรอบอร่อยมาชิม เป็นผลไม้ที่ไม่เหมือนใคร ไม่แงะไม่ได้แอ่ม สนุกอร่อยกับการแงะนี่แหละ เธอเอ๋ย ลงมาถึงเบื้องล่าง ท่านนายกอบต.แม่งอน ยกพุทธา2ถุงใหญ่ฝากมาให้อีก ชิมแล้ว หวานกรอบอร่อยมาก ขอขอบคุณไว้ณ ที่นี้ท่านให้ความรู้และดูแลเรายังกะไข่ในหิน
กลับมาถึงรีสอร์ทปืนโตเกือบจะ1ทุ่ม น้าอึ่งจัดโต๊ะเตรียมอาหารปะเลอะปะเต๋อ ช่วยกันจัดแจงฉุบฉับกับข้าวก็มาเรียงล่ายซ่าย สักพักอุ้ยสร้อยใบหน้าระบายยิ้มเข้ามา คงตรงดิ่งออกจากที่ทำงานเพราะยังอยู่ในชุดเก่ง คุณชาดาก็มา อ้อหมอเป๋าก็แอบหนีคนไข้มากินข้าวด้วย ครบเซ๊ทอร่อยทั้งอาหารและ เรื่องคุย อิ่มท้อง อิ่มใจ อิ่มไปทุกกรณี อุ้ยเพิ่งกลับจากไปเที่ยวจุดที่ใกล้เคียงกัน เอาเม็ดพระเจ้า5พระองค์มาฝากไปปลูกที่สวนป่า มีว่านที่น่าสนใจมาแถมให้อีก ครูอึ่งก็ฝากอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด มารบกวน-กิน-นอน-เที่ยว-แล้วยังจะขนของฝากกลับบ้านอีก นี่แหละหนาน้ำใจยิ่งกว่าน้ำอมฤตใดๆเสียอีก
..มาเที่ยวนี้ ได้ความคิดความรู้กลับไปพัฒนาสวนป่าพะเรอเกวียน อิอิ
ก่อนจากกัน อุ้ยกับครูอึ่ง ครูอาราม นัดว่าจะมารับเช้านี้
จะพาลุยไปที่ไหนบ้างก็ไม่รู้
เพราะผมมาไม่เคยมีโปรแกรมล่วงหน้า
ด้วยรู้ว่า..จะมีใครรู้ดีกว่าเจ้าถิ่นนั้นไม่มีอีกแล้ว
ที่ผ่านมาย่ำเดินไปกี่ก้าวก็ไม่รู้ได้
เดินเพลินไปเลย ก้าวฉับ ถ่ายฉับๆๆ นับแทบไม่ทัน
ใครไม่เคยมาดอยอ่างขางยกมือขึ้น!!
เอามือลง
แคว๊กๆๆ..
สวัสดีค่ะท่านครูบา....วันนี้จะได้แวะงานตลาดนัดกรมอนามัย ที่ รร. ดิเอ็มเพรสบ้างไหมหนอ..ชาวG2K เชียงใหม่ และท่านอาจารย์ JJ ท่านอาจารย์ขจิต ก็มางานนี้ค่ะ พี่มนัญญา ชวนค่ะ
ไปมาแล้วครับ เอามือขึ้นได้ไหม ฮ่าๆๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะ
เล่าม่วนขนาดเจ๊า .. ดาอ่านเมนูอาหารที่อ่างขางลุ้นไปด้วยนะคะว่าจะ มีอาหารที่เป็นปลาเทราซ์เรนโบว์หรือไม่ ร้านอาหารที่อ่างขางมีเมนูทำให้ทุกคนที่สั่งด้วยค่ะ ที่เป็นอาหารขึ้นโต๊ะเสวยที่กษัตริย์พระราชวงศ์ หลายประเทศที่มางาน 60 ปีครองราชย์ ไม่มีในรายการที่คุณครูบาฯเอ่ย ไม่ได้ชิมน้ำลูกท้อปั่นที่อร่อยมากหรือลูกพืชที่มีต้นเต็มบนดอยอ่างขาง ด้วยอีก ดาขออนุญาตแซวนะคะ ต้องไปอีกรอบนะคะ มีทางโค้ง หักศอกแค่ 10โค้งเท่านั้นค่ะ ตับไม่หดนะคะ ขึ้นไปถึงก็สุดสวยอย่างที่เล่านะคะ หายเหนี่อยทันที ฝากเชิญทุกคนไปเที่ยวนะคะสวยทุกฤดูค่ะ
เก็บภาพงามๆมาให้ชม ขอบคุณมากนะคะ
ดาฝากชมต่อนะคะ
http://gotoknow.org/blog/kandanalike/302419ดอกไม้ดอยอ่างขาง
http://gotoknow.org/blog/kandanalike/302437ผลไม้ดอยอ่างขาง
ดา งงๆไปชมดอกไม้-ผลไม้ ไม่ได้ คลิกใหม่นะคะ
rinda
ขอบคุณมากที่ชวน อิอิ
กามนิต สุดหล่อกลับไฟล์ไหน สายการบินอะไร
ถ้าใกล้กันอาจจะ ตีแตกที่สนามบิน ก็ได้ แคว๊กๆ
ขอบคุณ คุณกานดามาก แหมถ้ารู้ข้อมูลเด็ดๆก่อนหน้านี่ละสนุกระเบิดเลย อิอิ
สวัสดีครับพ่อครู
เอามือลงแล้วครับ ยังไม่เคยไปครับ
เห็นภาพแล้วต้องหาโอกาสไปเยือนแล้วครับ
วันหลัง หาโอกาสมาลุยเหนือบ้างนะครับ
คิดถึงครับ
มีเวลาแวะมาแม่โจ้บ้างนะครับ...
จะลองไปถามพันธ์กระหล่ำให้ครับผม...
สบายดีครับพ่อ..
พ่อครูขา อ่านเมนูแล้วน้ำลายสอเลยค่ะ รอชมภาพอื่นอีกเป่อเล่อเป่อเต๋อ ค่ะ
ช่วงก่อนหนูอยู่ปี ๒ ไปอ่างขางยังไม่มีดอกกะหล่ำสีขาว สวยน่ารักจังค่ะ ชอบๆ
ไม่มีเวลาเลย ย่ามแดงเอ๋ย
แต่ถ้ามีเม,้กผักอะไรส่งมาให้ก็จะดีนะ
ช่วงนี้กำลังบ้าปลูกผัก อิอิ
ต้องไปอ่างขางอีกรอบแล้วP00เอ๊ย
เคยไปมาแล้วเมื่อสักยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
ไว้ไปอีกเมื่อไหร่จะเกาะพ่อครูบาไปด้วยค่ะ
จะไปเก็บดอกไม้แห้ง ดอกหญ้า ที่บนดอยขนมาให้เต็มรถเลยค่ะ
ประทับใจมากค่ะเคยไปสองรอบแล้ว ยังสวยเหมือนเดิม
นุ๋ไปตอนหนาวสุดเรยค่า อิอิ เอิมม..ตอนนั้นน่าจะ ติดลบ0.5 อ่าค่ะ