เมื่อเราเห็นคุณค่าในตัวเอง เราก็จะเห็นคุณค่าของคนอื่น


สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังอบรมเรื่อง Clinical Laboratory Quality Assurance ต้องถือว่าเผอิญยกกำลังสอง เพราะตัวเองอยู่ในจุด F ประมาณว่าเป็นจุด stand by เมื่อมีคนขาด ลา เราต้องไปทำหน้าที่แทน แต่ใช่ว่าเมื่อไม่มีคนขาด คนลาแล้วจะว่างล่ะ เพราะมีหน้าที่เบ็ดเตล็ดอยู่บ้าง ดังนันผู้เขียนจึงเข้าร่วมอบรมอย่างสบายอกสบายใจ (นิดหนึ่ง)

ผู้เขียนได้ข้อคิดดี ๆ มากมาย ได้ปุ๋ย อาหารใจ พลังแห่งความดี ความสุขในการทำงาน วิทยากรก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คืออาจารย์กุลนารี และอาจารย์ปานทิพย์ อาจารย์บอกว่าพวกเราโชคดีมาก ไม่ต้องไปวัดทำบุญที่ไหนหรอก แค่มาทำงานทุก ๆ วัน ก็ถือเป็นการมาทำบุญ ไม่อยากจะบอกเลยว่าผู้เขียนยึดคตินี้เหมือนกัน เลยไม่ค่อยได้เข้าวัดสักเท่าไร นอกจากไปงานต่าง ๆ บ้างเมื่อเขาจัดงานในวัด มีตลาดนัดในวัด หรือไปเที่ยวงานวัด เอ๊ะ ถือว่าเข้าวัดด้วยใช่เปล่า??

ผู้เขียนเป็นนักเทคนิคการแพทย์ที่ทำงานเฉพาะในห้อง Lab  วัน ๆ ได้เจอแต่เลือด ปัสสาวะ ของเหลวจากส่วนของร่างกายต่าง ๆ (ดีน๊ะไม่มีอุจจาระ) จะว่าไปก็ไม่ได้เจอะเจอกับผู้รับบริการโดยตรงหรอก นอกจากเสียงอันไพเราะของผู้ที่โทรมา (ส่วนใหญ่เป็นแพทย์ พยาบาล) เราไม่ต้องไปเจาะเลือดจากผู้รับบริการ แต่ผู้เขียนคาดว่าก็ยังเจาะเลือดได้อยู่ (ถ้าจำเป็นจริง ๆน๊ะ)  ก็เหมือนกับขับ ขี่รถยนต์ รถจักรยานนั่นแหละ เป็นแล้วก็เป็นเลย

หลังจากได้พลังอาหารกาย อาหารใจมาเต็มเปี่ยมในวันพุธ พบว่าวันพฤหัสมีผู้รับบริการโดยตรงเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับการส่งแล็บ อายุมากกว่าผู้เขียนนึดหนึ่ง (คาดว่า) มาพร้อมกับเด็กน้อยอีกหนึ่งคน (ประมาณ 9 -10 ปี) เข้ามาคุยกับพี่ท่านหนึ่งในห้อง Lab ผู้เขียนเผอิญเดินเมษา (ว่าง) อยู่แถวนั้นพอดี พี่เขาก็เลยเล่าให้ฟังว่า เขามาปรึกษาเรื่องการส่งตรวจ SI & TIBC ของรพ.ต่างจังหวัด เนื่องจากมีรพ.A (นามสมมติ) เดี๋ยวนี้เขาไม่มีน้ำยาหรือกรด HCl สำหรับล้างหลอดเลือด ก่อนส่งตรวจ SI & TIBC (เนื่องจากการล้างอาจมีการปนเปื้อนสารพวก Iron ต่าง ๆ ทำให้ค่าที่ได้สูงปลอม) เขาก็เลยจะมาขอหลอดที่เรา แต่เนื่องจากเป็นรพ.นอก (เป็นรพ.ของรัฐเหมือนกัน) ก็จะต้องจ่ายค่าหลอดก่อน ซึ่งมันอาจจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เบิกไม่ได้ และจริง ๆ  แล้วการทดสอบนี้ถ้าทดสอบที่เราเราก็ไม่ได้คิดค่าหลอด ค่าล้างหลอดเลย แต่นี่เป็นกรณีของรพ.นอก ประมาณว่าต้องจ่ายค่าหลอดเราถึงจะให้หลอดไปได้...

ผู้เขียนก็เลยถามพี่เขาว่า "แล้วที่รพ.นั้นน่ะเขามีหลอดใหม่ ๆ ที่ไม่ผ่านการใช้มาก่อนรึเปล่า ?"

พี่ ตอบว่า "มี เป็นหลอดซื้อสำเร็จรูป ซื้อมาใช้ แล้วก็ล้างซ้ำใช้อีก"

ผู้เขียน "งั้นพี่ก็เจาะเลือดใส่หลอดเลือดใหม่น๊ะ แล้วปั่นแยก Serum ใส่หลอดเลือดใหม่อีกครั้งหนึ่ง"

พี่ที่ในห้อง Lab ก็ถามว่า "แต่หลอดเขาเป็นหลอดฝาจุกแดงมี Clotted activate อยู่อาจมีผลต่อการทดสอบรึเปล่า?"

ผู้เขียนก็เลยชี้แจงกับพี่ในห้อง Lab เพราะได้มีส่วนร่วมในการทดสอบเปรียบเทียบด้วยเลยพบว่าค่าที่ได้ไม่แตกต่าง สามารถใช้ได้ (เนื่องจากอีกไม่นานห้อง Lab เราก็จะซื้อหลอดแบบนี้มาใช้เช่นเดียวกัน)  

ผู้รับบริการพี่เขาที่ฟังอยู่ก็ ยิ้มและพูด "ขอบคุณ" แล้วก็ยังยกมือไหว้เราอีกอ่ะ ทำตัวไม่ถูกเลย (แต่ไม่ลืมรับไหว้น๊ะ !) รู้สึก ตัวลอย ปลื้มมาก ๆ เลย รู้สึกดี มีคุณค่าบอกไม่ถูก ตอนนั้นรู้สึกว่าอยากเขียนบันทึกเก็บความรู้สึกนี้ไว้จังเลย ผ่านไปหลายวัน วันนี้ได้เล่าให้พี่โอ๋ฟัง แต่มันก็ผ่านไปแล้วอ่ะน๊ะ แต่ก็ยังจำหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของพี่เขาได้อยู่

นึกถึงคำพูดข้อคิดของอาจารย์กุลนารี หลายข้อ อาจารย์บอกว่า "ถ้าเราเห็นคุณค่าของตัวเอง เราจะเห็นคุณค่าของคนอื่น ๆ คนเราทุกคนมีค่าไม่เหมือนกันแตกต่างกันไป มีดีทุกคน อาจมีไม่เหมือนกัน" อาจารย์ยังเล่านิทาน ข้อคิด เรื่องจริงอีกมากมาย หวังว่าตัวเองคงจะได้มีเวลามานั่งเขียนบันทึก!!

เมื่อก่อนเคยคิดว่า ถ้ามี Notebook เป็นของตัวเอง แล้วคงได้เขียนบันทึกทุกวัน แต่ ณ ปัจจุบัน ซื้อมาก็เป็นเวลาอันพอสมควรแล้ว ก็ไม่เห็นจะเป็นเช่นนั้นเลย !!

คำสำคัญ (Tags): #การทำงาน#คุณค่า
หมายเลขบันทึก: 330660เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2010 17:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

+ สวัสดีค่ะคุณสิริ...

+ อ่านไป...ก็พลอยอมยิ้มไปด้วยค่ะ...

+ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดนี้ค่ะ...

  "ถ้าเราเห็นคุณค่าของตัวเอง เราจะเห็นคุณค่าของคนอื่น ๆ คนเราทุกคนมีค่าไม่เหมือนกันแตกต่างกันไป มีดีทุกคน อาจมีไม่เหมือนกัน"

+ มีเรื่องเล่าแลกเปลี่ยนเพื่อยืนยันความคิดดังกล่าวใหม่ ๆ สด ๆค่ะ...วันครู  16 ม.ค. 53...แอมแปร์และแม่อ๋อยช่วยกันฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็ก ๆ มาแปะติดเป็นรูปหัวใจเป็นการ์ดมอบให้คุณครูรอหานิง(ครูประจำชั้นของแอมแปร์)...พร้อมด้วยน้ำผลไม้...เพื่อระลึกถึงความเป็นครูของท่าน...

+ ก่อนเข้านอนแอมแปร์เล่าให้ฟังว่า...ครูนิงรับของที่แอมแปร์ยื่นให้แล้วมือสั่น...พร้อมเขินอาย...และมีน้ำตาออกด้วยนะแม่...

+ อ๋อยเลยบอกกับแอมแปร์ว่า...เพราะครูปลื้มใจที่ลูกคิดดี...ทำดี...ไงค่ะ...

+ นึกแล้วยังอมยิ้มได้นะค่ะ...ว่าแล้วแอมแปร์ก็พูดขึ้นว่า..."แอมแปร์มีความสุขจังเลยแม่"...พูดจบแอมแปร์ก็อมยิ้มหลับตาพริ้ม...แล้วหลับเลยค่ะ

+ คุณสิริ...จำแอมแปร์กะแม่อ๋อยได้ไหมค่ะ...เราเคยเจอกันแล้วค่ะ...

เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ เราต้องเห็นคุณค่าของตนเองก่อนคะ

-นอกจากน้องแอมแปร์ แม่อ๋อย แล้วก็ยังจำผักหวานได้ด้วยน๊ะค๊ะ เราเพิ่งเจอกันนี่นา!!

-คุณอรวรรณค๊ะ ผู้เขียนไม่ได้เขียนนาน ๆ เรียบเรียงไม่ค่อยถูก กว่าจะเข้าเรื่องวกข้าง ๆ คู ๆ ซะเยอะ

-อาจารย์ปารมีค๊ะ ทำให้ผู้เขียนปลื้ม ยกกำลังเลย หวังว่าคงเจอกันในบันทึกบ่อย ๆ น๊ะ ค๊ะ อ่านอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยทิ้งรอย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท