วันที่ 2 ของการแสดงเพลงอีแซว ที่วัดดอนไร่ วันนี้ตรงกับวันที่ 15 มกราคม 2553 ผมนัดหมายกับเด็ก ๆ ว่ามาพร้อมกันที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 ในเวลา 16.30 น.ก่อนที่จะขึ้นรถเด็ก ๆ บ่นกันมากเรื่องของระบบเสียงที่ปะทะกันแบบอื้ออึงมาก (เรื่องนี้ท่านหลวงพ่อก็รับทราบ) หลวงพ่อถามผมว่า “อาจารย์จะย้ายเวทีไหม” ผมเรียนกับท่านว่า “ถ้าได้ไปอยู่ตรงจุดที่เดิมของทุกปีก็จะดีครับ” แต่ในวันนี้เด็ก ๆ 3 คนมีอาการป่วยค่อนข้างมาก
คนหนึ่ง มีอาการปวดท้องตั้งแต่ตอนเช้า หมดแรงผมให้กินยาก็ไม่ทุเลาแต่แกจะไปด้วย ส่วนคนที่ 2 ปวดศีรษะเป็นไข้มีอาการหนาวสั่นมึนงง (คุณแม่ตามไปดูแลด้วย) อีกคนปวดท้อง ปวดศีรษะแต่พอเคลื่อนไหวได้ (ร่วมแสดงได้)
คณะของเราไปถึงวัดดอนไร่เวลาล่าไปนิด คือ 17.30 น. พอไปถึงเด็ก ๆ เห็นสภาพที่ตั้งของเวทีแล้วหมดแรง เพราะเวทีไม่ได้ตั้งอยู่ตรงตำแหน่งที่เคยมีมาในทุกปี แต่ไปอยู่นอกงานเลย สถานที่คับแคบไม่มีลานกว้างพอที่จะให้ผู้ชมนั่งดู จะมีก็ตรงข้างกำแพงโบสถ์ยืนเป็นแนวยาวได้ 3 ชั้นซ้อมแถวกันสัก 100-200 คน ที่หนักยิ่งไปกว่านั้นคือ ตรงกลางเวทีมีต้นไม้ใหญ่มากขวางหน้าอยู่ ถึงแม้ว่าจะถูกตัดทอนกิ่งก้านไปมากแล้วก็ตามแต่ก็ขวางสายตาท่านผู้ชม มองไม่เห็นภาพการแสดงไม่เต็มตา
นักแสดงที่เป็นกลุ่มให้จังหวะทำหน้าที่ 2 อย่างคือ อย่างแรกขึ้นฉากหลังเวทีและฉากที่ด้านหน้าเวที ติดตั้งฉากบังนักดนตรี เสร็จแล้วงานที่ 2 คือ การย้ายตู้ลำโพงออกไปที่ด้านหลังอีก 3 เมตร เพื่อให้นักแสดงได้ยินเสียงตัวเองชัดเจนมากขึ้น (ตู้ลำโพงตั้งไว้ในระดับเดียวกับหน้าเวทีไม่ได้ยินเสียงร้อง เสียงกลอง ฉิ่ง กรับ)
เพียงแค่นี้เด็ก ๆ ก็ท้อใจยิ่งกว่าคืนแรกเป็น 2-3 เท่า ผมบอกกับนักแสดงว่า “คืนนี้คนมาก เพราะมีลิเกดังคณะศรราม-น้ำเพชร มาทำการแสดงด้วย” เด็ก ๆ นักแสดงถามกลับมาว่า “แล้วในคืนนี้จะมีคนมาดูเพลงอีแซวหรือค่ะ” ผมบอกไปว่า “น่าจะมีมาบ้างนะ เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกัน” จากนั้นก็ให้นักแสดงไปรับประทานอาหารซึ่งทางวัดจัดอาหารเอาไว้ให้ทุกวัน ผมปล่อยให้เด็ก ๆ ไปเดินชมบริเวณงานเหมือนอย่างคืนวันที่ 14 มกราคม 2553 ซึ่งบริเวณงานกว้างมาก งานใหญ่โตเทียบได้กับงานปิดทองฝังลูกนิมิตวัดดัง ๆ มีร้านค้าขายนับจำนวนหลายร้อยร้าน น่าจะนับเป็นพันร้านได้
เวลา 19.30 น. นักแสดงกลับมาแต่งหน้า แต่งตัวกันที่บนเวที มีฉากบังตาได้ในบางส่วน แต่มีนักแสดงของผม 2 คนยังนอนอยู่บนรถ ผมไปดูแลอาการ คนหนึ่งค่อนข้างที่จะหนักมาก หนาวสั่น เป็นไข้ และปวดท้อง ส่วนอีกคนยังนอนหลับอยู่ ทั้ง 2 คนเป็นแม่เพลงคนเก่ง แต่วันนี้คงจะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ได้เวลา 21.00 น.เป็นเวลาที่จะต้องเปิดเวทีทำการแสดง มีผู้ชมมารอชมบางตา ไม่มากเหมือนอย่างคืนวันที่ 14 มกราคม ในขณะที่ผมประชาสัมพันธ์บอกกับแฟน ๆ เพลงพื้นบ้านว่า “ได้เวลาที่จะได้รับชมการแสดงแล้ว” นักแสดงทุกคนออกไปยืนประจำที่ ทันใดนั้นนักแสดงที่นอนป่วยอยู่ก็แต่งตัวแบบเร่งรีบ ด่วนขึ้นไปบนเวที ผมบอกกับเด็กว่า “ยังมีอาการป่วยอยู่ก็ไม่ต้องแสดงก็ได้ลูกให้คนอื่น ๆ เขาทำหน้าที่กันไปก่อน” แต่ใจแกสู้เต็มร้อย พอเสียงเพลงอีแซวดังคนดูก็เริ่มทยอยกันเข้ามามากขึ้น
การแสดงเริ่มไปตามขั้นตอน ผมมีเวลาไปดูเด็กที่ป่วยอยู่ที่รถเป็นระยะ ๆ โดยมีคุณแม่ของนักแสดงอีก 2 คนดูแล เรามียาแก้ปวดท้อง ยาแก้ปวดศีรษะ ยาแก้อาการเมารถ ยาประเภทสามัญประจำบ้านติดตัวอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพลงเล่นไปได้ 10 นาที นักแสดงหญิงคนที่ป่วยกำลังร้องอยู่ ผมดูว่าหน้าแกซีด ๆ ทำท่าว่าจะล้มลงไป จึงบอกให้คนอื่นช่วยกันพยุง แต่ไม่ทันแล้ว แกส่งไมโครโฟนให้รุ่นพี่ แล้วไปทรุดนั่งลงที่ด้านหลังนักดนตรี เป็นอันว่าคืนนี้ วงเพลงอีแซวของผมไม่มีนักร้องนำหญิง ไปจนจบการแสดง คือ เวลา 24.00 น. แต่ก็สร้างความสนุกสนานได้พอสมควร ท่านผู้ชมแวะเวียนกันมาให้กำลังใจไม่ขาดสานถึงแม่ว้าจะไม่หนาแน่นนักก็ตาม
เวลา 0.55 น. เกือบจะตี 1 ผมนำเด็ก 2 คนที่ป่วยไปโรงพยาบาลดอนเจดีย์ ให้หมอและพยาบาลตรวจดูอาการ ฉีดยา นอนพัก ให้ยามารับประทาน ผมส่งเด็ก ๆ กลับบ้านและผมกลับมาเข้านอนเอาก็เมื่อเวลา 03.15 น. แล้วในคืนพรุ่งนี้ผมจะคิดอ่านทำอย่างไรกันดี
คลิกชมบันทึกสดการแสดงเพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ ที่วัดดอนไร่ และเชื่อมโยงไปที่ yuotube.com ชมบันทึกการแสดงสดเพลงอีแซวอีก 10 ตอน
ติดตามตอนที่ 3 การแสดงเพลงอีแซวที่วัดดอนไร่ ชำเลือง มณีวงษ์ (รายงาน)
วันนั้นเป็นวันที่สนุกมากเลยนะครับอาจารย์ มีท่านผู้ชมมาชมกันไม่ขาดสายเพราะว่าเราเล่นตรงทางเข้าพอดีเลย ผมจะสืบสายเอาไวเพือคนรุ้นหลังต่อไป