วันนี้ผมได้มีโอกาสไปร่วมวงสนทนากับเพื่อนๆพี่ๆที่ทำ IS ด้วยกันครับ
แต่ละคนก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผมได้เห็นอะไร หลายๆอย่างจากพวกเขา
ครับ... การเรียนรู้ของคนเราไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ เพราะในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกเยอะ
ในวงสนทนามีเคสตัวอย่างที่เกี่ยวกับการขอที่น่าสนใจอยู่หลายเคสทีเดียวครับ
แต่วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเคสนี้มากที่สุด เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้นครับ
ครับ... ผมกำลังจะพูดถึง "การให้" คำที่ใครๆก็รู้จัก... มีพี่คนหนึ่งได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วมันน่าสนใจทีเดียวครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ตอนเป็นนักศึกษาอยู่นั้น พี่ขวัญเป็นคนที่ชอบเข้าห้องสมุดมากครับ ชอบเข้าไปใช้บริการอ่านหนังสือทำนองนั้น
ด้วยความที่เข้าออกห้องสมุดอยู่เป็นประจำจึงมีโอกาสได้เห็นการทำงานของพี่บรรณารักษณ์ ซึ่งงานของพี่เขายุ่งมาก
พี่ขวัญจึงได้"เสนอตัวที่จะไปช่วย"พี่เขาครับ โดยการช่วยจัดหนังสือ เก็บหนังสืออะไรพวกนี้ (ทำโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
แค่อยากช่วย ) หลังจากนั้นพี่บรรณารักษณ์ก็เต็มใจช่วยเหลือพี่ขวัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ช่วยหมด
ว่าง่ายๆคือในห้องสมุดพี่ขวัญขออะไร... พี่บรรณารักษณ์ก็จัดให้ทันทีเลยครับ แม้กระทั้งการยืมหนังสือโดยไม่ใช้บัตรนักศึกษา
ซึ่งถ้าคนที่เคยใช้บริการห้องสมุดจะรู้ดีครับว่า เรื่องแบบนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยแต่พี่บรรณารักษณ์จัดให้พี่ขวัญได้ครับ
แล้วสิ่งที่พี่ขวัญได้เป็นของแถมจากการเสนอตัวให้ความช่วยเหลือคือ ความรัก และมิตรภาพครับ
ครับ... มาดูกับว่าเราได้อะไรจากเคสตัวอย่างนี้กันบ้าง
ในหลายๆครั้ง... "การให้ก็ทำให้การขอนั้นง่ายขึ้น" อย่างพี่ขวัญกับพี่บรรณารักษณ์ จากเป็นแค่ผู้ใช้บริการ กับผู้ให้บริการ
กลายมาเป็นคนรู้จัก เกิดเป็นมิตรภาพขึ้นระหว่างคนสองคน เพียงแค่พี่ขวัญ "เสนอตัวที่จะช่วย" พี่บรรณารักษณ์ แค่นั้นจริงๆครับ
ผลที่ได้ตามมาโดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรคือ การใช้บริการห้องสมุดของพี่ขวัญเป็นอะไรที่สะดวกสุดๆ "ขออะไรก็ได้"
ครับ... ผมว่าการให้เป็นสิ่งง่ายๆที่ใครก็ทำได้ แต่ไม่ค่อยจะมีคนทำครับ ความมีน้ำใจหาได้ยากมากในสมัยนี้ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า
แต่ในเคสนี้ก็แสดงให้ผมเห็นแล้วว่า ยังมีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอยู่นะ
สังคมไทยยังไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปครับ ความเอื่อเฟื่อเผื่อแผ่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างในสังคมเมือง
ให้เถอะครับ... แล้วสิ่งที่เราได้ทำไปนั้นมันจะย้อนกลับมาหาเราโดยไม่รู้ตัว และทำให้เราได้รับในสิ่งดีๆที่เราคาดไม่ถึงอีกมากมายทีเดียว
ผมขอตั้งชื่อเคสนี้ว่า "การขอแบบให้ก่อนรับ" เพราะการที่เราได้รับในสิ่งที่เราต้องการมันก็คือการขอนั้นเอง... จริงไหมครับ ^^
แล้วคุณละคิดยังไง
ขอบคุณค่ะ เคยคิดจะเขียนเรื่องนี้เหมือนได้ การให้ก่อนแล้วค่อยขอ ทำให้การขอนั้นง่ายขึ้นจริงๆค่ะ
เพราะถ้าเรารู้จักเป็นฝ่ายให้ก่อนแล้ว เราก็จะได้เป็นฝ่ายถูกให้ หรือฝ่ายรับกลับมาเหมือนกันค่ะ
สวัสดีค่ะคุณเอิร์ท
***การเรียนรู้ของคนเราไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ ค่ะ
***เคยได้ยินมาหลายสำนวน
*** ผู้ให้ย่อมผุกไมตรีไว้ได้
*** มือผู้ให้สูงกว่ามือผู้รับเสมอ
***และ "การให้ก็ทำให้การขอนั้นง่ายขึ้น" จากบันทึกน่าอ่านนี้
*** ขอบคุณค่ะ
การที่เราได้รับอะไรจากคนอื่นก่อน
เราย่อมรู้สึกอยากให้กลับคืนกับผู้ให้
ด้วยความรู้สึกที่ดี
เรียนรู้ที่จะให้ ก่อนจะขอ
การให้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะการให้ด้วยใจ ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
เมื่อเราให้แล้วเราสบายใจ เราเป็นสุข นั่นคือการให้ที่สมบูรณ์แบบ
และเมื่อได้เห็นความสำเร็จ ที่ถึงแม้จะเกิดจากเศษเสี้ยวของการให้ของเรา นั่นก็เป็นกำลังใจให้กับชีวิตได้ดีทีเดียวค่ะ
อย่ามองข้ามในความสามารถ และพละกำลังของตน เพราะใคร ๆ ก็สามารถให้ได้ไม่ใช่แค่เพียงในรูปของวัตถุ
แค่จริงใจให้กันนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ แล้วนะคะ ..............
แล้ววันนี้ เราได้ให้อะไรใครหรือยังคะ
ถ้าเราให้ในสิ่งดี ดิฉันเชื่อว่าเราก็จะได้สิ่งที่ดีกลับมาเหมือนกันคะ ^^
สุภาษิตโบราณเขากล่าวไว้ว่า
หากท่านต้องการอะไรจากคนอื่น
จงให้เขาก่อน
มาถูกทางแล้วจ้า
พี่ชอบบล็อกนี้เหลือเกิน
ว่าแต่เพื่อนๆ ของไพรัชต์เนี่ย เริ่มเขียนบล็อกบ้างแล้วยังอ่ะ
ยังไง ดูให้เพื่อนๆ ด้วยก้จะดีมากเลยนะจ๊ะ
"ให้ก่อนที่จะรับไง"
ว่ามั้ยจ๊ะ ฮุ ฮุ
พี่แจ๋วแหวว
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ
ก็เริ่มมีเพื่อนๆมาเปิดกันแล้วครับพี่ พี่แจ๋วแหววสามารถอ่านได้
ในเพลนเน็ตของผมเลยครับ เพราะถ้าผมเห็นเพื่อนคนไหนเพิ่งมาใหม่
ผมจะแอดเพลนเน็ตทันที ส่วนคนที่อยากให้ช่วยอะไร ที่ผมพอจะทำได้
บอกมาเลยนะครับ ยินดีช่วยเพื่อนๆพี่ๆ เสมอ ^^