เมื่อเกือบร้อยปีก่อน ฟอร์ด เจ้าของบริษัทฟอร์ดที่ผลิตรถโมเดลที เป็นผู้ผลิตรถรถยนต์แบบครั้งละมากๆ เป็นรายแรก ต้องสติแตกกับปัญหาที่ เวลาคนขับรถยนต์ไปชนกันทีไร กระจกจะแตกเป็นลิ่มๆ จนปักคอคนโดยสารตายไปมาก (กระจกสมัยก่อนไม่แตกเป็นเม็ดเล็กๆ อย่างปัจจุบัน) ฟอร์ดจึงเรียกวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และบริษัทซัพพลายเออร์ชั้นนำในยุคนั้น แล้วขอให้พวกเขาช่วยกันคิดกระจกที่เมื่อรถชนกันแล้วจะไม่แตกเป็นลิ่ม แต่แตกเป็นเม็ดๆแทน ผู้โดยสารจะได้ปลอดภัย ครับบุคลากรชั้นยอดของโลก ต่างส่ายหัวครับ ว่าเป็นไปได้ จะใช้เงินหมดโลกก็ไม่มีทางคิดค้นกระจกย่างนั้นได้
ฟอร์ดต้องสติแตก หมดหนทาง หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง เลยลองโทรศัพท์ไปที่คณะวิศว ของม. มิชิแกน ไม่ได้โทรไปหาอาจารย์ด้วย แต่โทรไปบอกนักศึกษาปี 4 ที่กำลังจะทำ Project ก่อนจบ บอกว่าบริษัทจะให้ทุนสักประมาณ 100 ดอลล่าร์กว่าๆ เพื่อจะให้พวกเขาลองคิดกระจกที่ไม่แตกเป็นลิ่ม แต่แตกเป็นเม็ดแทน โดยไม่บอกเด็กๆ ว่าเขาเคยขอให้วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และอาจารย์ชั้นหัวกะทิ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าทำได้มาแล้ว
ครับได้ผล อีกสามเดือนกว่าถัดมา เด็กกลุ่มนี้ก็คิดได้ครับ เด็กกลุ่มนี้เป็นคนคิดกระจกที่ไม่แตกเป็นลิ่มที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี่เองครับ คนรุ่นต่อรุ่นล้วนเป็นหนี้เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กลุ่มนี้ครับ เห็นไหมครับ องค์กรของคุณอาจติดอยู่กับที่ไม่ไปไหน ลองถามเด็ก ถามคนนอกวงการดู อาจเกิดนวัตกรรมได้
เขียนสำหรับวันเด็กครับ แม้กลุ่มตัวอย่างจะเลยเด็กไปหน่อย
ตอนนี้เป็นตอนที่สามที่ผมเขียนถึงวุฒิสี่อย่างคือ ชาติวุฒิ วัยวุฒิ คุณวุฒิ และปัญญาวุฒิ องค์กรเราอาจยังอยู่กับที่ไม่ไปไหน เพราะเราทำอะไรตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ ลองคบ ลองถามคนที่หลากหลายดูอาจได้คำตอบที่ดีกว่าครับ อย่าอยู่กับคนกลุ่มเดียวกัน อาชีพเดียวกัน วัยเดียวกันเกินไป
สวัสดีค่ะ
ติดตามบันทึกของอ.แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น
ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปัน
การทำงานในปัจจุบันแม้คนจะมีความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ยอมฟังกันมากขึ้นแต่การทำอะไรแบบตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ ..
และคนหลายๆคนก็ไม่กล้าคิดหรือแสดงความคิดเห็น
หรือไม่กล้าออกนอกกรอบองค์กรก็เลยไม่ได้รับสิ่งใหม่ๆ
ชอบมากครับบันทึกนี้ การไม่ติดยึดและยึดติดจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาไปสู่การขับเคลื่อนที่ควรจะเป็นครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
คนในองค์กรมักจะยึดติดอยู่กับอะไรเดิมๆครับอาจารย์
การที่ออกไปถาม หรือปรึกษาคนนอกให้ลองทำในสิ่งที่คนในองค์กรคิดว่าทำไม่ได้เป็นอะไรที่สุดยอดครับ
อีกประเด็นหนึ่งคือ เด็กจบใหม่ ไฟแรงครับ ก่อนที่เขาจะถูกวัฒนธรรมองค์กรกลืนกิน
รีบปรึกษา หรือถามจุดที่เขาคิดว่าองค์กรควรจะเปลี่ยนแปลง ผมว่ามันน่าจะเวิร์คนะครับ
สวัสดีวันเด็กครับอาจารย์ ^^
เคยอ่านเจอเหมือนกันครับเรื่องนี้
อันที่จริงมันอาจจะเป็นเรื่องง่ายเกินไป
ที่ คนเก่งๆจะคิดออกละมั้งครับ
อย่าตัดสินคนจากเพียงภายนอกหรือว่าดูจากอายุเท่านั้นค่ะ จริงๆแล้วมีเด็กๆหลายคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีๆมากมาย ขาดแค่โอกาสเท่านั้นเอง
ค่ะ อาจารย์ เหมือนอย่างที่อาจารย์เคยเรียนว่า
การเสนอความคิด โดยดูจากคนต่างองค์กร
เรียกได้ว่า cross functional
บางครั้ง มุมมองของเราที่คิดว่ายากเหมือนงมเข็ม
แต่ว่า กลับเป็นความคิดที่เป็น ตรรกะ
ของศาสตร์อื่นๆ ที่เสนอมาให้เรา แบบเส้นผมบังภูเขา
jw
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่ม AI THAILAND ได้ที่
โลกนี้ชั่งกว้างใหญ่นัก เราก็ไม่ควรจะมองแค่จุดที่เรายืนใช่ไหมค่ะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ไดัรับค่ะอาจารย์
ชอบครับชอบ เด็กต้องฟังผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เรียนรู้กับเด็ก ร่วมกันเรียนรู้
เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ครับ