สาธุ สาธุ สาธุ
กราบนมัสการขอรับ..ด้วยประโยคที่กล่าวไว้ ณ เบื้องต้น ขอน้อมรับว่าเป็นประโยชน์สำหรับตน และ ผู้อื่น รับทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ทุกข์นั้นก็ขึ้นที่ใจ และสุดท้ายก็ดับลงที่ใจ เนื่องด้วยความคิดนั้นที่ว่าของเราก็ไม่ใช่ ความปรุงแต่งที่ว่าเกิดก็ไม่สามารถบังคับกับมันได้ และสิ่งเหล่านี้ใครว่ามันคือ เรา กระผมหาคำตอบกับตัวเองอยู่ทุกวันนี้แต่หาไม่เจอสักที ว่าทำไม่ จิตที่โลดแล่นไปไม่สามารถบังคับหรือกำหนดได้ เพืยงแต่ทำได้คือการเป็นผู้รู้ ตามภาวะที่เกิดขึ้นอย่างมีสติตลอดเวลา เบื่อนะครับ ว่าด้วยการเกิดมาต้องเผชิญกับภาวะ รัก โลภ โกธร และหลง นี้คือความจริงที่มนุษย์ทุกคนเจอใช้ไหมครับ
-สุดท้ายสิ่งที่ต้องทราบคือให้รู้สึกตัวทุกขณะตื่น ดีใจครับ ที่มีพระ(มหา)ดี ๆ อย่างท่าน ขอความอนุเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดธรรม กับท่านด้วย และกราบขอขมาหากมีสิ่งใดมิควร ขออย่างถือโทษโกธรกัน เป็นกรรมต่อ
-ปัจจุบันกระผมเรียนรู้ตนในธรรมชาติ และศึกษาธรรมชาติให้เข้าถึงตนเอง ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ครับว่าการศึกษาให้รอบรู้ถึงตนเอง ก็คือการรอบรู้ในสรรพสิ่ง ซึ่งกระผมเพียงพยายามตราบเท่าแรงกายและแรงใจพึงกระทำสุดชีวิต
-เชื่อแล้วครับว่าความรู้ทางโลกนั้นที่คุณคิดว่าดี คิดว่าใช่ สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถนำมาใช้ทางธรรมได้
-แต่ความรู้ทางธรรมหรือรอบรู้ในธรรมชาติ คือการรู้ธรรมะนั้น สามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ได้ทุกสิ่งอย่าง...กราบนมัสการ
นมัสการค่ะ ท่านธรรมฐิต
ที่ทุกข์เกิดขึ้นในใจเรานั้นแค่เพียงเพราะว่า
..เราไม่ยอมรับความเป็นจริงกับสิ่งนั้นๆต่างหาก..ใช่เลยค่ะครูนกลองทบทวนแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อจะสละทุกข์
" ที่ทุกข์เกิดขึ้นในใจเรานั้นแค่เพียงเพราะว่า..เราไม่ยอมรับความเป็นจริงกับสิ่งนั้นๆต่างหาก.." ขอน้อมรับข้อธรรมไว้พิจรณา ครับท่าน ความจริงคือทุกข์ ทุกข์คือความจริง ทุกวันนี้ผมพยามเลิกมองหาสุข สุขคือทุกข์ที่แปรรูป แล้วสุดท้ายวันนึงปฎิกูลจากการเสพสุขเหล่านั้นก็จะกลับเป็นทุกข์เช่นเดิม.....นมัสการครับท่าน
กราบนมัสการเจ้าค่ะ
หลังจากปีใหม่ ได้หยุดพักภาระงาน...กลับบ้านมีโอกาสไปทำบุญที่วัด เพิ่มมงคลให้กับชีวิตเจ้าค่ะ
พอกลับมาเลยมาอ่านบันทึก น้อมรับข้อธรรมะดีๆ ที่ท่านธรรมฐิตชี้แนะ
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็เรียนรู้มัน แล้วก็ปล่อยวาง เพราะความจริงมันก็เป็นเช่นนั้นเอง....(กำลังพยายามทำเจ้าค่ะ)
น้อมรับเป็นญาติร่วมอุทรธรรมด้วยความเต็มใจขอรับ..
ธรรมฐิตยังพูดไม่ได้เต็มคำว่าพระที่ดีขอรับยังต้องฝึกฝนอีกเยอะ
เรื่องถือโทษโกรธกันนั้นธรรมฐิตคงไม่นำมาเป็นบรรทัดฐาน ณ ใจที่กำลังฝึกฝนหรอกขอรับ ถูกคือผิด ผิดคือถูก อยู่ที่ใจแต่ละคนว่ามองอย่างไร..
หากเข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ
ทางโลกหรือทางธรรมคืออันเดียวกันขอรับ..
สาธุๆๆอีกสามครั้งขอรับ..
นมัสการพระคุณเจ้า
การยอมรับความจริง ก็เป็นการสละทุกข์อย่างหนึ่งใช่ไหมคะ จะพยายามปฏิบัติค่ะ
นมัสการค่ะท่าน
นมัสการพระคุณเจ้า
สวัสดีปีใหม่เจ้าค่ะ
หวังว่าพระคุณเจ้าจะมีสุขภาพดี มีความสุข สงบ ด้วยธรรม ตลอดปีเจ้าค่ะ
นมัสการยามเช้าจันทร์แรกของปีเสือค่ะพระน้องเจ้า
มาอ่านธรรมะดีๆ ยามเช้าก่อนเดินทางค่ะ
ขอบคุณนะคะ เมื่อวานที่นี่ฝนตกค่ะ พระน้องเจ้ารักษาสุขภาพนะคะ
กราบนมัสการท่าน ธรรมฐิต
ขอขอบพระคุณที่ท่านเสียสละเวลามาช่วยแลกเปลี่ยนความคิดธรรม
ผู้ ลด ละ เลิก และปฎิบัติดีอย่างท่าน ยังสามารถตอบปัญหาธรรมให้ผู้อื่นได้อีก น่าเอาเยี่ยงอย่าง ขอรับ
เรียนถามท่านว่า
-หากสิ่งที่เรากลัวที่สุด กลับอยู่ใกล้ตัวเราที่สุด จะทำเยี่ยงใด ซึ่งบางครั้งถ้าเราปล่อยความคิดไป เราก็ไม่สามารถรับเรื่องเหล่านั้นได้ ขอรับ
-ความคิดปรุงแต่งไม่เลิก ก่อให้เกิดทุกข์ ในเมื่อความคิดของคนเรานั้นไม่สามารถบังคับมันได้ เพียงแต่รู้ ๆ ๆ เท่านั้นบางครั้งสติก็โตไม่เต็มที่ ตามรู้ ตามดูไม่ค่อยทัน
-ได้แก่ตัว ประสบกับชีวิต เชื่อเหลือเกินว่า สุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่ เท่ากันเสมอ ซึ่งหาความจริงที่พอใจนั้นยากยิ่ง ขอรับ
-เบื่อนะครับ กับความสับสนวุ่นวาย ทั้งหลาย ทั้งปวง
-หากท่านมีบทโศลกธรรมดี ๆ ก็ขอไว้ให้เป็นกำลังใจกับตัวผมเองบ้าง ครับ ขอกราบนมัสการ
ตามหลักความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เรากลัวนะไม่ใช่เรื่องนอกตัวหรือไกลตัวหรอกขอรับ
แต่เรากลัวใจเราต่างหากละ อย่างที่บอกว่าเพราะเรายอมรับความจริงไม่ได้..ความกลัวจึงเกิดขึ้น(ลองทบทวนอย่างนิ่มนวลนะขอรับ)
ฝึกสิขอรับ เริ่มต้นกลับมาย้อนดูตัวเรา ด้วยการตรวจสอบพฤติกรรมในแต่ละวัน
ว่าตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนแต่ละช่วงจังหวะชีวิตมีปรากฏการณ์อะไรบ้าง
ตอนที่เกิดอาจรู้ไม่เท่าทันมัน แต่ลองย้อนดูภาพชีวิตใหม่ในแต่ละวันว่าเพราะอะไรใจเราจึงมีอาการเยี่ยงนั้นกับปรากฏการณ์นั้นๆ ตรวจสอบใจเราให้เป็นประจำ เชื่อได้เลยว่าแม้สิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถแก้ได้ แต่ก้าวข้างหน้าโอกาสที่จะพลาดจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือเกิดก็น้อยเต็มที การตรวจสอบพฤติกรรมชีวิตเท่ากับเพิ่มกำลังแห่งสติให้มากขึ้น
ทุกอย่างเกิดที่ตัวเราดังนั้นก็ต้องดูที่ต้นเหตุคือตัวเรา วิธีที่ว่ามาทำได้ง่ายมากและต้องกระทำอย่างยิ่งหากต้องการพบจุดหมายที่แท้จริงแห่งชีวิตนี้
อาจจะเดือน สองเดือน ปี หรือสิบปี ก็ตาม แต่ต้องทำแล้วจะรู้ว่าผลเป็นเยี่ยงใด
..ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าคิดว่าง่าย และอย่าหมายว่ายาก..ขอรับ..