ทำอย่างไรจะเขียน ?
นั่นคือโจทย์ที่ผมชักชวนคน พอช. ช่วยกันคิดค้นหาคำตอบร่วมกัน
ทำไมจึงไม่กลับมาเขียน ?
ผู้บริหาร พอช. ท่านหนึ่ง ถามตัวเองดัง ๆ ต่อหน้าคน พอช. ที่เพิ่งจะระดมสองตอบคำถามของผมอย่างเอาจริงเอาจัง และเริ่มเห็นแนวทางที่จะเริ่มต้น ในการบรรยายของท่านก่อนการปิดอบรม
ท่านเล่าต่อไปว่า ที่ท่านไม่อยากเขียน เพราะท่านไม่มีแรงจูงใจอีกแล้ว ทั้งลาภ ยศ และสรรเสริญ
ผมควรแนะนำท่านที่ตั้งคำถามนั้นเพิ่มเติมด้วยว่า
ก่อนที่ท่านจะเข้ามาร่วมงานกับหน่วยงานนี้ ท่านยังชีพด้วยการเขียน เขียนมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ เรื่อง ยังไม่นับรวมกับบันทึกประจำวันและบันทึกต่าง ๆ ที่บันทึกมาตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี
นอกจากนั้นท่านยังเป็นบรรณาธิการ ผ่านการอ่านและตรวจตรางานเขียนมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยต่อกี่ร้อยเล่ม
ผมพอเข้าใจได้กับการตั้งคำถามตัวเองของท่าน
แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็คือ การเขียนหนังสือ ให้ผลเพียงลาภ ยศ และสรรเสริญเพียงเท่านั้นหรือ
ท่านต้องการสื่ออะไรจากการพูดคุย นั่นคือสิ่งที่ผมเข้าใจไม่ถึง
สำหรับผมแล้ว การเขียนหนังสือเป็นสิ่งที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา รวมทั้งหาแนวทางที่เป็นตัวของตัวเอง แน่นอนว่าอยู่ในระยะเริ่มต้น
ทำไมการเขียนจึงสำคัญกับชีวิตผม ทั้งที่ในชีวิตยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้จัดการ
ผมเคยเขียนแบ่งปันในบันทึกแล้วว่า ผมมีทัศนะที่ดีต่องานเขียนและคนเขียนหนังสือ กระทั่งมีปัจจัยอื่นเข้ามาเสริมผมจึงเริ่มต้นฝึกหัดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง
แม้ว่าจะได้เงินจากงานเขียนบ้าง ได้รับคำสรรเสริญบ้าง แต่สิ่งเหล่านั้นก็มิใช่แรงจูงใจสำคัญสำหรับการเขียน ผมได้รับเงินและการสรรเสริญจากเหตุอื่นมากกว่าการเขียน แต่ผมก็รักการเขียน ยังอยากเขียน หากไม่นับเรื่องลูกและเมีย ผมให้เวลากับการเขียนมากกว่าการณ์อื่น ๆ ทั้งปวง
นอกจากการพูดคุยเรื่องการเขียน ผมเห็นด้วยและได้ความรู้จากการพูดคุยของท่านหลายประการ
ท่านบอกว่าความรู้มีหลายระดับ ระดับแรก คือ ข้อมูล (data) ถัดมาคือ ข่าวสาร (information) ขยับขึ้นมาเป็น ความรู้ (knowledge) ขยับขึ้นมาอีก คือ ปัญญา (wisdom)
ท่านยังกล่าวต่อไปว่านี่คือขั้นของความรู้ที่ฝรั่งค้นพบและบอกไว้ แต่อีกขั้นที่พระพุทธเจ้าเลยไปไกลกว่านั้นคือ ปัญญาตรัสรู้
ท่านบอกว่า พอช. เกี่ยวข้องกับผู้นำชาวบ้าน หรือปราชญ์ชาวบ้านจำนวนมาก ในแต่ละวันบุคคลเหล่านั้นจะวนเวียนมาร่วมงานกับ พอช. อยู่สม่ำเสมอ
คนเหล่านี้ทำงานและมีประสบการณ์จนตกผลึกเป็นความรู้และปัญญา และเมื่อพูดคุยกันมักจะไม่พูดถึงระดับ ข้อมูล และ ข่าวสาร ดังเช่นคนทั่วไป
คนเหล่านี้ไม่เขียนแต่พูด ไม่อ่านแต่ฟังและทำ
โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมเห็นด้วยว่ารากฐานวัฒนธรรมไทย เป็นวัฒนธรรมการพูด-ฟัง มิใช่เป็นวัฒนธรรมการเขียน-อ่าน นี่กระมังที่ทำให้การเขียนการอ่านของคนไทยไม่เข้มแข็ง
การพูด-ฟัง ค่อนไปทางสัญชาติญาณหรือธรรมชาติ ส่วนการเขียน-อ่าน ค่อนไปทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาภายหลังซึ่งนำพามนุษย์ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและมีอารยธรรม
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สืบเนื่องมาได้กว่า ๒,๐๐๐ ปี ก็เพราะมีบันทึกที่เราเรียกว่าพระไตรปิฎก เฉกเช่นเดียวกันกับพระคัมภีร์ใบเบิ้ลของคริสตชน และคุมภีร์อัลกุลอ่านของอิสลามิกชน
ศาสตร์ต่าง ๆ ที่เจริญเติบโตมาได้ก็เพราะเหตุสำคัญประการเดียวกันคือการเขียน การบันทึก
ฝรั่ง จีน อินเดีย ที่มีอารยธรรม ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากการเขียน-บันทึก อีกทั้งการเขียนและการอ่านก็เป็นการวัดคุณภาพประชาชนของแต่ละประเทศอีกด้วย
สังคมไทยแม้การเขียน/บันทึก จะไม่เข้มแข็ง แต่ก็มิได้หมายความว่าไม่มีความรู้/ปัญญา ในทางตรงกันข้ามเราพบความรู้และภูมิปัญญาอยู่ทั่วเต็มแผ่นดิน โดยเฉพาะความรู้/ปัญญาที่แฝงอยู่ในตัวคน ที่เราเรียกว่าปราชญ์ชาวบ้าน ที่ พอช. เกี่ยวข้องสัมพันธ์อยู่เป็นอันมาก
ความรู้/ปัญญาเหล่านี้ถ่ายทอดกันอยู่ในท้องถิ่น โดยใช้การพูด-ฟัง (รวมทั้งชวนทำ) เป็นส่วนใหญ่ ในทัศนะผม แม้ความรู้/ปัญญาเหล่านี้จะมีคุณค่า แต่ก็ต่อยอด ขยายผล และพัฒนาต่อได้ลำบาก
ถามว่าเราพึงพอใจอยู่กับวัฒนธรรมเดิมคือการพูด-ฟัง เพียงเท่านี้เพียงพอหรือไม่
สำหรับผมคิดว่าไม่ควรพึงพอใจอยู่เพียงเท่านี้ครับ แต่จะให้ปราชญ์ชาวบ้าน กระทั่งชาวบ้านที่แวดล้อมอยู่กับความรู้นั้นเขียนบันทึกความรู้/ปัญญาเหล่านั้น ก็ออกจะคาดหวังเกินไปสักหน่อย การเปลี่ยนหรือสร้างวัฒนธรรมเขียน-อ่าน ผมเชื่อว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วคนครับ
แล้วจะทำอย่างไรกันดี ตรงนี้ก็มาบรรจบกับภารกิจของ พอช.
หลายอย่างที่เป็นภูมิรู้ปัญญาท้องถิ่นที่เนื่องติดอยู่กับบุคคล
เมื่อท่านจากไปก็ตามท่านไปเกือบทั้งหมดหรือสืบต่อด้วยมุขปาฐะก็อยู่ได้ไม่ยืนนาน
การเขียนเป็นวิธีการหนึ่งที่เราพยายามจะเก็บความทรงจำนั้นไว้อย่างคลาสสิกที่สุด ไม่ต้องมีเเรงจูงใจทางด้านลาภ ยศ สรรเสริญ เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เเรงจูงใจนั้นมีเพียงเเต่ว่าอยากเขียน เขียนให้ตัวเองเองได้ทบทวน เขียนเพื่อสื่อสารให้คนบางคนเข้าใจ ก็พอ...
ท่านพุทธทาส ท่านก็ใช้การเขียนในการเผยแพร่ธรรมะ เกดิการเรียนรู้มากมายหลังจากนั้น
เขียนเพราะความรัก รัก ให้เกียรติตัวเอง รักในมนุษยชาติ นี่หละครับเเรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่
กราบนมัสการครับ พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
เราสูญเสียไปเยอะมากครับ หลังจากการล้มหายตายจากของบุคคลผู้ทรงภูมิรู้ภูมิปัญญา
น่าเสียดายมากครับ
หากการเขียนเข้ามาช่วยรักษาไว้ก็จะเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังได้ไม่น้อย
บางทีอาจจะพัฒนาต่อยอดความรู้/ปัญญานั้นไปอีกไกลด้วยครับ
ขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนและแบ่งปันความเห็นครับ
สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
เห็นด้วยครับ การเขียนเป็นการเก็บท้ังความรู้ ความทรงจำ มาแต่ไหนแต่ไร
ผมไม่ได้เขียนไปในบันทึก เพราะเดี๋ยวจะพูดเรื่องตัวเองเยอะเกินไป
ผมเองพัฒนาตัวเองจากการเขียนเยอะมาก
การเขียนทำให้ความคิดเป็นระบบมากขึ้น คิดได้ไกลและเชื่อมโยงกับเหตุปัจจัยต่าง ๆ ได้มากขึ้น
สวัสดีครับ คุณ ธรรมทิพย์
ขอบคุณมากครับ
ผมได้รับประสบการณ์อย่างที่กล่าวขึ้นมาจริง ๆ ครับ
"การฟังทำให้คนพร้อม การอ่านทำให้คนเต็ม การเขียนทำให้คนประณีต"
สวัสดีค่ะ แวะมาให้กำลังใจค่ะ..
สู้ สู้ ค่ะ
สวัสดีค่ะ
เอาของผมอีกคนหมั๊ยหนานเกียรติ
ผมกำลังฝึกฝนตัวเองทำงานศิลปะ
ด้วยการเขียนงานศิลปะให้มีความประณีตขึ้น
ครับหนานเกียรติ
ขอผมอีกรอบน๊ะหนานเกียรติ
- การอ่านทำให้เป็นผู้รู้
- การฟังทำให้เป็นผู้ตื่น
- การเขียนทำให้เป็นผู้เบิกบาน
ผมอยากเป็นคนเบิกบาน(เป็นคนทำงานศิลปะ) ผมจึงฝึกฝนตัวเองในงานเขียน
น้องกานต์เป็นคนชอบอ่าน และชอบฟัง
ขาดทักษะการเขียน เขียนได้แต่การเขียนบันทึก
เขียนตามอารมณ์พาไป เขียนแบบผู้รู้ยังเขียนไม่เป็น
ได้รับข้อคิดดีๆจากพี่ๆ คงต้องไปฝึกฝนการเขียนให้เป็น
ขอบคุณสาระดีๆที่มีประโยชน์ค่ะ
ถนัดพูด ฟัง อ่านมากกว่าค่ะ ตอนนี้กำลังฝึกการเขียนอยู่ค่ะ ขอบคุณสำหรับแนวคิดที่นำมาถ่ายทอดและแบ่งปัน
หลานม่อนมาแล้วครับ
สวัสดีค่ะ คุณหนานเกียรติ
สวัสดีค่ะ
-กำลังยุ่ง แต่ระลึกถึง ต้องมีส่งกำลังใจให้คนทำงานก่อนกลับบ้าน
- ท่าน ผอ.สพท. ใช้งานข้ามหน่วยงาน... ฟ้าง เลย....
- ขอบ้านไปทานข้าวดีกว่า
- มีความสุขกับการทำงานนะคะ
สวัสดีครับ คุณ ครูบันเทิง
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีครับ พี่ ครูคิม
แหะ แหะ พี่ครับ... ที่ว่าเขียนดีเนี่ย
"ผมเขียนดี" หรือว่า "การเขียนดี" ครับ
ขอบคุณครับพี่...
สวัสดีครับ พี่สุเทพ ไชยขันธุ์
ขอบคุณมากครับพี่
สวัสดีปีใหม่ครับ...
สวัสดีครับ อ.ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแบ่งปันความเห็นครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ...
สวัสดีครับ คุณ กานต์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแบ่งปันความเห็นครับ
เขียนต่อไปเถอะครับ ผมคิดว่าเขียนอย่างไรก็ได้ ดีทั้งนั้น
สวัสดีปีใหม่ครับ...
สวัสดีครับ คุณ @..สายธาร..@
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีครับ พี่ แมว - มนัสนันท์
สวัสดีครับ อาจารย์ นายประจักษ์ ปานอินทร์
สวัสดีครับ พี่ใหญ่ - นาง นงนาท สนธิสุวรรณ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมทักทายครับ
สวัสดีปีใหม่นะครับ
ขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่ที่จะถึงนี้และตลอดไปครับ
สวัสดีครับ อ.นิตยา เรืองแป้น
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแบ่งปันความเห็น
เฌวากลับมาแล้วนะครับ...
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีครับ คุณครูใจดี
โดนเขตใช้งานเหรอครับ...
แสดงว่าเป็นคนมีฝีมือครับ จึงได้รับมอบหมายงาน
ฝากความระลึกถึง ผอ.เขต ด้วยครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีครับ อ.นายก้ามกุ้ง
ขอบคุณเช่นกันครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ....
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีครับ ท่านหนานเกียรติ
ทักทายยามดึกค่ะ
สวัสดีครับ
คุณ ณัฐวรรธน์
คุณ เด็ก(like)สาระ!!
คุณ ปีตานามาจิตต์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนทักทายครับ....
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ
การเขียน มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วล่ะค่ะ
ในการเล่าความเป็นมาต่าง ๆ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้เห็นภาพ
เพราะสมัยก่อนเทคโนโลยี่ การใช้เครื่องมือต่าง ๆ ยังไม่มี
แต่สมัยนี้ คนส่วนมาก ชื่นชอบความสะดวก นวัตกรรมใหม่ ๆ
เลยขี้เกียจที่จะ "เขียน" อิอิ
บุญรักษาค่ะ ^^
แวะมารับข้อมูลดีๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ krutoiting
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ