โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่สุขภาพมักเข้าใจว่าแผลเบาหวานทุกชนิดมีวิธีการดูแลและทำแผลเหมือนกันแผลเท้าเบาหวานจึงไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องทำให้โอกาสที่แผลเหล่านี้จะหายมีน้อยและในบางครั้งแผลนั้นเกิดการลุกลาม..ส่งผลให้ท้ายสุดแล้วผู้ป่วยอาจเสียเท้าหรือขา..ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง
ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนจึงขอแนะนำแนวปฏิบัติการพยาบาลในการจัดการแผลเท้าเบาหวานซึ่งเป็นNursing Best Practice Guideline ของ RNAO(Registered NursesAssociation of Ontario) ดังนี้ ค่ะ
Nursing Best Practice Guideline: RNAO2005
ข้อเสนอแนะ(recommendations) |
ระดับของหลักฐาน (level ofevidence) |
|
ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติ | ||
เสริมพลังและให้ความรู้ผู้ป่วย (patient Empowerment and Education) |
1.0 ผู้ป่วยเท้าเบาหวานทุกคน หรือผู้ดูแลควรจะเข้าใจเงื่อนไขและแหล่งสนับสนุนของตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเบาหวาน และการดูแลแผล ของตนเอง |
।a |
1.1 การให้ความรู้ เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานและการป้องกันหรือลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ |
IV |
|
1.2 การให้ความรู้ ขึ้นกับความต้องการของแต่ละบุคคล ปัจจัยเสี่ยงสภาพแผล ความเป็นไปได้ และโอกาสหายของแผล |
IV |
|
การประเมินแบบองค์รวม (Holistic Assessment) Vascular status Infection Neuropathy Foot deformity and Pressure |
2.0 บันทึกประวัติการเจ็บป่วยที่สมบูรณ์ รวมทั้งการจัดการเบาหวานการแพ้ การใช้ยา การตรวจร่างกายการทำหน้าที่ของส่วนต่างๆของร่างกาย(เช่น หลอดเลือด การติดเชื้อหนังหนา เส้นประสาทเสื่อม เท้าผิดรูป การลงน้ำหนักกดทับแผล |
Ib-IV |
2.1 ประเมินอวัยวะส่วนปลายทั้งสองข้างเพื่อดูการไหลเวียนเลือดและการวินิจฉัยที่เหมาะสม |
IIb-IV |
|
2.2ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ ในผู้ป่วยเท้าเบาหวานทุกคนเพื่อการวินิจฉัย และให้การรักษาที่เหมาะสม |
IIa |
|
2.3 วินิจฉัยเส้นประสาทส่วนปลาย โดยประเมินการรับสัมผัสการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว |
II-IV |
|
2.4 ประเมินการกดทับของเท้า การผิดรูป การเดินรองเท้าและอุปกรณ์เสริม ความสะดวกและความเหมาะสม |
।a -IV |
|
Foot ulcer Assessment
|
3.0 บรรยายและบันทึกลักษณะของแผล |
IV |
3.1 ระบุตำแหน่ง ความยาว ความกว้าง ความลึกและชนิดของแผล |
।a -IV |
|
3.2 ประเมินขอบแผล หนอง กลิ่นเหม็น และผิวหนังรอบๆแผล |
IV |
|
Goals of care (เป้าหมายการดูแล) |
4.0 การกำหนดเป้าหมาย ขึ้นกับข้อค้นพบทางคลินิกความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และความยินยอมของผู้ป่วย |
IV |
4.1 ตรวจสอบความเป็นไปได้หรือโอกาสที่แผลจะหาย |
IV |
|
4.2 พัฒนาเป้าหมายร่วมกันทั้งผู้ป่วยและทีมสุขภาพ |
IV |
|
Management (การจัดการ) Systemic factor Local factor Extrinsic Factors Non-healing diabetic Foot wound |
5.0 ระบุปัจจัยภายนอกและภายใน ที่สามารถสนับสนุนการหายของแผล |
IV |
5.1 แก้ไขปัจจัยและปัจจัยร่วมซึ่งอาจรบกวนหรือกระทบการหายของแผล |
IV |
|
5.2 จัดให้มีการดูแลแผลที่เฉพาะ เช่น การตกแต่งแผลควบคุมการติดเชื้อ และให้ความชุมชื้นแผล |
Ia-III |
|
5.3 จัดให้ มีการกระจายแรงเพื่อลดการกดทับของแผล |
IIa |
|
5.4 ประเมินผล และเลือกการรักษาสำหรับแผลที่รักษาไม่หาย |
IV |
|
Evaluation Reassess Other therapies |
6.0 ประเมินผลกระทบ และประสิทธิภาพของแผนการรักษา |
IV |
6.1 ประเมินซ้ำ ปัจจัยอื่นๆเพิ่มในกรณีที่แผลไม่หายในเวลาที่คาดไว้ |
III-IV |
|
6.2 พิจารณาใช้ ตัวแทนทางชีวภาพ การรักษาเพิ่มเติม และหรือการผ่าตัด ถ้าการหายของแผลไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ทบทวนตัวช่วยแต่ละข้อเสนอแนะ |
Ia-IV |
จากแนวปฏิบัติดังกล่าวร่วมกับประสบการณ์ในการดูแลแผลเท้าเบาหวาน ผู้เขียนเห็นว่าการให้ความรู้ สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย ทุกครั้งที่ผู้ป่วยมาล้างแผล พยาบาลควรเน้นย้ำ ข้อควรปฏิบัติเช่น งดบุหรี่ งดเหล้า ลดการเดินหรือถ้าจำเป็นให้เดินโดยไม่ลงน้ำหนัก(ใช้ไม้ค้ำยัน) ที่สำคัญคือ ให้กำลังใจค่ะเพราะแผลเบาหวานแม้เพียงเล็กน้อย แต่ต้องใช้เวลาในการเยียวยา(healing) นานกว่าแผลปกติค่ะ ไม่ควรตำหนิผู้ป่วยเพราะอาจทำให้ผู้ป่วยขาดการดูแล ล้างแผลที่ต่อเนื่อง..
ตัวอย่างเช่น..
แผลหลังตกแต่งแล้ว..
ผู้ป่วยรายนี้ท่านเป็นข้าราชการครูที่เกษียนราชการแล้วค่ะท่านเดินลงน้ำแล้วเหยียบหอย มีแผลเน่าตายซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน แผลอาจไม่รุนแรงขนาดนี้ค่ะ..และหลังจากแพทย์ได้ตกแต่งแผลแล้ว ( Debridement)จำหน่ายผู้ป่วย ให้กลับไปทำแผลที่สถานีอนามัยใกล้บ้านแต่ด้วยความกังวลใจ กลัวจะถูกตัดขา(ผู้ป่วยบอกว่าถึงตายก็ไม่ยอมตัดขา)ผู้ป่วยจึงมาล้างแผลที่หน่วยงานของผู้เขียน..ดูแลตามแนวทางของ RNAO.. กระทั่งแผลดีขึ้น ดังภาพ
หลังให้การดูแล 3 สัปดาห์..ผู้ป่วยไปล้างแผลต่อที่สถานีอนามัยใกล้บ้านเมื่อวานนี้ผู้เขียนโทรติดตาม ประเมินผล ทราบว่าแผลแห้งดีใกล้หายเป็นปกติแล้ว ดีใจด้วยค่ะ ..
http://gotoknow.org/blog/nurseanaesthqa/316424
ลองไปอ่านการดูแลแผลโดยเติมจิตวิญญาณของเราเข้าไปด้วยนะคะ
...งานของแพทย์ พยาบาลได้ใกล้ชิดกับโอกาสนี้มากกว่าคนอื่นๆ เรื่องราวของคนไข้ เบื้องหลังของคนไข้...เขามีฝัน เรามีโอกาสเชื่อมความฝันของเขาให้เป็นความจริงได้... เรื่องเหล่านี้มันมักเกิดขึ้นทุกวัน ทุกเตียงคนไข้ ตัวอย่างเช่น การดูแลแผลเบาหวานที่เท้าหรือที่ตา retinopathy หากมองต่อไปว่า ถ้าแผลของเขาหาย เขาสามารถกลับไปเดินเล่นบนชายหาดได้ หรือ กลับไปมองเห็นลูกหลานของเขาได้อีก เขากลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวของเขาได้ สานฝันของเขาให้เป็นจริง...
แวะมาศึกษาครับ
แผลน่ากลัวมากเลยครับพี่
ถ้าเรารู้วิธีการดูแล คนไข้ก็สบายใจใช่ไหมครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ครับผม
สวัสดรครับคุณ ลดา อ่านเรื่องนี้แล้ว ต้องนำไปคุยต่อกับทีมเบาหวานแล้วครับ
สวัสดรครับคุณ ลดา อ่านเรื่องนี้แล้ว ต้องนำไปคุยต่อกับทีมเบาหวานแล้วครับ
สวัสดรครับคุณ ลดา อ่านเรื่องนี้แล้ว ต้องนำไปคุยต่อกับทีมเบาหวานแล้วครับ
เป็นความรู้ที่ดีมากๆครับ
ขอบคุณท่านเบดูอิน ..
ช่วยถ่ายทอดในงานของท่านด้วยจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งๆค่ะ
สวัสดีครับ คุณลดา
กำลังศึกษาเกี่ยวกับแผลเบาหวานแต่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องแผลอยู่ดี เราจะใช้เครื่องมืออะไรวัดค่ะว่าแผลแบบไหนกี่วันจะหาย (ส่วนใหญ่เจอคนไข้ถามว่าเมื่อไร่จะหาย)ล องหาดูก็จะเจอแต่เครื่องมือประเมินการหายของแผลกดทับ สามารถใช้ด้วยกันได้หรือเปล่าค่ะ อยากศึกษาให้เข้าใจมากกว่านี้แต่ไม่รู้จะเริ่มจากไหนก่อนดีค่ะ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
คุณสุภาณี
ขออภัยที่ตอบช้ามากกกกกก
อัตราการหายของแผลเบาหวาน ขึ้นกับชนิดของแผลค่ะ
แผลเบาหวานมี 3 แบบ ค่ะ (อ่านในบันทึกได้ ค่ะ)
โดยทั่วไปอัตราการหายของแผล คือ 1 mm/สัปดาห์ ค่ะ
คือว่า ถ้าแผลมีความกว้าง 1 cm =10 mm = 10 สัปดาห์ หรือ ประมาณ 2 เดือนครึ่ง ค่ะ
ทั้งนี้ แผล ขาดเลือด และ แผลประสาทเสื่อม จะหาย ช้ามาก ค่ะ
กรณี แผลขาดเลือด ควรพิจารณาให้ผู้ป่วยได้รับการประเมินเส้นเลือด การไหลเวียนเลือด ถ้าไม่ดี
ควรส่งผู้ป่วยพบแพทย์ เพื่อแก้ไข เส้นเลือด (Angioplasty) ซึ่งจะช่วยให้แผลเท้าเบาหวาน หายเร็วขึ้น ค่ะ