ชื่อบันทึกเป็นบุคคลที่น่าสนใจ จากที่ได้พูดคุญโทรศัพท์กับพี่คมศักดิ์ โสภารัตน์ ท่านชวนไปหาจึงได้ขับรถยนต์ยนต์ไปหาที่ร้านน่านวิวราว ๓ ทุ่ม ทำให้ได้พบพูดคุยกับคุณจตุพร บุรุษพัฒน์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในเวลาอีกไม่นานจากที่ได้พบ จำได้เป็นวันที่ ๕ ก.พ.ศกนี้ คุณจตุพร เดินทางมาที่วัดโป่งคำ ในงานที่เครือข่าย ทสม.จ.น่าน จัดกิจกรรมผู้มาร่วมงานกว่า ๕๐๐ คน http://gotoknow.org/blog/gotonan/239962
เท่าที่ได้พูดคุยกันและสอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ คุณจตุพร อายุไม่มากนัก ( ๔๕ ปี )เติบโตจากสายปกครองแล้วขอโอนย้ายมาอยู่ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เติบโตค่อนข้างรวดเร็ว แต่เท่าที่ได้พูดคุยแล้วเห็นการประสานต่าง ๆ เช่นล่าสุดที่ได้พบหน้าวันที่ ๒๕ ก.ย.ศกนี้ ที่ กทม.คุณจตุพร ลงมาอำนวยการ พูดคุยเป็นกันเองดี (ไม่วางมาด ทำตัวสบาย ๆ ให้เกียรติผู้คน)
ค่ำวานนี้ภรรยาซื้อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมาได้เปิดอ่าน ที่คอลัมภ์ ซี ๑๒ อ่านแล้วได้ทราบว่า คุณจตุพร ได้รับการเสนอชื่อให้โยกย้ายมารับตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ เช้าวันนี้ได้เข้าไปหาข่าวฉบับอื่น ๆ อ่านเกี่ยวกับคุณจตุพร มีหลายความคิดเห็น เป็นธรรมดาของสังคม ที่น่าสนใจคือ งานที่สำคัญที่ควรจะได้ขับเคลื่อนเกิดจากผู้บริหารระดับสูง ใครหรือคุณจตุพร จะอยู่หรือจะไป งานที่ขับเคลื่อนที่รับผิดชอบนั้น จำเป็นจะต้องตรวจสอบและจับต้องได้ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศไทย แน่นอนต้องเป็นที่จับตาของสังคมและทุกฝ่ายเกี่ยวกับการทำงานของคุณจตุพร บุรุษพัฒน์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงจะได้ใช้การประสานงานที่ดีขับเคลื่อนงานสำคัญที่ถูกจับตาและท้าทายให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป
มุมข้าราชการ 21/11/52 โดย ซี ๑๒ นสพ.ไทยรัฐ
ถึงแม้จะเริ่มต้นปีงบประมาณ 2553 ไปแล้วเดือนเศษ แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับบริหารยังทยอยผ่านมติ ครม.เป็นระยะ ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีรายการโยกย้ายสับเปลี่ยน นักบริหารระดับสูง ในตำแหน่ง อธิบดี เลขาธิการ และ รองปลัดกระทรวง อีกครั้ง จำนวน 5 คนคือ ศิริพงศ์ หังสพฤกษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็น รองปลัดกระทรวง เกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็น อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ จตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็น อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นิศากร โฆษิตรัตน์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น รองปลัดกระทรวง มิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ รองปลัดกระทรวง เป็น เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม........
ในจำนวนที่โยกย้ายกันหลายกระทรวงนี้ มีคนจำได้และตั้งข้อสังเกตว่ามี
อธิบดี และ รองปลัด อยู่สองราย ที่มีอดีตเป็น คนมหาดไทย
แล้วโอนย้ายไปอยู่ หน่วยงานอื่นจนได้เป็นใหญ่เป็นโตในวันนี้คือ จตุพร
บุรุษพัฒน์ ที่ได้เป็น อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
กรมหลักของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกคนก็คือ
วิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ อดีตรอง ผวจ.
ที่เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลเล็กน้อย
ตอนนี้เป็นรองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร..........
สุวิทย์” สั่งชี้อธิบดีต่างคนต่างทำงานแถมพื้นที่ทับซ้อน โดยรวม 3 หน่วยงานไม่ซับซ้อน แค่แก้ไขกม.จัดระเบียบระบบราชาการฯ เพียงฉบับเดียว...
กล่าววันนี้ (19 พ.ย.) ถึงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 หรือ อธิบดี ภายใน ทส.โดยเพาะอย่างยิ่งการโยกย้ายนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ที่เพิ่งรับตำแหน่งได้เพียง 2 เดือน ไปเป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช(อส.) แทนนายเกษมสันต์ จิณณวาโสและให้นายเกษมสันต์ ไปเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ แทนนายศิริพงษ์ หังสพฤกษ์ และให้นายศิริพงษ์ เป็นรองปลัด ทส.ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์อย่างหนัก ว่า การโยกย้ายเป็นไปตามความเหมาะสม และลักษณะของงานตามความถนัดของอธิบดีแต่ละคน เนื่องจากแต่ละคนมีความชำนาญต่างกัน
รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ การย้ายอธิบดี ทช.เป็นไปเป็นอธิบดี อส.เพราะกำลังสั่งให้ นายศักดิ์สิทธิ์ ปลัด ทส.ศึกษาเรื่องการยุบรวมหน่วยงาน 3 กรม คือ อส.ทช.และกรมป่าไม้ เป็นหน่วยงานเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาทั้งสามหน่วยต่างคนต่างทำงาน ขณะเดียวกันพื้นที่การทำงานก็ทับซ้อน ทำให้เกิดปัญหามากมาย รวมทั้งการบังคับใช้กฏหมายก็ใช้กฏหมายคนละฉบับทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ เกี่ยงกันทำงาน เป็นเหตุให้เกิดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากมายการศึกษา เรื่องนี้ผมให้เวลาปลัด ทส.ศึกษา 3-6 เดือนนับจากนี้
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า การยุบรวมทั้ง 3 กรมเข้าด้วยกัน ไม่ซับซ้อน โดยต้องไปแก้กฎหมายจัดระเบียบบริการราชการแผ่นดินฉบับเดียว เมื่อถามว่า การโยกย้ายจะนำไปสู่การยุบรวมหน่วยงานทั้ง 3 กรมได้อย่างไร นายสุวิทย์ กล่าวว่า ถ้าให้อธิบดีทั้ง 3 กรม อยู่ในที่เดิม และให้ตนบอกว่า ต่อไปนี้จะมีการศึกษาเรื่องยุบรวม รับรองว่าไม่มีทางมีใครเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะต่างคนก็จะรู้สึกเป็นเจ้าของพื้นที่ และยึดมั่น ดังนั้นจึงต้องให้ออกมาก่อน และศึกษาความเป็นไปได้ เรื่องนี้พูดกันมานานมากแล้ว แต่ไม่มีใครทำกันอย่างจริงจังเสียเสีย ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องทำแล้ว
ด้าน นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา อดีตปลัด ทส.กล่าวว่า เรื่องการยุบรวมของทั้ง 3 กรมนี้พูดกันมานานมาก ปัญหาของทั้ง 3 หน่วยงานที่เห็นชัดที่สุดคือ ความทับซ้อนกันของการทำงาน ที่มีความลักลั่นกันมาตลอด แต่ไม่ถึงกับแก้ปัญหาไม่ได้ หาก เรื่องนี้จะต้องศึกษาให้ดี เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตามถ้าจะยุบรวมเป็นกรมเดียวจริงๆ ก็จะต้องเป็นกรมที่ใหญ่มากๆ เพราะต้องรับผิดชอบงานกว้างมาก
http://www.thairath.co.th/content/edu/47906
เตรียมยุบรวม 3 กรม ในกระทรวงทรัพยากรฯ อีกรอบ ทส. 19 พ.ย. - "สุวิทย์ คุณกิตติ" มีแผนใหม่ยุบรวม 3 กรมใ น ทส. เข้าด้วยกัน กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ้างมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ เกี่ยงงานกันเอง หลังเสนอ ครม.ย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงใน 3 กรม สำเร็จมาแล้ว
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงกรณีการโยกย้ายข้าราชการ ระดับ 10 ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และกรมทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะกรณีของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีอุทยานฯ คนใหม่ ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากเพิ่งเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เพียง 2 เดือนเศษ ว่า การโยกย้ายได้ดูความเหมาะสมและลักษณะปัญหาของงานที่เกิดในปัจจุบัน รวมทั้งความถนัดของผู้บริหารที่จะเกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการของ ทส. เป็นหลัก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาพบว่า การทำงานของหลายกรมมีปัญหาในการบริหารจัดการ และการเกี่ยงกันทำงานด้านการดูแลป้องกันการบุกรุกทำลายป่าจนส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน จึงได้มอบหมายให้ นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัด ทส. เร่งดูรายละเอียด และทบทวนการยุบรวม กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าเป็นหน่วยงานเดียว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างช้า 3-6 เดือน ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จ
“ขณะนี้ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดเท่านั้น แต่จะให้ปลัด ทส. ศึกษารายละเอียดให้เร็วที่สุด เพราะปัญหามาจากโครงสร้างที่เกิดการแยกการทำงานกันออกเป็น 3 กรม ซึ่งแม้จะมีกฎหมายคนละฉบับ แต่ยังต้องดูแลพื้นที่เดียวกันจนเกิดความซ้ำซ้อน แต่ ทส. มีนโยบายสำคัญคือ การป้องกันการบุกรุกทำลายป่าอย่างจริงจัง และการอนุรักษ์ฟื้นฟู ที่ต้องดำเนินการอย่างทันการ เพราะถ้าไม่เอาจริงก็จะเกิดการบุกรุกยิ่งขึ้น ดังนั้นถ้ามีทบทวนด้วยการพิจารณาการปรับโครงสร้างใหม่แล้วจะช่วยให้การทำงานสัมพันธ์กัน และทำให้ดูแลพื้นที่กันได้ดี” นายสุวิทย์ ระบุ.-
สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2009-11-19 17:58:10
http://news.mcot.net/sport/inside.php?value=bmlkPTEyNjI1OCZudHlwZT10ZXh0
กฏหมายไทยไม่ดีไม่มีความเด็ดขาด ผมอยากให้ประหารชีวิตคนที่บุกรุกป่าสถานเดียวไม่มีข้อยกเว้น ทุกวันนี้โลกร้อนยังเอากฏหมายที่ล้าหลังมาบังคับใช้อยู่นั่นแหละ ป่าคงจะเหลืออยู่หรอกนะ
ออกกฏหมายบังคับให้คนไทยทุกคนต้องปลูกต้นไม้ใหญ่ทุกคน ปีละไม่ต่ำกว่า 10 เหมือนเมืองจีนที่ออกกฏหมายแล้วบังคับใช้ได้ด้วย ทำซะทีเถอะ ก่อนป็นทะเลทราย
ฮ๊อฟ [IP: 1.46.84.190]
เมื่อ อ. 20 ก.ค. 2553 @ 21:25
#2098594 พฤติกรรมที่อยากจะให้จัดการตรวจสอบจัดการให้แล้ว