หลังจากที่ได้ทดลองนำรูปแบบสุนทรียสนทนามาใช้ในการเรียนการสอนเป็นกลุ่มแรก และได้มีโอกาสใช้กับนักศึกษาแพทย์ในกลุ่มที่ 2
ประเด็นคำถามที่น้องๆได้ลองถามก็จะคล้ายคลึงกับกลุ่มนักศึกษาที่ได้ทำมาก่อน เช่น ตายแล้วไปไหน เตรียมตัวตายอย่างไร จะจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นหลังการสูญเสียอย่างไร
คำตอบที่ออกมาก็จะคล้ายๆกันคือ คนที่เสียใจกับการตายของเรา ก็คงเป็น พ่อแม่ของเรา คนที่เรารัก ญาติพี่น้อง
สุดท้ายน้องปิ่น คนที่ตั้งคำถามเองก็มาเฉลยว่า ที่ตั้งใจตั้งคำถามเพราะอยากให้เพื่อนๆรู้ว่า เราทุกคนมีคนที่เป็นห่วงและรักเราเสมอ เพราะทุกคนก็มีคนที่จะเสียใจหากเราต้องเสียชีวิตไป แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่เลวที่สุด ก็จะยังมีคนที่เสียใจกับการตายของเขาเช่นกัน
โอ้ !!!! คิดได้ไง ผมอดทึ่งไม่ได้กับความคิดของน้องในการตั้งคำถามนี้
สุดท้าย แล้วน้องๆได้เรียนรู้อะไรบ้าง (เลือกมาเฉพาะคำตอบที่แตกต่างจากสัมมนาในกลุ่มที่ผ่านมา)
- น้องต้อมบอกว่าเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ป่วยมากขึ้น ผ่านการตั้งคำถามกับตนเอง ขนาดเจอบางคำถามยังรู้สึกอึ้ง อึดอัด ขนาดนี้ แล้วคนไข้ที่เจอสถานการณ์จริงๆเป็นอย่างไร
แล้วการสอนแบบนี้ จะได้ผลไหม คงต้องติดตามกันต่อไป
แหะ แหะ ไม่อยากให้ใครดีใจกับการตายของเราเลยครับ
มันแปลก ๆ ไงก็ไม่รู้
สวัสดีค่ะ คนบ้านเดียวกัน
เคยอรบรมการเตียตัวตายอย่างมีสติ
ให้สมมุติสถาณการณ์ ว่า จะเป็นเช้าสุดท้ายที่เราจะได้ส่งลูกไปรร.รู้สึกอย่างไร
ซ้อมเขียนพินัยกรรม
เศร้านะคะ...คิดเหมือนกันเลยค่ะ แต่คำตอบคงเป้นคนที่รักเรามากที่สุดนั่นเอง
แต่คนที่ดีใจ คงจะมีบ้าง ...
สวัสดีค่ะคุณหมอแจ๊ค
สวัสดีคะ ขอบคุณคะที่ได้เยี่ยมเยียน
เสน่ห์หนึ่งของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
คือ ถ้าชีวิตเปรียบเสือน essay ตอนนี้ก็เหมือน conclusion คะ
การที่มีคนรักและห่วงใยมากหรือน้อย ก็เพราะการกระทำที่ผ่านมาด้วยคะ
เคยเห็น..คนไข้ที่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ในห้องผู้ป่วยรวม..
lonely in the crown..
สวัสดีครับ
วิธีสอน นศพ. น่าสนใจ ขอยืมไปใช้นะครับ
วัชรพงษ์ เป็นอาจารย์ด้วยหรือครับ
ตอบพี่หมอโรจน์
-ยินดีครับ เพราะวิธีการที่ใช้ ผมก็ไม่ได้คิดเองหรอกครับ copy & development มาครับ
-ลองใช้แล้วเป็นยังไง เล่าให้ฟังบ้างนะครับ
ไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นเลยผมจังใจทำงานที่โรงเรียนมากเวลาเล่นมีแค่ที่บ้านกันในรถแต่พอถึงบ้านเห็นผมไม่ทำการบ้านก็เอาแต่ด่าด่า ไม่คิดถึงกูเลยว่ารู้ยังไงทั้งที่พยายาม