ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมบึงแก่นนคร จังหวัดขอนแก่น ครูพาหนูมาเลี้ยงเหมี่ยงปลา เราทานกันไปเรื่อย ๆ แล้วครูก็ถามหนูว่า
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง” หนูหยุดนึก แต่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ท่านถามซ้ำ
“ยังรู้สึกว่าโดนครอบงำอยู่ไหม”
หนูยกคิ้วขึ้น ทำตาโต ตอนนั้นคิดว่า ทำแบบนี้แล้วน่ารักที่สุด รู้สึกว่าช่วงนั้นยังใส่ contact lens อยู่ เพราะกลัวไม่สวย คิด ๆ แล้วก็ขำ ความโง่ของตนเองนะคะ แล้วตอนนั้นก็ทวนคำว่า
“ครอบงำ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“เอ๋า ครอบงำมันก็เหมือน นี่ ๆ เรานั่งอยู่ใต้หลังคานี่ไง แต่พอเดินออกไปถึงได้รู้ว่า อ้อไม่โดนครอบงำเป็นแบบนี้”
ตอนนั้นหนูฟังก็ยัง งง ๆ เหมือนคนที่ไม่สามารถมีสภาวะเปรียบเทียบได้ แต่ถ้าให้กลับไปมองตอนนั้น หนูน่าโดนเขกหัวสักที ในความโง่เขลา ตอนนั้นสภาวะครอบงำยังมีอยู่ บางลงบ้าง แต่หนูก็มองไม่ออกหรอกค่ะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าจากคำตอบของหนู ครูท่านก็รู้ของท่านว่า หนูนั้น
“ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ฮ่า ๆ ๆ มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ค่ะ
รู้สึกว่าวันนั้นจะแต่งตัวซะสวยทีเดียว หมายถึงหนูนะ จริง ๆ เป็นเป็นคนหน้าตาก็งั้น ๆ แหละ แต่มั่นใจ และเชื่อว่าตนเองแต่งออกมาแล้วสวย เอาหล่ะซิ จะมีใครสักคนมาพูดอะไร ก็ไม่ค่อยจะฟังเขาหรอกค่ะ กว่าครูท่านจะกำหราบหนูลง ก็เล่นเอาท่านเหนื่อยเหมือนกัน กะอีแค่การยึดมั่นถือมั่นกับรูปลักษณ์ภายนอก ที่ใจหนูโหยหาการฉาบทา
วันนั้นครูสอนให้หัดดูตนเอง สังเกตตนเอง แต่หนูก็ ทำเป็นไม่รู้ ไม่ใช่ซิ ไม่ได้ทำเป็นค่ะ ไม่รู้เรื่องเอาซะเลยจริง ๆ แถมยังรู้สึกว่า
"มายุ่งกะหนูทำไมอะ" มาวันนี้ถึงรู้ว่าตนเองโง่มาก โง่จริง ๆ
คุณครูขา หนูยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกว่า ครูเหนื่อย แล้วตัวหนูเอง “วอน โดนดุตลอดเวลา เฮอะ ๆ”
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ไม่มีความเห็น