เรียน Pure Science หรือ Applied Science ดี มุมมองของคน Biology บรรยากาศไทยๆ

"หนูคิดว่างานที่ได้ทำปัจจุบันนี้ มันขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะชีวิต" "คนเราใช้ชีวิต 1 ใน 3 กับการทำงาน ถ้าทำงานด้วย สนุกด้วย แล้วได้ปัจจัยพอเป็นค่าครองชีพด้วย ชีวิตก็มีความสุขแล้วครับ "

      วันนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มน. มีกิจกรรมวันหยุดอย่างน้อย 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมสัมภาษณ์ เด็กอัจฉริยะทางด้านวิทยาศาสตร์ และ กิจกรรมอบรมนิสิตก่อนฝึกงาน

      เผอิญผมเข้ามาทำงานใน Office ได้พบนิสิตเก่าชีววิทยา 2 คน กำลังนั่งที่เก้าอี้รับแขก ทราบว่าเป็นแขกของหัวหน้าภาควิชาชีววิทยา (ดร.สุริศักดิ์ ประสานพันธ์) กำลังรอหัวหน้าภาคฯ และทราบว่าหัวหน้าภาคกำลังสัมภาษณ์นักเรียนอัจฉริยะอยู่ ผมจึงถือโอกาสเข้าไปคุยด้วย เพื่อระลึกถึงความหลัง ผมจำหน้าพวกเธอได้แต่จำชื่อไม่ได้ ทราบภายหลังว่า เธอ 2 คน  ชื่อเหมือนสัตว์ (จริง ๆ นะ) คือ ชื่อต่าย (ขออนุญาตใช้ชื่อจริง สุทธินาถ คำมูลอินทร์) และปลา ดังรูป ตามลำดับจากซ้ายไปขวา

     สองคนนี้จบในปีการศึกษา 2537 (เดือนมีนาคม-เมษายน 2538) วุฒิ วท.บ. ชีววิทยา ไปทำงานได้ประมาณ 10 ปี มีเงินเดือน 2 คนรวมกัน ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท (ย้ำว่า ต่อเดือนนะครับ ไม่ใช้ต่อปี) ผิดกับคุณ รปภ ของผม 2 คนในรูปถัดมา 2 คนรวมกันได้เงินกว่าแสนครับ (แต่เป็นเงินรายปี) ความแตกต่างของรายได้ผมยังไม่พูดในที่นี้นะครับ เผื่อมีโอกาสค่อยมาว่ากันใหม่

      มาว่ากันตามหัวข้อบันทึกข้างต้นนะครับ ผมสัมภาษณ์ อดีตนิสิต ม.นเรศวร รหัส 34 (2534) คล้าย ๆ รายการเจาะในเลยครับ (สวมบทพิเชษฐ์ พุฒตาล) โดยสรุป เป็นดังนี้ คุณต่ายและคุณปลานี่ ตอนเป็นนักเรียนเธอสอบเทียบกันมา และมาสอบเข้ามน.ได้ (เปลี่ยนจากมศวพิษณุโลกเป็นม.นเรศวร ระหว่างเรียน) 2 คนนี้ชอบทำ Lab หรือ ปฏิบัติการมาก และชอบชีววิทยา เธอบอกว่า นิสิตสมัยนั้นมี 2 ประเภท คือ ประแภทแรกชอบชีววิทยา และประเภทที่ 2 คิดว่าจะเข้าอะไรไม่ได้เลือกชีววิทยาไว้ก่อน (คะแนนต่ำในสายวิทยาศาสตร์)  แต่ 2 คนนี่ชอบทำ Lab (ปฏิบัติการ) และหลักสูตรชีววิทยาสมัยนั้น เรียนทั้งเน้นจุลชีววิทยาและเคมีด้วย เมื่อจบไปจึงมีความรู้กว้าง

      คุณปลานี่ ตอนไปสมัครงานถ้าสมัครเป็นพนักงานวิทยาศาสตร์หรือพนักงานห้องทดลอง หรือตรวจสอบคุณภาพ เขาจะไม่รับ แต่เขายื่นเงื่อนไขว่าจะรับ ต้องเป็น Production ต้องคุมคนได้ แต่ตอนหลังได้ไปทำงานด้าน การขายเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นงานท้าทาย ถ้าทำได้บางเดือนอาจได้ commission เป้นแสน เป็นการทำงานที่มี incentive (แรงจูงใจ) และปัจจุบันก็ยังทำงานนี้ เธอสารภาพว่า ตอนเรียนชอบชีววิทยา แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอค้นพบตัวเองแล้วว่า งานขายเป็นงานที่เธอชอบ

      คุณต่ายนี่ เธอเป็นคนตุ้ยนุ้ยตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ตอนไปออกค่ายอาสาพัฒนา ตอนเช้าแปรงฟัน เธอบอกว่า "แปรงฟันนี่มันต้องแปรงลิ้นด้วยนะ (คือเหม็นทั้งฟันและลิ้น)" เธอให้สัมภาษณ์เจาะใจว่า "หนูคิดว่างานที่ได้ทำปัจจุบันนี้ มันขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะชีวิต"  คุณต่ายเป็นคนที่ได้เงินเดือนสูงที่สุดในรุ่น (ชีววิทยา) เพื่อนของเธอเป็นอาจารย์ที่มน. น่าจะมีเงินเดือนน้อยที่สุดในรุ่น ขณะนี้กำลังเรียนปริญญาเอก (คนที่จะมาเป็นอาจารย์ต้องทำใจว่า จะได้เงินเดือนต้องน้อยกว่าเพื่อน และอย่าบ่นเป็นอันขาด เพราะว่าคุณเลือกทางเดินเอง  ขนาดผมเป็นอาจารย์ของเธอทั้งสองทำงานมาก่อนยังได้เงินเดือนน้อยกว่าเลย แต่ผมก็ยังมีความสุขกับการทำงานนะครับ .......เพราะยังใช้หนี้ไม่หมด)

      ตอนเธอสมัครงาน เธอสมัครไปทุกสายเลย คือ ชีววิทยา จุลชีววิทยา เคมี และงานที่เธอทำปัจจุบันหนักไปทางเคมี เป็นงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า (ไม่ได้ถามรายละเอียด) เป็นงานที่ต้องควบคุมคน (เหมาะกับบุคลิกของเธอ)

      ผมได้ถามเธอทั้งสองว่า ตอนเธอจบนั้น เงินเดือนข้าราชการปริญญาตรีเท่าไร เธอบอกว่า 6,360 บาท (เท่ากับปัจจุบันที่เวลาผ่านไป 10 ปี แต่กำลังจะขึ้นในเดือนตุลาคมนี้) ตอนเธอเรียนเสียค่าหน่วยกิตเทอมละ 2-3 พันบาท (ตอนนี้เสียเหมาจ่ายเทอมละ 12,000 บาท ขึ้นไป 4-6 เท่าตัว) ตอนรุ่นเธอเรียน เข้าปฏบัติการครั้งหนึ่งมากสุด 20-30 คน (ตอนนี้ประมาณ 100-200 คน) ตอนเธอเรียนผมสอนมากสุด 3-4 วิชา (ตอนนี้มากสุด 10 วิชา .......ผมกำลังจะเป็นเป็ดแล้วครับ..บ่น)

       ในมุมมองของผม ถ้าผมกลับมาเป็นนิสิต ระหว่าง Pure Science กับ applied Science ผมจะเลือกเรียนอย่างไหน ผมต้องเลือก Applied Science ละครับเพราะได้เงินเดือนสูงกว่า (มันสำคัญอยู่ที่ว่าเลือกแล้วจะได้หรือเปล่าเท่านั้น) แต่ถ้าผมอยู่ต่างประเทศ ต้องเลือก Pure Science เพราะเป็นงานที่ท้าทาย มีเกียรติ และได้ค่าตอบแทนคุ้มค่ากับความยากของวิชา

       แต่เมื่อนึกย้อนไปในอดีต การที่ผมเลือกเรียน Pure Science คือ ชีววิทยา หรือ Biology มันก็ไม่ผิดเพราะผมชอบ ถึงจะได้เงินน้อย แต่ก็มีความสุข เพราะได้ทำงานที่ผมชอบ (ติดตาม Blog ของผมที่ชื่อ การจัดการความรู้เรื่องผึ้งด้วยนะครับ)  คนเราใช้ชีวิต 1 ใน 3 กับการทำงาน ถ้าทำงานด้วย สนุกด้วย แล้วได้ปัจจัยพอเป็นค่าครองชีพด้วย ชีวิตก็มีความสุขแล้วครับ

       ผมลืมบอกไปว่า ภาควิชาชีววิทยา เชิญเธอทั้ง 2 มาบรรยายให้น้องปี 4 ฟัง ว่า จบชีววิทยาไป ไม่จำเป็นต้องไปทำงานตรงสายชีววิทยาก็ได้ (แต่ก็ยังคงต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อยู่ดี) แต่สามารถได้รับเงินเดือนในอัตราที่น่าพอใจ (ขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะชีวิตครับ)