ขอบคุณสำหรับข่าวที่คนต้องอ่านจริงๆค่ะ อาจารย์
ขอบคุณครับ สำหรับข่าวเช้านี้ ผมติดตามอ่านผลงานอาจารย์มาตลอดครับ ขอบคุณครับที่มอบความรู้ดีๆให้อย่างสม่ำเสมอครับ
ในเมื่อเขาไม่มีอำนาจแล้ว สำหรับข่าวนี้คงไม่น่าแปลกใจที่มติชนสามารถลงข่าวนี้โดยไม่โดนฟ้องครับ ที่จริงแล้วสื่อมวลชนควรลงข่าวของผู้มีอำนาจในขณะนั้นๆ จะดีกว่าครับ
และถ้าจะเล่น "ข่าวลือ" และ conspiracy theory กันแล้ว ยังมีข่าวที่ "คนไทยควรอ่าน" กันอีกมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใดก็ตาม แต่สังคมไทยควรเป็นสังคมที่ตั้งอยู่บน "หลักฐานและเหตุผลที่พิสูจน์ได้" ครับ เราไม่ควรเลือกเชื่อเฉพาะข่าวที่ตรงจริตเราครับ เราควรเป็นผู้นำในการกระตุ้นให้เกิดการพิสูจน์อย่างเป็นระบบครับ
และไม่ว่าจะเป็นข่าวลือของฝ่ายใดก็ตาม ในภาพรวมคือการนำพาชาติลงไปสู่ความคิดของอารมณ์เหนือเหตุผลทั้งสิ้นครับ รูปแบบความคิดเช่นนี้อันตรายต่อพัฒนาการของชาติมากกว่าแค่เรื่องการเมือง เพราะจะฝังรากลึกไปในทุกสัดส่วนของสังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนที่กำลังเติบโตขึ้นมาครับ
ถ้าเราเห็นเด็กอายุสิบห้าบนศาลเจ้าขอพรให้สอบผ่าน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เด็กแต่อยู่ที่ผู้ใหญ่ครับ
พูดกันคนละครั้งก็งี้แหละอาจารย์
สาดกันคนละทีแลกกันคนละหมัด.ง
สุดท้ายคนอยู่บนเวทีสบายคนที่ตายคือใคร...
ที่น่าเป็นห่วงก็คือ เวลาอ่านสิ่งที่มีคนสะท้อนข่าวในช่วงท้ายของบทความ
ตอนนี้้ทุกๆหนังสือพิมพ์จะมี online version และมักจะเปิดพื้นที่ให้คนอ่านได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นด้วย ดูจากนี้น่าจะค่อนข้างดี แต่ปรากฏว่าพื้นที่ตรงนี้นี่เองได้สะท้อนสภาพความเป็นจริงส่วนหนึ่งของการเสพย์ข่าวของคนไทย (อย่างน้อยก็กลุ่มที่ชอบแสดงออกในที่สาธารณะ) ว่าน่าเป็นห่วงแค่ไหน
อย่างที่ อ.ธวัชได้ว่ามา คือมีการแสดงออกตอบมาน้อยมาก ที่ไม่ได้เต็มไปด้วย overwhelming emotional ทั้ง aggressive, anger, provocative เต็มไปด้วย concept ของ One Us Vs One Them ไม่พวกฉันก็ต้องเป็นพวกแก และ stereotyping คือ ถ้าพวกฉันแปลว่าดี 100% ถ้าพวกแกแปลว่าเลว 100% ไม่เฉพาะข่าวสารการเมือง แต่ลามไปหมด ทั้งข่าวบันเทิง ข่าวกีฬา มีการใช้อารมณ์เป็นฐานในการด่วนตัดสิน ในการแบ่งพรรคพวก ในการดูถูก เหยียดหยาม full attacking modes กันเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว
เสริมท่านอาจารย์ธรรมจิต แต่ผมว่าแม้แต่คนบนเวทีก็ไม่ได้สบายอะไร เพราะอยู่ตรงกลางของวังวนแห่งจิตอันทุกข์ระทม และห่างไกลจากจิตที่นิ่งสงบ และความหมายโดยนัยที่น่าตกใจกว่าก็คือ เรายากที่จะจินตนาการได้เลยว่า จำนวนผู้คนที่เสพย์ข่าวสารอันเต็มไปด้วยพลังงานแบบนี้มีอยู่เท่าไหร่ในสังคม ณ ปัจจุบัน แบบเสียงดังๆมีเท่าไหร่ แบบเงียบๆมีเท่าไหร่
สงครามน้ำลาย น้ำจะท่วมสภา ประชาชนไม่ได้อะไร
เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า "เกิดขึ้น เป็นอยู่ ดับไป" ผมคงไม่เอามะพร้ามห้าวมาขายสอน หรือสอนหนังสือสังฆราช หรอกนะครับ เราก็รู้แก่ใจว่าเกิดขึ้นอะไรกับชาติและคนไทย ต่างก็ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองทุกฝ่าย ไม่ยอมกัน ขาดความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย มีทิฏฐิมานะกันทั้ง 2 ทาง
ท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย (แม้แต่คนที่พูดว่าไม่มีสี ไม่มีสังกัด) ก็หนีความจริงในใจไม่พ้นหรอกว่าตนเองมีธงอยู่ในใจ เชียร์ใคร แต่เมื่อเจอหน้ากันทักทายกันธงเหล่านั้นก็ลดลงบ้างจึงคุยกันรู้เรื่อง
หากไม่มีใครลดธงต่างชูธงเข้าหากิน 5555 (บรรลัย)
ผมคนเกิดมาไม่นาน ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรหรอก เพียงแต่ว่า "ความลับไม่มีในโลก" มันเป็นความจริงที่คนไม่อยากพูดถึง ความจริงที่แสลงใจ ยิ่งรู้มากยิ่งเจ็บปวด ยิ่งใกล้ยิ่งร้อน ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ
ฝากบอกทั้ง 2 ฝ่าย (ผมก็มีธงในใจเหมือนกัน// ข้อความนี้มีอคติแน่นอน)
คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็............... เรา (จะขี่ม้าสีหม่น ๆ ฌาปนกิจ พวกท่านเอง)