คนไทยต้องอ่าน


 

          บทความในมติชนออนไลน์นี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนได้โดยไม่โดนฟ้อง   หากไม่เป็นความจริง   ว่าเขาโกงบ้านเมืองกันถึงเพียงนี้    อ่านได้ที่นี่

วิจารณ์ พานิช
๑ พ.ย. ๕๒


            

หมายเลขบันทึก: 310280เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2009 08:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอบคุณสำหรับข่าวที่คนต้องอ่านจริงๆค่ะ อาจารย์

ขอบคุณครับ สำหรับข่าวเช้านี้ ผมติดตามอ่านผลงานอาจารย์มาตลอดครับ ขอบคุณครับที่มอบความรู้ดีๆให้อย่างสม่ำเสมอครับ

ในเมื่อเขาไม่มีอำนาจแล้ว สำหรับข่าวนี้คงไม่น่าแปลกใจที่มติชนสามารถลงข่าวนี้โดยไม่โดนฟ้องครับ ที่จริงแล้วสื่อมวลชนควรลงข่าวของผู้มีอำนาจในขณะนั้นๆ จะดีกว่าครับ

และถ้าจะเล่น "ข่าวลือ" และ conspiracy theory กันแล้ว ยังมีข่าวที่ "คนไทยควรอ่าน" กันอีกมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใดก็ตาม แต่สังคมไทยควรเป็นสังคมที่ตั้งอยู่บน "หลักฐานและเหตุผลที่พิสูจน์ได้" ครับ เราไม่ควรเลือกเชื่อเฉพาะข่าวที่ตรงจริตเราครับ เราควรเป็นผู้นำในการกระตุ้นให้เกิดการพิสูจน์อย่างเป็นระบบครับ 

และไม่ว่าจะเป็นข่าวลือของฝ่ายใดก็ตาม ในภาพรวมคือการนำพาชาติลงไปสู่ความคิดของอารมณ์เหนือเหตุผลทั้งสิ้นครับ รูปแบบความคิดเช่นนี้อันตรายต่อพัฒนาการของชาติมากกว่าแค่เรื่องการเมือง เพราะจะฝังรากลึกไปในทุกสัดส่วนของสังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนที่กำลังเติบโตขึ้นมาครับ

ถ้าเราเห็นเด็กอายุสิบห้าบนศาลเจ้าขอพรให้สอบผ่าน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เด็กแต่อยู่ที่ผู้ใหญ่ครับ

พูดกันคนละครั้งก็งี้แหละอาจารย์

สาดกันคนละทีแลกกันคนละหมัด.ง

สุดท้ายคนอยู่บนเวทีสบายคนที่ตายคือใคร...

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ เวลาอ่านสิ่งที่มีคนสะท้อนข่าวในช่วงท้ายของบทความ

ตอนนี้้ทุกๆหนังสือพิมพ์จะมี online version และมักจะเปิดพื้นที่ให้คนอ่านได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นด้วย ดูจากนี้น่าจะค่อนข้างดี แต่ปรากฏว่าพื้นที่ตรงนี้นี่เองได้สะท้อนสภาพความเป็นจริงส่วนหนึ่งของการเสพย์ข่าวของคนไทย (อย่างน้อยก็กลุ่มที่ชอบแสดงออกในที่สาธารณะ) ว่าน่าเป็นห่วงแค่ไหน

อย่างที่ อ.ธวัชได้ว่ามา คือมีการแสดงออกตอบมาน้อยมาก ที่ไม่ได้เต็มไปด้วย overwhelming emotional ทั้ง aggressive, anger, provocative เต็มไปด้วย concept ของ One Us Vs One Them ไม่พวกฉันก็ต้องเป็นพวกแก และ stereotyping คือ ถ้าพวกฉันแปลว่าดี 100% ถ้าพวกแกแปลว่าเลว 100% ไม่เฉพาะข่าวสารการเมือง แต่ลามไปหมด ทั้งข่าวบันเทิง ข่าวกีฬา มีการใช้อารมณ์เป็นฐานในการด่วนตัดสิน ในการแบ่งพรรคพวก ในการดูถูก เหยียดหยาม full attacking modes กันเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว

เสริมท่านอาจารย์ธรรมจิต แต่ผมว่าแม้แต่คนบนเวทีก็ไม่ได้สบายอะไร เพราะอยู่ตรงกลางของวังวนแห่งจิตอันทุกข์ระทม และห่างไกลจากจิตที่นิ่งสงบ และความหมายโดยนัยที่น่าตกใจกว่าก็คือ เรายากที่จะจินตนาการได้เลยว่า จำนวนผู้คนที่เสพย์ข่าวสารอันเต็มไปด้วยพลังงานแบบนี้มีอยู่เท่าไหร่ในสังคม ณ ปัจจุบัน แบบเสียงดังๆมีเท่าไหร่ แบบเงียบๆมีเท่าไหร่

  • "ครอบครัวผมคนไทย ยังสนับสนุน ทักษิณ และการกระทำ ของ ฮุนเซ็น ที่ไม่เป็น เด็กดื้ออยู่ในสายตา ถ้าแยกให้ดี ระหว่างประเทศไทย กับ รัฐบาล ผมว่าคุณต้องคิดอย่างนี้ อย่าให้ อภิสิต เอาประเทศ มาต่อสู้กับ ทักษิณ เพราะก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้ แล้ว ทำไมผมยินดี การ ประจาร รัฐบาลนี้ ของฮุนเซ็นละ คู่ต่อสู้ทักสิน คือ รัฐบาล ประชาธิปัด อำมาตย์ ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนของผม และของประเทศไทย เพราะคนส่วนใหญ่เลือก เพื่อไทย แฃะเลือกทักสิน ดังนั้น อย่ามาพูด ว่าตัวเองคือประเทศไทย ว้าเหว่แท้ รัฐบาลสร้างแต่รอยร้าว และ กู้เงินอย่างเดียว"
  • เจอคอมเม้นแรกก็โดนฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว
  • แสดงว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ก็ไม่ชอบ พวกรัฐบาลขี้โกงชุดนี้เหมือนกันนะครับอาจาร์
  • เพราะรัฐบาลชุดนี้ก็โกงเขาตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียนี่
  • และถ้าไม่มีตัวช่วยผมว่าอีกสิบชาติ ปชป.ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล
  • หรือว่าไม่จริงครับท่าน

สงครามน้ำลาย น้ำจะท่วมสภา ประชาชนไม่ได้อะไร

  • เข้ามาอ่าน และแนะนำหนังสือสักเล่มค่ะ
  • "1984" ที่ยอร์ช ออร์เวล เขียนไว้ในปี 1948 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ๆ นั้น
  • ออร์เวล จินตนาการที่ 3 อภิรัฐ โดยวาดภาพเหตุการณ์ที่อภิรัฐหนึ่งชื่อว่า โอชันเนีย
  • รัฐที่ว่านี้ มีกระทรวงแห่งความจริง(ซึ่งทำหน้าที่โป้ปดมดเท็จ)
  • มีคำขวัญใหญ่พาดหน้ากระทรวงนี้ว่า "สงครามคือสันติภาพ  เสรีภาพคือความเป็นทาส และ อวิชชาคือกำลัง"
  • ดิฉันอยากแนะนำให้ท่านทั้งหลายได้อ่านมันสักครั้ง
  • เพราะมันจะทำให้ท่านเข้าใจเรื่องของ "ชุดความคิด" ของค่าย-ฝ่าย-สี-พวก ที่ไม่อาจคุยกันรู้เรื่อง
  • ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะ "อวิชชาคือกำลัง" อย่างไรเล่าคะ
  • "อวิชชาคือกำลัง" เป็นเทคนิคในการควบคุมความคิดคนผ่าน "ความคิดสองชั้น" ซึ่งตล่อมให้ผู้คนสละ "อาตมัน"ของตนเข้าสู่ "ปรมาตมัน"ของ ป้อมค่ายฝ่าย-สี ด้วยการลดทอนทุกอย่างให้เหลือเพียง "สิ่งที่ต้องเข้าใจ" และ "สิ่งที่ต้องมองข้าม" ทำให้เกิด"การเมืองสองหน้า"และ "สงครามน้ำลาย" ที่งัดข้อและถกเถียงจากจุดยืนของความเป็นพวกเป็นฝ่าย ไม่ใช่จุดยืนของความมีศีลมีสัตย์
  • ดิฉันเข้าไปอ่านบทความนั้นตามลิงค์ที่คุณหมอให้ไว้  ดิฉันเห็นว่า นักหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันทำการบ้านน้อยไป ถ้าทำการบ้านดีกว่านี้ ถ้าไปค้นย้อนข้อมูลสนเทศตลาดหลักทรัพย์ช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 ค้นข้อมูลสนเทศเรื่องสัมปทานในยุค รสช. จะได้ข้อมูลเนื้อๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งจะทำให้บทความมีพลังมากขึ้น และจะทำให้ปรากฎการณ์แสดงความเห็นโต้ตอบกันแบบข้างๆ คูๆ จะลดลง และจะช่วยให้ผู้คนได้สืบค้นที่มาที่ไปกันมากขึ้น
  • ข้อความในย่อหน้าที่แล้ว ถ้าดิฉันไปพูดในเวปพันทิป ห้องราชดำเนิน ก็จะถูกสาดโคลนทันทีว่า เป็นเสื้อเหลือง เพราะคนในสังคมป้อมค่าย ไม่เข้าใจเรื่องความเป็นอิสระ ไม่เข้าใจเรื่องการพิจารณาสิ่งต่างๆ ทีละประเด็นๆ ตามหลักฐาน ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับฟังทุกฝ่ายได้ และยังคงมีความเห็นเป็นตัวของตัวเองได้  ซึ่งเรื่องนี้ เป็นเพราะสังคมไทยได้หลงลืมบางเรื่องราวไป
  • สังคมไทยหลงลืม ความตรงไปตรงมา การว่าไปตามเนื้อผ้า ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก โดยถือเอาความมีศีลมีสัตย์ เป็นหลักในการยึดถือ 
  • ดิฉันเห็นว่า ถ้าอยากพลิกเปลี่ยนให้ วิชชาเป็นพลัง ขึ้นมา ผู้คนจะต้องมีความเป็นอิสระทางปัญญา และเอาศีลธรรมกลับมาให้ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปติดกับดักของความเป็นพวก
  • ดิฉันอยากบอกว่า
  • .*.*.*.
  • .....หากสำนึกแท้แท้รินแผ่หยาด
  • น้ำสะอาดทิพย์ใสอันไหลรี่
  • เราจะเคลื่อนเพื่อคลองธรรมย้ำวาที
  • หรือกู้ก้องเพรียกเสรีย่อมมีพลัง
  • .....หากผู้คนเป็นไทในใจจิต
  • ย่อมพิชิตความแปลกปลอมที่หลอมหลั่ง
  • หากใฝ่หาประชาธิปไตยใช่ในภวังค์
  • ย่อมน้อมฟังสร้างสำนึกผนึกตน
  • .....ทุกวันนี้ผู้คนทนทุกข์นัก
  • เพราะล้วนยักษ์กินเหยื่อแสวงผล
  • จะฝ่ายฟ้า,ทุน,ปืน ล้วนแสนกล
  • ใช้มวลชนเป็นเพียงฐานสะท้านใจ
  • .....สงครามค่ายฝ่ายสีวันนี้ระเบิด
  • ต่างชักเชิดกดดันกันรุกไล่
  • ผู้คนทุกข์ท่วมแผ่นดินผินหาใคร
  • หากเป็นไทไร้สังกัดถูกตัดรอน
  • .....แต่เหล่าไทไร้สังกัดเห็นชัดแจ๋ว
  • ใครเจื้อแจ้วแฝงประโยชน์ใครกะล่อน
  • หากเราไร้อำนาจขาดวงจร
  • แม้เหตุการณ์สั่งสอนเรานมนาน
  • .....วันข้างหน้า
  • ฝ่ายใดหลั่งเลือดน้ำตาออกฉ่าฉาน
  • ผู้เป็นไทย่อมใฝ่หาอภัยทาน
  • พรหมวิหารเพื่อปักปักษ์รักษาชน
  • .*.*.*.*.*.
  • ในฐานะชาวบ้านสามัญซึ่งมีแต่ตัวกับหัวใจ ดิฉันตระเตรียมตนเองไว้เช่นนั้น ในวันนี้ ผู้เป็นไทฝักใฝ่ธรรมอาจต้องซุกซอนซ่อนตน เพราะสงครามย่อมดึงดูดเอาคนทั้งดีและไม่ดีเข้าไปทั้งสองฝ่าย หรือสามสี่ฝ่ายก็ตาม ตามที่มันคลี่คลายไป เมื่อมีสงคราม ก็มีการทำลายล้างกันและกัน  ดิฉันคิดว่า คนอิสระ ไร้สังกัด ฝักใฝ่ธรรมะจะทำอะไรได้ นอกจากถึงเวลาที่ฝุ่นเลิกตลบ เราต้องหากันให้พบ เพื่อช่วยกันฝังศพผู้เสียชีวิต เช็ดเลือด เช็ดน้ำตา เยียวยาให้ผู้บาดเจ็บ ทุกค่าย ทุกฝ่าย ทุกสี 
  • สร้างสรรค์สังคมมนุษย์ขึ้นมาใหม่
  • ขอให้ธรรมคุ้มครอง บุญรักษา และอยู่เย็นเป็นสุขทุกท่านค่ะ

 

เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า "เกิดขึ้น เป็นอยู่ ดับไป" ผมคงไม่เอามะพร้ามห้าวมาขายสอน หรือสอนหนังสือสังฆราช หรอกนะครับ เราก็รู้แก่ใจว่าเกิดขึ้นอะไรกับชาติและคนไทย ต่างก็ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองทุกฝ่าย ไม่ยอมกัน ขาดความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย มีทิฏฐิมานะกันทั้ง 2 ทาง

ท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย (แม้แต่คนที่พูดว่าไม่มีสี ไม่มีสังกัด) ก็หนีความจริงในใจไม่พ้นหรอกว่าตนเองมีธงอยู่ในใจ เชียร์ใคร แต่เมื่อเจอหน้ากันทักทายกันธงเหล่านั้นก็ลดลงบ้างจึงคุยกันรู้เรื่อง

หากไม่มีใครลดธงต่างชูธงเข้าหากิน 5555 (บรรลัย)

ผมคนเกิดมาไม่นาน ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรหรอก เพียงแต่ว่า "ความลับไม่มีในโลก" มันเป็นความจริงที่คนไม่อยากพูดถึง ความจริงที่แสลงใจ ยิ่งรู้มากยิ่งเจ็บปวด ยิ่งใกล้ยิ่งร้อน ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ

ฝากบอกทั้ง 2 ฝ่าย (ผมก็มีธงในใจเหมือนกัน// ข้อความนี้มีอคติแน่นอน)

คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็............... เรา (จะขี่ม้าสีหม่น ๆ ฌาปนกิจ พวกท่านเอง)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท