คือกำไรของชีวิต ... (วิชาความสุข)


ไม่มีใครถูกสั่งถูกบังคับ การลงโทษเพียงป้องกันไม่ให้ผิดพลาดได้ชั่วคราว แต่มันไม่ได้ส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงาน

นานแล้วสินะที่ผมไม่ได้ "หอมกลิ่นหนังสือ" มาฝากไว้ในบันทึก อันเวลาที่จะนำมาเริ่มใช้ในทางอื่นเสียหมด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้อ่านหนังสือเลย "อ่านครับ อ่านเยอะด้วย แต่ไม่ได้กร่อนความออกมา เก็บไว้ในหัวสมองอยู่คนเดียว"

ได้หนังสือเล่มล่าสุดมาครับ ชื่อ "วิชาความสุข" เขียนโดย ธรรมรตา ... จับอยู่นานจึงตัดสินใจซื้อมาเพื่อทบทวนความคิดข้างใน

วันนี้อยากนำเสนอเรื่อง "คือกำไรของชีวิต" อ่านแล้วนึกถึงคนรอบ ๆ ตัวของตัวเอง

ดังนั้น ขอฝากวางไว้ในบันทึกนี้นะครับ

 

 

คือกำไรของชีวิต

 

การทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากความสามารถของตนเองแล้ว ก็ต้องอาศัย เจ้านายจูง เพื่อนฝูงดัน อยู่เหมือนกัน

การรักษาสัมพันธภาพความเป็นมิตร เป็นสิ่งสำคัญที่บางคนอาจหลงลืม เมื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นก็คิดว่าตนมีอำนาจ แสดงอำนาจควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา ตำหนิลูกน้องต่อหน้าคนอื่นเพื่อให้เขายกย่องว่า ตนคือเจ้านาย

บางคนปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานราวกับตนเป็นนาย เพื่อนเป็นบ่าว

เมื่อเป็นอย่างนี้ เจ้านายอาจไม่แลแม้เพื่อนก็ดับหาย สุดท้ายผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฎ เพราะเมื่อเหลือเพียงตัวคนเดียวย่อมทำอะไรไม่ได้ งานก็ไม่ประสบความสำเร็จ

การทำงานร่วมกันก็ต้องปันน้ำใจให้กัน แบ่งพื้นที่ในใจตนเพื่อใส่คนอื่นไว้บ้าง เคารพศักดิ์ศรีความสามารถที่เขามีและหน้าที่ที่เขาทำ

สร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงบันดาลใจ

ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกภูมิใจในตนเอง

ตระหนักถึงคุณค่าของการทำงานร่วมกัน

เปลี่ยนจากว่า "คุณไปทำ" เป็น "เรามาร่วมกันทำเถอะ"

ไม้แข็งแปลงให้เป็นไม้นวม นิ่มนวลอบอุ่นอ่อนโยน

เปลี่ยนจากชี้นำเป็นแนะแนำ สร้างการเรียนรู้ร่วมกัน

 

ดังเช่นเรื่อง "ลมกับพระอาทิตย์" ที่ทั้งสองแข่งกันว่า ใครจะทำให้คนเดินทางถอดเสื้อคลุมออกได้ เพื่อแสดงพลังอำนาจของตนเอง

ลมพยายามพัดให้แรงที่สุด แต่ยิ่งพัดแรงเท่าไหร่ คนเดินทางก็ยิ่งเอาเสื้อคลุมกระชับตัวเท่านั้น พัดจนคนเดินทางปลิวไปกับลมก็ไม่สามารถทำให้คนเดินทางถอดเสื้อคลุมได้

แต่พระอาทิตย์เพียงส่องแสงแดดไปเรื่อย ๆ คนเดินทางก็เริ่มร้อนจนสุดท้ายทนไม่ไหวจนต้องถอดเสื้อคลุมออก

ไม่มีใครถูกสั่งถูกบังคับ การลงโทษเพียงป้องกันไม่ให้ผิดพลาดได้ชั่วคราว แต่มันไม่ได้ส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงาน

การชมเชย ยกย่อง หรือให้รางวัลแม้เพียงเล็กน้อย แต่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางจิตใจ เป็นการให้กำลังใจเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง

ลองพิจารณาดูเถอะว่า

ถ้าเอาแต่ดุด่า ผลตามมาคือ ความหยาบคาย
เอาแต่ติเตียน ผลตามมาคือ ต่อต้าน
เอาแต่แข่งขัน ผลตามมาคือ ใจแคบอิจฉา
เอาแต่ล้อเลียน ผลตามมาคือ ขาดความมั่นใจ
เอาแต่ตามใจ ผลตามมาคือ ไม่ได้ใจ

แล้วลองเปลี่ยนใหม่

เปลี่ยนเป็นเปิดใจ ก็จะได้ความเข้าใจ
เปลี่ยนเป็นแนะนำ ก็จะทำให้มีส่วนร่วม
เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ก็จะได้ความอ่อนน้อม
เปลี่ยนเป็นเมตตา ผลตามมาจะอยู่ด้วยรัก
เปลี่ยนเป็นให้กำลังใจ จะได้ความตั้งใจและร่วมมือ

 

"อันอ้อยตาล หวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย" สุนทรภู่กล่าวไว้ให้ได้คิด ว่าคำพูดแบบไหนที่จะทำให้จับใจคน หรือทำให้คนเจ็บใจ

พระท่านเรียกคำพูดดี ๆ นั้นว่า "ปิยวาจา" คือ ถ้อยคำที่ทำให้เป็นคนน่ารัก และทำให้คนรัก เช่น พูดจริงใจ พูดไพเราะ ซึ่งบางท่านเรียกว่า "ภาษาดอกไม้" ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังมีทัศนคติเชิงบวก ทั้งต่อตนเองต่อผู้อื่น ตลอดจนต่องานที่กำลังทำอยู่นั้น

 

ยกตัวอย่างภาษาดอกไม้

สุดยอด! เยี่ยม! แจ๋ว เจ๋ง เหนือชั้นจริง ๆ วิเศษสุด ๆ เลิศจริง ๆ

ขั้นเทพเลยนะเนี่ย ทำได้ดีมาก คุณทำมันได้แน่นอน ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ

เราต้องร่วมมือกัน จับมือกันไว้พวกเรา...สู้! เอาเอบวกไปเลย

คุณทำให้หน่วยเรามีสีสัน ผมเห็นความตั้งใจของทุกคน

Take care นะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะ ห่วงคุณนะ รักนะ

 

แม้ยังไม่ได้พูดอะไร แค่ส่งยิ้มให้กันก็แทนคำพูดดี ๆ ได้สักพันคำเชียวละ ฉะนั้น ลองเปลี่ยนสำนักงานบ้านหรือห้องเรียน ให้เป็นสวนดอกไม้อันงดงาม เปลี่ยนไม้นวมเป็นดกไม้สักช่อ

อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า คนสมัยนี้ ใช้ชีวิตในสำนักงานในโรงเรียนมากกว่าบ้านด้วยซ้ำ เงินเดือนที่ได้อาจไม่คุ้มเลยก็ได้หากว่าช่วงเวลานั้นของชีวิต มีแต่ปัญหา ความทุกข์ ความขัดแย้งแข่งขัน อิจฉาช่วงชิง

เปลี่ยนเวลานั้นให้เป็นเวลาแห่งความสุข สนุกกับการทำงาน

งานก็จะสำเร็จ คนก็จะเป็นสุข
เป็นความสุขที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้น
กำไรที่แท้จริงไม่ใช่อยู่ที่ผลประกอบการ
แต่เป็นมิตรภาพและน้ำใจ
คือการทำงานด้วยความสุขใจ
คือกำไรของชีวิต

 

...........................................................................................................

 

ตอนนี้ผมมีคนรอบข้างคนหนึ่ง ซึ่งเรานับถือเขาเป็นพี่คนหนึ่ง ที่มองว่า เขามีโอกาสจะทำประโยชน์ให้กับคณะฯ ได้ในอนาคต ด้วยความเป็นคนคล่องตัว และเนื้อแท้เป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ยังคงต้องมีอีกหลาย ๆ สิ่งต้องปรับปรุง

เราเลือกสนับสนุนคนนี้ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ ตอนนี้ถือเป็นขั้นทดลองงาน ดูเชิง ฝึกฝีมือ

แต่เมื่อได้เข้าไปจับงานจริง ๆ อยู่ในฐานะที่สูงกว่าน้อง ๆ กลับเป็นว่า การทำงานของพี่เขา ออกมาในลักษณะสั่งการ ทำงานเองคนเดียว ไม่ปรึกษาใคร ลักษณะ COACHING ซึ่งพี่เขาอยู่สาขานักกีฬา เรียกว่า ถอดแบบ มาเลย

ทำให้น้อง ๆ ปวดหัวไม่เลิกรา พี่ไม่มองน้องเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่มองเป็นลูกน้อง แบบนี้ภาวะการต่อต้านเริ่มเกิดขึ้นทีละคนสองคน จนผมเริ่มเดินถอยหนี แต่ยังให้โอกาสให้พี่พิจารณาตัวเองว่า พี่ทำงานแบบนี้ไม่ได้ แล้วต่อไปอนาคต คณะฯ จะฝากผีฝากไข้ให้พี่ได้อย่างไร

บทความนี้ทำให้ผมนึกถึงเขาเป็นคนแรก อยากให้เขาได้มีโอกาสอ่านและทบทวนตัวเอง เพราะทุก ๆ คนในทีมต่างให้โอกาสปรับปรุงวิธีการทำงาน

แต่เปอร์เซ็นต์น้อยเหลือเกิน พี่เขาเริ่มรวน ตัดสินใจผิดพลาด ไม่มีใครช่วยทำงานด้วย อีกทั้ง "เขาอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้อีกต่อไป"

แค่ปรับตัวให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ศรัทธาในทีมงาน เชื่อมั่นวิธีคิดของคนที่เป็นคนดี

ผมและทีมก็เฝ้ารอต่อไป

 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ชอบบทความนี้ ลองไปหาดูที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ ได้ครับ

ถือเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนด้วย

 

...........................................................................................................

 

แหล่งอ้างอิง

ธรรมรตา.  วิชาความสุข.  กรุงเทพฯ: ประพันธ์สาสน์, 2552.

 

หมายเลขบันทึก: 303474เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2009 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 12:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะเข้ามาเจอบันทึกนี้เลย ขอเป็นคนแรกนะคะ ชอบมากค่ะอาจารย์

ถ้าเอาแต่ดุด่า ผลตามมาคือ ความหยาบคาย

เอาแต่ติเตียน ผลตามมาคือ ต่อต้าน

เอาแต่แข่งขัน ผลตามมาคือ ใจแคบอิจฉา

เอาแต่ล้อเลียน ผลตามมาคือ ขาดความมั่นใจ

เอาแต่ตามใจ ผลตามมาคือ ไม่ได้ใจ

แล้วลองเปลี่ยนใหม่

เปลี่ยนเป็นเปิดใจ ก็จะได้ความเข้าใจ

เปลี่ยนเป็นแนะนำ ก็จะทำให้มีส่วนร่วม

เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ก็จะได้ความอ่อนน้อม

เปลี่ยนเป็นเมตตา ผลตามมาจะอยู่ด้วยรัก

เปลี่ยนเป็นให้กำลังใจ จะได้ความตั้งใจและร่วมมือ

ถ้าทำได้ทุกคนสังคมคงน่าอยู่มากขึ้นนะคะ

สวัสดีค่ะท่าน

วิชานี้ดีมากค่ะ

แต่บุคคลที่ท่านกล่าวถึง ได้อ่านตามที่ท่านประสงค์ให้อ่านหรือยังคะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่ดีมีมาแบ่งปันค่ะท่าน

แปลกแต่จริงนะคะ กำลังแปลงานเรื่องคล้ายกันนี้พอดีเลยค่ะ

Take care นะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะ ห่วงคุณนะ รักนะ

 อยากให้หนุ่มมาดแมนทั้งหลายหันมาพูดอย่างนี้เยอะๆ .. น่ารักซะ

โลกนี้คงน่าอภิรมย์ขึ้นเยอะเลยนะคะ ..

เปลี่ยนเป็นเปิดใจ ก็จะได้ความเข้าใจ
เปลี่ยนเป็นแนะนำ ก็จะทำให้มีส่วนร่วม
เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ก็จะได้ความอ่อนน้อม
เปลี่ยนเป็นเมตตา ผลตามมาจะอยู่ด้วยรัก
เปลี่ยนเป็นให้กำลังใจ จะได้ความตั้งใจและร่วมมือ

โดยสรุปแล้ว วิชาความสุข ก็คือ การเปลี่ยนตัวเอง พัฒนาตนเองจากข้างใน ก่อนที่จะเปลี่ยนโลก :)

หุ หุ สงสัยจะยังไม่ได้อ่านครับ คุณ ครูอี๊ด ;_...

เป็นความเหนื่อยใจเหมือนกันครับ

ขอบคุณมากครับ ;)

Take Care นะคุณ poo จู...บุ๊บ จู...บุ๊บ

555 พูดไม่ยากครับ คุณ poo  แต่ถ้าพูดไปโดยไร้ความหมาย ถ้าจะไม่จริงใจซะแล้ว

ขอบคุณครับ ;)

โดยสรุปสำหรับคุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ;) ... คือ หน้าที่ของ FA นั่นเองครับ อิ อิ

ขอบคุณครับ ;)

  • ที่แท้เคล็ดลับ "ทำให้คำพูดหวานหู" อยู่ที่นี่นี้เอง ดีจังเลยค่ะ ได้มาฝึกฝนก่อนถึงวันพรุ่งนี้ ชอบคำนี้ค่ะ ...เปลี่ยนเป็นเมตตา ผลตามมาจะอยู่ด้วยรัก...
  • การมีเมตตา ฝึกจิตกันได้นะคะ...เพียงแค่ฟังและอยู่ในโลกเดียวกับผู้ฟัง...ซึ้งมากค่ะ
  • ว่าง ๆ แวะไปฟังเพลงเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ ใน Sexy BAR นะคะ พอดีเพิ่งนำเพลงขึ้นได้ค่ะ  เห็นท่านอาจารย์นพลักษณ์ 10 แวะไปทักแล้ว แต่ตอนนั้นยังเอาเพลงขึ้นไม่ได้  อยากให้ฟังค่ะ เป็นเพลงของเฉลียงร่วมสมัย ฟังแล้วสบายใจ เหมือนได้หมุนรอบกันอยู่ตลอดเวลา ฮ่าๆๆๆ
  • เจอกันเมื่อไหร่ ไม่ต้องหลบ ไม่ต้องเขินอายหรอกนะคะ อายุเลยเลขสองแล้ว อิอิ จะแหย่ให้ฮากลิ้งเลย

พรุ่งนี้อาจารย์นพลักษณ์ ๙ ออกงานสำคัญของชาติอีกครั้ง ใช่ไหมครับ ;)

เจอกัน อาจารย์แหย่ผมไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะผมเป็นหัวเราะยาก อิ อิ

ใคร่ไห้อย่างเดียว 555

อาจารย์ค่ะจะนำไปปฏิบัติ..และพยายามเพื่อให้ทุกคนมีความสุขค่ะ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท